"ตกลงค่ะ อีกสิบห้านาทีขวัญจะลงมา" หญิงสาวพูดพร้อมกับเก็บชามข้าวต้มเข้าไปไว้ในครัว พร้อมกับล้างจนสะอาด ซึ่งเธอใช้เวลาในการล้างชามสี่ใบไปสามนาทีอีกสิบสองนาทีเธอต้องลงมาให้ทัน
ขวัญข้าวขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เธอเลือกชุดที่ใส่สบายที่สุด ตามสไตล์และไอเท็มที่เธอนั้นชอบสุดๆ นั่นคือเสื้อเชิ้ตสีขาว และกางเกงยีนรัดรูป เธอยัดชายเสื้อเข้าไปด้านในกางเกงและปล่อยชายอีกข้างเอาไว้ หญิงสาวรวบผมขึ้นแล้วมัดจุกหลวมๆ พร้อมกับใส่ต่างหูเพชรเม็ดเล็กที่มารดาเคยให้เอาไว้ เป็นของขวัญวันเกิด ใส่ติดหูอย่างเก๋ๆ ก่อนจะหยิบรองเท้าผ้าใบออกมาจากในตู้แล้วเดินลงไปหาพี่ชาย
"ว้าว! น้องขวัญข้าวทำเวลาได้ดีมากเหลืออีกตั้งหนึ่งนาที ถ้าผู้หญิงทั้งโลกแต่งตัวได้รวดเร็วเหมือนน้องขวัญคงจะดีไม่น้อย" เควินพูดเอ่ยชมหญิงสาวออกมา ในขณะที่เธอนั้นส่งยิ้มบางๆ ไปให้กับเขา โดยไม่ได้พูดโต้ตอบใดๆ ออกไป แต่สายตาของพี่ชายกลับมองมาที่ขวัญข้าวอย่างไม่ค่อยชอบใจ ในกิริยาของเธอ ทั้งที่หญิงสาวนั้นแสดงออกไปตามมารยาท
"ยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะรีบเดินไปขึ้นรถสิ พวกมึงสองคนปิดบ้านให้กูด้วย" อัครเดชพูดพร้อมกับรีบเดินนำหน้าขวัญข้าวไปที่รถ ทำให้เพื่อนทั้งสองส่ายศีรษะไปมาให้กับความหัวร้อนของชายหนุ่ม ที่ดูเหมือนว่าจะหวงน้องสาวมากเป็นพิเศษ
วันนี้พี่ชายพาเธอนั่งรถคันใหม่ออกมาจากบ้าน ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมที่บ้านถึงมีรถหลายคัน เพราะเขานั้นเป็นเจ้าของโชว์รูม และรถแต่ละคันก็มีแต่แพงๆ ทั้งนั้น อย่างรถเก๋งคันนี้ เธอพอจะเดาได้ว่าราคาของมันนั้นคงหลายล้านเลยทีเดียว
"ปีนี้เธออายุเท่าไหร่แล้ว" นั่นคือคำถามแรกของชายหนุ่ม เมื่อทั้งคู่นั่งรถออกมาจากบ้านได้สักพัก
"ขวัญอายุยี่สิบสามค่ะ" ขวัญข้าวตอบพี่ชายออกไป ขณะที่เธอนั้นไม่กล้าหันไปมองหน้าเขา เมื่อชายหนุ่มแต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนแล้วใส่แจ็คเก็ตทับยิ่งทำให้เขานั้นดูดี ในเวลานี้หัวใจของเธอมันเต้นโครมคราม อย่างไม่เป็นจังหวะ เมื่อได้อยู่กับเขาสองต่อสองภายในรถแบบนี้
"อืม...แล้วเรียนจบอะไรมา" ชายหนุ่มถามในประโยคที่รู้อยู่แก่ใจ เมื่อเขารู้สึกชอบเวลาที่เธอตอบคำถาม ความใสซื่อของขวัญข้าว ผิดแปลกจากผู้หญิงทุกคนที่เดินเข้ามาในชีวิตของเขา เพราะหญิงสาวไม่มีมารยา เธอดูไร้เดียงสา และนั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ค่อยชอบเวลาที่เพื่อนๆ เขาใกล้ขวัญข้าว เพราะกลัวว่าหญิงสาวจะตามเล่ห์เหลี่ยมของพวกผู้ชายไม่ทัน ทั้งที่เขาเองก็ใช่ย่อย คนที่ขวัญข้าวควรจะอยู่ให้ห่างๆ คือพี่ชาย ไม่ใช่ชาร์ลและเควิน
"ขวัญเรียนจบเศรษฐศาสตร์มาค่ะ" หญิงสาวตอบออกไปแต่ภายในใจของเธอนั้นได้แต่ภาวนาให้ถึงตลาดโดยเร็ว ขวัญข้าวรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เมื่ออยู่กับเขาตามลำพังแบบใกล้ชิดอย่างนี้ ถามว่ารู้สึกดีไหมนั่นแหละที่เธอกำลังกลัว
"ตกลงอันดับแรกฉันจะให้เธอทำงาน เป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อ ทำได้ไหมมันขึ้นอยู่กับเธอ ถ้าทำไม่ได้ก็กลับบ้านไป" ขวัญข้าวรู้สึกน้อยใจในตัวของพี่ชายขึ้นมาในทันที เมื่อเธอยังไม่ได้ลงมือทำงานเขาก็ประเมินค่า และพูดในทำนองว่าเธอนั้นจะทำไม่ได้
หลังจากนั้นบทสนทนาระหว่างคนทั้งคู่ก็เงียบลงไป รถยนต์คันหรูวิ่งเข้ามาในห้างสรรพสินค้าที่ดูกว้างใหญ่ จนขวัญข้าวนั้นรู้สึกแปลกใจ เพราะนี่มันไม่ใช่ตลาดอย่างที่เธอตั้งใจเอาไว้ว่าจะมาตั้งแต่แรก
"ขวัญจะไปตลาดทำไมพี่พามาห้างละค่ะ" หญิงสาวยังคงทำหน้าบึ้งไม่ยอมลงไปจากรถ ที่สำคัญเธอนั้นเป็นคนประหยัด และไม่ชอบติดหรู ทั้งที่มารดาเลี้ยงเธอมาไม่ต่างจากลูกคุณหนู แต่ขวัญข้าวก็ทำตัวติดดิน นั่นคือสิ่งที่แม่เลี้ยงกวางกมลรู้สึกรักและประทับใจในตัวของขวัญข้าวเพิ่มขึ้น
"เธอจะไปทำไมตลาด ลงไปได้แล้ว" ชายหนุ่มพูดออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยถามขวัญข้าวออกมาอย่างแปลกใจ เมื่อเธอคือผู้หญิงคนแรกในชีวิตที่คิดจะพาเขาไปเดินตลาด
"พี่ไปทำธุระของตัวเองเถอะค่ะ ขวัญจะรออยู่ในรถ" ขวัญข้าวพูดพร้อมกับเอามือขึ้นมากอดอกเอาไว้ เพื่อยืนยันว่ายังไงเธอก็จะไม่ยอมเข้าไปในห้างสรรพสินค้าอย่างแน่นอน
"ธุระของฉันที่ไหนกันล่ะ ที่ฉันพามาห้างล้วนแต่เป็นธุระของเธอทั้งนั้น" คราวนี้ชายหนุ่มพูดพร้อมกับชักสีหน้าออกมาอย่างไม่พอใจ เมื่อขวัญข้าวนั้นเริ่มจะทำตัวเรื่องมากกับเขา ซึ่งอัครเดชนั้นไม่ชอบให้ใครมาขัด เวลาที่เขาตัดสินใจหรือออกคำสั่ง ทุกคนจะต้องทำตามไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานหรือว่านอกเวลางานก็ตาม และยิ่งเป็นขวัญข้าวสิ่งที่เขาต้องการคือการที่เธอยอมจำนนในทุกเรื่อง
"ฉันบอกพี่ตั้งแต่จะออกมาจากบ้านแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจะไปตลาด แล้วพามาห้างทำไม ฉันไม่ชอบเดินห้าง ชอบเดินตลาดมากกว่า" หญิงสาวพูดออกมาพร้อมกับเชิดหน้าอย่างไม่ยอมเขา แม้จะหวาดกลัวชายหนุ่มอยู่บ้าง แต่เธอก็มีสิทธิ์เลือกไม่ใช่เหรอ
"จะเดินลงไปดีๆ หรือจะให้ฉันอุ้มลงไปจากรถ เอ...หรือว่าชอบทำตัวเรียกร้องความสนใจ ได้! เดี๋ยวจะจัดให้" อัครเดชพูดพร้อมกับ รีบเดินลงไปจากรถแล้วอ้อมมาฝั่งผู้โดยสาร เขาเปิดประตูออกพร้อมกับปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยให้กับขวัญข้าว
"ไม่ต้องยุ่งขวัญลงเองได้!" ขวัญข้าวพูดออกมาเสียงแข็ง พร้อมกับทำหน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์ใส่ชายหนุ่มออกไป แต่เขากลับยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ
"แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ทำไมต้องเรื่องมากด้วยก็ไม่รู้" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเดินนำหน้าขวัญข้าวเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้า หญิงสาวพยายามทิ้งระยะห่างไม่กล้าเดินเคียงข้างไปกับเขา เพราะการแต่งตัวของเธอกับผู้หญิงรอบข้างช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ส่วนมากมีแต่แต่งตัวเปรี้ยวๆ สวยๆ ทั้งนั้น พอหันกลับมามองตัวเองเหมือนบ้านเด็กนอกเข้ากรุงยังไงก็ไม่รู้
"พี่เสือ! ใช่พี่เสือไหมคะเนี่ย พวกเราเป็นแฟนคลับพี่เชียร์พี่ทุกสนามเลยนะคะ" หญิงสาววัยรุ่น หน้าตาจิ้มลิ้มกล่าวชมชายหนุ่มออกมาด้วยความปลื้มปริ่มใจ ราวกับได้เจอซูเปอร์สตาร์ดาราในดวงใจก็ไม่ปาน
"ขอบคุณมากนะครับที่ติดตาม" ชายหนุ่มกล่าวคำขอบคุณไปตามมารยาท พร้อมกับฉีกยิ้มที่มุมปากออกมาเล็กน้อย
"พวกเราขอถ่ายรูป ไว้เป็นที่ระลึกหน่อยนะคะพี่เสือ นี่เธอ! รบกวนถ่ายรูปให้พวกเราได้ไหมอ่ะ" ขณะที่ขวัญข้าวแกล้งเดินช้าๆ มองโน่นมองนี่หญิงสาวตัวเล็กๆ หน้าตาบ้องแบ๊วก็วิ่งตรงมาที่เธอ พร้อมกับ ยื่นสมาร์ตโฟนมาให้ เพื่อขอความร่วมมือในการถ่ายรูปให้กับพวกหล่อน
"อืม...ได้สิ" ขวัญข้าวพูดพร้อมกับยิ้มตอบรับกลับไปด้วยใบหน้าที่สดใสตามสไตล์ของเธอ ถ้าไม่บอกว่าอายุยี่สิบสามทุกคนคงคิดว่าเธอนั้นพึ่งเรียนมัธยมปลาย เพราะใบหน้าของหญิงสาวนั้นดูอ่อนกว่าอายุมาก
ขวัญข้าวถ่ายรูปให้กับกลุ่มวัยรุ่นสาวๆ ไปหลายภาพ พวกหล่อนเปลี่ยนท่านั้นท่านี้บ่อยครั้งอย่างไม่รู้จักเกรงใจทั้งคนถ่ายภาพ และพ่อนักบิดเลยสักนิด กว่าจะถ่ายเสร็จก็ปาไปหลายนาที จนขวัญข้าวนั้นถึงกับถอนหายใจออกมา เธอรู้สึกไม่ชอบอะไรที่มันวุ่นวายแบบนี้เลยสักนิด
หลังจากที่ถ่ายภาพเสร็จอัครเดชพาเธอตรงไป ที่ร้านกระเป๋า ซึ่งราคาแต่ละใบนั้นมีแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนหรือมากกว่านั้นเธอไม่แน่ใจ หญิงสาวเลือกอยู่นานสองนาน แต่ขวัญข้าวไม่ได้เลือกใบที่ชอบ เธอกำลังเลือกใบที่ราคาถูกที่สุดในร้าน