"ไอ้พวกเพื่อนเวรมากันทำไมแต่เช้าวะ!" ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสีย ขณะที่ขวัญข้าวรู้สึกอาย ที่เผลอไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาเมื่อสักครู่ แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มนั้นจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วรีบเดินออกไปจากห้องครัวตรงไปหาเพื่อนทั้งสองของเขาในทันที
"พวกมึงสองคนมาหากูทำไมแต่เช้า วันนี้วันหยุดไม่พักผ่อนหรือไง" อัครเดชถามเพื่อนออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่ต้อนรับแขกเลยสักนิด ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งที่โซฟากลางห้องโถงของบ้านข้างๆ กับชาร์ล ซึ่งชายหนุ่มจัดมุมตรงนี้เอาไว้สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ เพราะมันโล่งแล้วทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย หลังจากที่ทำงานหนักมาทั้งวัน
"พวกกูสองคนไม่ได้มาหามึง แต่มาหาน้องสาวมึงต่างหาก ขวัญข้าวอยู่ในครัวใช่ไหม" เควินพูดออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยืน เพื่อเตรียมตัวเดินเข้าไปในครัว
"หยุดเลยไอ้เควินเดี๋ยวกูไปช่วยน้องขวัญข้าวเอง มึงไม่ถนัดเรื่องทำอาหารไม่ใช่เหรอ" ชาร์ลพูดพร้อมกับรีบลุกขึ้นเดินไปฉุดแขนเควินเอาไว้
"บ้านกูก็เปิดร้านอาหาร ทำไมกูจะทำกับข้าวไม่เป็น เนี่ยเชฟเควินมึงรู้จักหรือเปล่า...เฮ้ยไอ้ชาร์ล!" ในเวลานี้สองหนุ่มกำลังพยายาม แย่งกันเข้าไปในครัว อีกคนก็พยายามผลักส่วนอีกคนก็พยายามดึง จนอัครเดชนั้นรู้สึกหมั่นไส้ขวัญข้าวขึ้นมา ทั้งที่เธอนั้นไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
"พวกมึงสองคนหยุด! แล้วไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารไม่อย่างนั้น จะได้แดกตีนกู! แทนข้าวเลือกเอา" ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่น้ำเสียงของเขานั้น กลับกระแทกกระทั้น เสียจนเพื่อนทั้งสองมองมาที่เขาพร้อมทั้งแสดงสีหน้าอารมณ์เสียออกมาอย่างจำใจ ที่จะต้องไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารด้วยกันทั้งคู่
"เสร็จหรือยัง มัวแต่ใส่เสน่ห์ลงไปหรือไง ถึงได้ทำนานจังแค่ข้าวต้ม ฉันหิวจนไส้จะกิ่วอยู่แล้วเนี่ย" ชายหนุ่มพูดเอ็ดขวัญข้าวออกมา ทั้งที่เธอนั้นกำลังตักข้าวต้มใส่ชาม
"เสร็จแล้วค่ะ เพื่อนพี่มากี่คนขวัญจะได้ยกเอาไปให้ถูก" หญิงสาวพูดพร้อมกับโรยผักชีลงไปที่ชามข้าวต้ม
"ของฉันไม่ใส่ผักชี" ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามแต่รีบพูดขึ้นในทันที เพราะกลัวว่าเธอจะใส่ผักชีลงไปในชามข้าวต้มของเขา เมื่อชายหนุ่มนั้นไม่ชอบกลิ่นของมันเลยสักนิด
"โอเคค่ะ ชามของพี่ไม่ใส่ผักชี เดี๋ยวขวัญจะยกไปให้ พี่ไปนั่งรอเลยค่ะ" ขวัญข้าวพูดพร้อมหยิบถาดขึ้นมา ซึ่งในถาดนั้นสามารถใส่ข้าวต้มได้ทีละสองชาม
"ไม่เป็นไรมันร้อน เอามานี่เดี๋ยวฉันถือออกไปเอง ส่วนเธอไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารเดี๋ยวฉันจะยกไปให้ ส่วนไอ้เพื่อนสองตัวนั่น เดี๋ยวฉันจะให้มันมาจัดการยกไปเอง" คำพูดของเขากำลังทำให้ขวัญข้าวทำตัวไม่ถูก เธอควรดีใจหรือว่าเกรงใจเขาดี เพราะเมื่อกี้ยังพูดดุเธออยู่เลย แต่ตอนนี้มาทำดีมีทีท่าเหมือนกับว่ากำลังห่วงใย หญิงสาวนั้นแทบจะปรับตัวตามอารมณ์เขาไม่ทัน
"อ้าว! ยืนเป็นรูปปั้นอยู่ทำไมตามมาสิ"
หญิงสาวร่างอรชรจำใจต้องเดินตามชายร่างสูงใหญ่ออกไปจากครัว เธอไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดี บางทีก็อยากต่อปากต่อคำกับเขา แต่นั่นมันไม่ใช่นิสัยของเธอ เพราะขวัญข้าวเป็นหญิงสาวที่เรียบร้อย แต่เธอก็ฉลาดพอที่จะรู้จักเอาตัวรอดไม่ได้อินโนเซ้นท์จนเกินไป ที่จะไม่รู้ว่าผู้ชายคนไหนมาร้ายมาดี แต่ที่เธอโสดทุกวันนี้ก็เพราะเหตุผลบางอย่าง ที่ไม่อาจบอกใครได้ นอกจากเก็บเอาไว้ภายในใจ และภาวนาให้ใครคนนั้นหันมามองเธอบ้างสักนิดก็ยังดี
"ว้าว! เสิร์ฟเองซะด้วยขอบคุณมากครับคุณเสือ"
เพียะ!!!
"โอ๊ย! อะไรเนี่ยตีมือกูทำไม เมื่อคืนก็โดนถีบไปทีหนึ่งแล้ว จะอะไรนักหนากับกูวะไอ้เสือ" เควินโวยวายออกมาเสียงดัง ในขณะที่ขวัญข้าวนั้นกำลังเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งข้างๆ พี่ชาย
"ชามนี้ของกู ส่วนชามนี้มันเป็นของขวัญข้าว ส่วนของพวกมึงสองตัววางอยู่ในครัว ไปหยิบมาเอง กินก็กินฟรีแล้วยังจะให้ยกมาเสิร์ฟอีก บ้าหรือเปล่าเนี่ยฮ่ะ!" ชายหนุ่มพูดออกมาพร้อมกับตักข้าวต้มขึ้นมาเป่า ก่อนจะค่อยๆ ซด ซึ่งอัครเดชเริ่มก็รู้สึกว่าเขานั้นกำลังติดใจในรสชาติของมัน เมื่อฝีมือการทำอาหารของขวัญข้าวนั้น ช่างเลิศรสทุกอย่างถูกปากเขาไปเสียหมด
"ไอ้ชาร์ลยกมาให้กูด้วย เจ็บเอวไม่พอยังเจ็บมืออีกต่างหาก" เควินพูดออกมา ขณะที่สายตาของเขานั้นจับจ้องไปที่ใบหน้าของขวัญข้าว จนเธอนั้นแทบจะไม่กล้าตักข้าวเข้าปากอยู่แล้ว
"ไอ้เควินตาหวานเชียวนะมึง!" อัครเดชพูดพร้อมกับทำตาเขียวใส่เควิน อย่างไม่ค่อยพอใจ เมื่อเขามองขวัญข้าวราวกับว่าจะกลืนกิน
"กูแค่มองเฉยๆ น้องมึงไม่สึกหรอหรอกน่า หวงอยู่ได้ ใช่ไหมครับน้องขวัญคนสวย คนน่ารัก ใสๆ แอ๊บแบ๊วแบบนี้พี่ชอบอ่ะ" เควินพูดพร้อมกับแอ้บเสียงสองออกมาได้อย่าน่าหมั่นไส้
"กูว่ามึงเก็บปากไว้กินข้าวดีกว่า เพราะถ้าปากแตกมึงจะแดกอะไรไม่ลง" อัครเดชกระแทกเสียงใส่เควิน ขณะที่ชาร์ลวางชามข้าวต้มลงให้กับเขา
"ทำไมน้องขวัญทำข้าวต้มได้อร่อยจัง วันหลังพี่คงต้องมาฝากท้องบ่อยๆ แล้ว" ชาร์ลกล่าวชมหญิงสาวออกมาพร้อมทั้งทำกรุ้มกริ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ไม่ต้องมาบ่อยก็ได้เปลือง ที่บ้านพวกมึงไม่มีข้าวกินหรือไง" อัครเดชพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด ทั้งที่ปกติแล้วเขานั้นจะอารมณ์ดีถ้าหากว่ามีเพื่อนมาที่บ้านแบบนี้
"มีสิ! แต่มันไม่อร่อยเหมือนน้องขวัญทำ มื้อเที่ยงน้องขวัญจะทำอะไรกิน เดี๋ยวพวกพี่จะรอชิม" ชาร์ลยังคงไม่ลดละความพยายาม เพราะเขาอยากได้ยินเสียงหวานๆ ของหญิงสาวที่เปล่งออกมา แต่ทว่าเธอกลับเงียบไม่พูดไม่จา เอาแต่ก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มเข้าปากลูกเดียว
"เอ่อ... คือว่าในตู้ไม่มีอาหารสดแล้วค่ะ ที่ขวัญทำไปมันก็หมดแล้ว แต่ทานข้าวเสร็จขวัญก็ตั้งใจไว้ว่าจะไปตลาด แต่ยังไม่รู้เลยว่าตลาดอยู่ตรงไหน" หญิงสาวพูดออกมา พร้อมกับแอบชำเลืองมองไปที่ใบหน้าคมของพี่ชาย เพราะไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะอนุญาตให้เธอไปซื้อของที่ตลาดหรือเปล่า
"เดี๋ยวพี่พาไป/ เดี๋ยวพี่พาไป" เควินและชาร์ลพูดประสานเสียงออกมาพร้อมเพรียงกัน ด้วยประโยคเดียวกัน เมื่อพวกเขาทั้งคู่มีจุดประสงค์ที่จะจีบขวัญข้าวให้ติด แม้จะรู้ว่าชีวิตนี้อาจจะไม่ค่อยปลอดภัย เมื่อพี่ชายของเธอนั้นดุอย่างกับเสือสมชื่อ
"พวกมึงหุบปากไปเลย รีบกินข้าวแล้วก็รีบกลับบ้านซะ! ส่วนเธอทานข้าวเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัว แม่ให้ฉันพาเธอไปเลือกซื้อชุด เพราะพรุ่งนี้ต้องใส่ไปทำงาน อย่าบอกนะว่าเธอจะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนไปทำงานมันไม่ใช่" ขวัญข้าวยังไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาก็ตัดสินเธอ จากภาพที่เห็น ความจริงเธอตั้งใจที่จะไปซื้ออาหารสดและชุดที่ตลาดด้วย เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็คงต้องใส่ชุดสวยๆ ไปทำงาน
"แม่โทรมาบอกพี่เหรอคะ" หญิงสาวถามพี่ชายออกมาด้วยความสงสัย เพราะเธอไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มนั้นจะพาไปที่ตลาดจริงๆ
"อืม... เอาชามไปเก็บแล้วก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวฉันจะรอให้เวลาสิบห้านาที"
"ฮ่ะ! สิบห้านาที" คนที่อุทานออกมาไม่ใช่ขวัญข้าว แต่เป็นชาร์ลและเควิน