หลังจากจดทะเบียนสมรสกันแล้วช่วงวันหยุดยาวอชิระวัตรจึงได้พาแพรวพรรณไปฮันนีมูนที่แก่งกระจาน
แพรวพรรณและอชิระวัตรขับรถมาถึงรีสอร์ตที่แก่งกระจานในช่วงสายของเช้าวันเสาร์ เมื่อเอาของไปเก็บยังห้องพักแล้วก็ได้เปลี่ยนชุดออกมานั่งรับลม ทานชากาแฟอาหารว่างที่ทางรีสอร์ตได้จัดเตรียมไว้ให้ โดยได้มานั่งรับลมริมแม่น้ำเพชร นั่งไปได้สักครู่หนึ่งก็ได้เห็นนกเงือกสองตัวบินมาเกาะที่ต้นไม้ อชิระวัตรเป็นคนเห็นก่อนจึงร้องเรียกให้ภรรยาดูด้วย
"แพรว ดูนั่นสิ....."
"อะไรคะพี่บาส"
"นกเงือกครับ ดูมันสิ ไม่น่าเชื่อนะว่ามันจะยังมีอยู่ที่รีสอร์ตแห่งนี้"
"นั่นสิคะ นกเงือกจริงๆ ด้วย ดูเหมือนมันจะอยู่กันเป็นคู่สองตัวผัวเมียนะคะเนี่ย"
"แล้วแพรวรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นผัวเมียกัน รู้ด้วยเหรอตัวไหนเป็นตัวเมียหรือตัวผู้"
"แพรวไม่รู้หรอกค่ะว่าตัวไหนตัวผู้ตัวไหนตัวเมีย แต่เคยดูสารคดีเขาบอกว่านกเงือกมันจะอยู่กันเป็นคู่ พอมันโตพอจะสืบพันธุ์ได้มันก็จะจับคู่กัน เมื่อมันมีคู่แล้วมันก็จะอยู่กับคู่ของมันจนกว่าจะตายจากกัน ถ้าคู่ของมันตายนกอีกตัวมันก็จะตรอมใจตายตามไปด้วย แพรวว่านกเงือกนี่มันเป็นสัตว์เดรัจฉานที่จิตใจมันสูงกว่ามนุษย์บางคนที่ชอบผิดลูกผิดเมียผิดผัวของคนอื่นอีกนะคะ ซึ่งในสังคมสมัยนี้เห็นได้โดยทั่วไป จิตใจเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์บางจำพวกเสียอีกนะคะ" แพรวพรรณพูดเล่าอชิระวัตรและพูดแสดงความคิดเห็นของตัวเองเกี่ยวกับคนเกี่ยวกับสังคมสมัยนี้ออกมาด้วย
"มันก็ใช่ว่าคนมันจะเลวไปหมดนะเมียจ๋า อย่างน้อยก็มีพี่ผัวของแพรวคนหนึ่งนะที่รักแพรวคนเดียว เป็นไงดีพอจะสู้กับนกเงือกพอไหวมั้ยครับ"
"ค่ะ ให้มันดีให้ได้ตลอดเถอะ กลัวจะดีแตก สมัยนี้คนมันสะดวกสบาย โลกออนไลน์มันทำให้ทุกอย่างมันง่าย ใจคนมันก็เลยมักง่ายตามเทคโนโลยีไปด้วย ความอดทน รอค่อยได้ ความยับยั้งชั่งใจได้มันเลยน้อยลง โลกโซเชียลมันมายาล่อใจ เห็นแต่สิ่งสวยงามตรงหน้าไม่ทันได้มองให้มันลึกซึ้งลงไปก็นัดเจอทำเรื่องแย่ๆ กันไปแล้ว ไม่ทันได้สำนึกถึงศีลธรรมกันนะคะ"
"มันก็จริงนะ เทคโนโลยีมันก็เหมือนดาบสองคม อยู่ที่ตัวเราสติปัญญาของเราที่จะเลือกใช้นะ ไม่เอาแล้วไม่อยากพูดเรื่องไม่ดี จากเรื่องดูนกเงือกวกเข้ามาเรื่องโซเชียลเฉยเลย ใกล้เที่ยงแล้วเราไปทานอาหารเที่ยงกันเถอะแดดร่มๆ เดี๋ยวเราค่อยลงไปเล่นน้ำกัน" อชิระวัตรพูดสรุปแล้วชวนแพรวพรรณไปกินข้าวมื้อกลางวัน
ช่วงบ่ายของวันนั้นอชิระวัตรและแพรวพรรณก็ได้ลงไปเล่นน้ำแล้วก็ได้ขึ้นไปที่ต้นน้ำของแม่น้ำเพชร แล้วล่องแก่งลงมาด้านล่าง มันเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ทางรีสอร์ตได้จัดเตรียมไว้ให้ เล่นน้ำล่องแก่งสนุกสนานจนเหนื่อย ช่วงเย็นแพรวพรรณและอชิระวัตรก็ได้มานอนพักผ่อนที่ห้องพักที่รีสอร์ต ตกค่ำก็ออกไปทานมื้อค่ำชมหิ่งห้อยในช่วงหัวค่ำ ระหว่างรอและนอนพักผ่อนเล่นๆ อชิระวัตรนอนดูทีวีช่องรายการต่างประเทศ ส่วนแพรวพรรณก็นั่งเล่นมือถืออัฟรูปลงเฟสบุ๊คเสร็จแล้วก็เผลอนอนหลับไปจนอชิระวัตรมาปลุกชวนให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำออกไปกินข้าวกัน
"น้องแพรว ตื่นได้แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำออกไปกินข้าวกันเถอะนะครับ"
"อือค่ะ นี่มันกี่โมงแล้วคะพี่บาส"
"ห้าโมงกว่าแล้วนะ ตื่นเถอะ ไม่หิวข้าวเหรอครับคนดี" อชิระวัตรพูดแล้วก้มลงหอมหน้าผากของภรรยาอย่างแสนรัก
"ก็หิวนิดหน่อยค่ะ" แพรวพรรณยิ้มตอบสามี
"งั้นไปอาบน้ำกันนะ พี่เตรียมน้ำไว้แล้วกำลังอุ่นๆ สบายเลย อาบด้วยกันนะครับ" อชิระวัตรช่วยเมียพร้อมกับส่งสายตาเจ้าชู้มีนัยแฝงไว้ในม่านดวงตาคม
"อึ ไม่เอาอะ อาบด้วยกันแล้วพี่บาสจะไม่ทำอะไรแพรวใช่มั้ยอะ" แพรวพรรณเอียงคอถามสามีอย่างรู้ทัน
"ทำ ไม่พลาดหรอก พี่คิดไว้แล้ว" อชิระวัตรพูดยอมรับ หัวเราะออกมาแล้วช้อนตัวแพรวพรรณขึ้นอุ้มเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที
"พี่บาส ไม่เอา ไม่เล่นนะปล่อยแพรว ไปกินข้าวก่อนนี่มันยังไม่มืดเลยนะ"
"ไม่มืดก็เอากันได้ อย่ามางอแงใส่พี่นะนี่เรามาฮันนีมูนกันนะแพรว" อชิระวัตรบอกเมีย มือก็ทำหน้าที่ดึงเชือกเส้นเล็กๆ ที่ผูกเสื้อแฟชั่นแบบผูกฝ่าด้านหน้าเอาไว้ออก แล้วก้มลงจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองก่อนที่จะอุ้มเมียลงไปทำรักกันในอ่างน้ำวน
"อือ พี่บาส" แพรวพรรณร้องเรียกชื่อสามีเสียงกระเส่าด้วยความเสียวซ่านเมื่อโดนสามีดูดดึงดอกบัวคู่งาม
"แพรวจ๋า พี่รักแพรวนะ"
"แพรวก็รักพี่บาสมากเหมือนกันค่ะ"
หลังจากอาบน้ำและเสร็จกิจกรรมรักในอ่างน้ำวนกันแล้ว อชิระวัตรก็ได้พาแพรวพรรณออกไปทานมื้อค่ำ เตรียมตัวจะล่องเรือไปนอนดูดาวและชมหิ่งห้อยตอนกลางคืนบริเวณปากแม่น้ำเพชรด้วยกัน แต่พอทานข้าวเสร็จแม่ของอชิระวัตรก็โทรมาหา พูดเล่าถึงความจำเป็นของตัวเองให้ลูกชายฟัง แล้วก็ไม่พ้นเรื่องเงินอีกจนได้นั่นแหละ
"บาส ยางรถพ่อระเบิดนะลูก" นางมาลีแม่ของอชิระวัตรบอกลูกชายมาตามสายน้ำเสียงฟังดูร้อนอกร้อนใจเป็นอย่างมาก
"อะไรนะครับแม่ ยางรถระเบิดแล้วพ่อเป็นยังไงบ้างครับ" อชิระวัตรถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงพ่อของตัวเองกลัวว่าท่านจะได้รับอันตราย
"ไม่เป็นไรหรอกลูก พ่อไม่ได้เป็นอะไร แต่พรุ่งนี้จะไปทำงานยังไง เงินค่าซ่อมรถเปลี่ยนยางยังไม่มี ยางมันเสื่อมทั้งสี่เส้นเลย บาสต้องช่วยแม่นะลูก" นางมาลีบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงวิงวอน
"แล้วค่ายางสี่เส้นนี่มันเท่าไหร่อีกละครับแม่ บาสไม่ค่อยมีเงินเลยนะครับแม่ เงินก็หมดไปกับค่าตกแต่งบ้านเยอะมาก"
"แกไม่มีเงินแต่แกพาเมียไปฮันนีมูนสวีทหวานกันได้ แต่พ่อกับแม่ลำบากแกไม่สนใจเหรอบาส เออ แกจะปล่อยให้พ่อแม่แกลำบากไม่มีงานจะทำ ไม่มีข้าวจะกินก็แล้วแต่แกเถอะ ตอนนี้เงินมีติดตัวอยู่แค่สองร้อยเนี่ย"
"พอเถอะครับแม่ แล้วคราวนี้ค่ายางรถยนต์มันเท่าไหร่อีกละครับ" อชิระวัตรถามแม่น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายหัวใจเต็มที
"มันต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งสี่เส้นเลยบาส เพราะยางมันเสื่อมหมดอายุแล้ว มันแตกหมดแล้ว สี่เส้นก็ประมาณสองหมื่นนะลูก บาสช่วยแม่หน่อยนะลูกนะ แม่ขอยืมก่อนก็ได้ไว้พ่อได้เบิกเงินค่ารับเหมาแม่จะคืนให้บาสนะ"
"ครับ..." อชิระวัตรรับคำสั้นๆ รู้สึกหนักอึ้งในหัวใจ
"อีกแล้วเหรอ เดือนนี้มีมันมาทุกค่า ค่ากินค่าอยู่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ายางรถยนต์ แล้วจะเอาที่ไหนมาให้แม่วะ เงินเดือนก็ให้แพรวไปซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านไปหมดเหลือเงินในบัญชีที่เก็บเอาไว้เติมน้ำมันไปทำงาน แค่ไม่กี่พันบาทจะเอาจากไหนให้แม่อีกวะ" อชิระวัตรคิดอย่างหนักใจแล้วค่อยๆ นั่งลงบนเตียง จนแพรวพรรณเห็นสีหน้าอชิระวัตรไม่ค่อยดีเลยถามสามีออกไปด้วยความเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้น
"พี่บาส แม่โทรมามีอะไรหรือเปล่าสีหน้าไม่ค่อยดีเลย" แพรวพรรณถามสามีด้วยความเป็นห่วง
"รถพ่อพี่ยางระเบิดครับ"
"อ้าวเหรอคะ แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า"
"ไม่ได้เป็นอะไร แต่ไม่มีเงินเปลี่ยนยาง"
"อีกแล้วเหรอคะ แล้วพี่บาสมีให้แม่มั้ยคะ" แพรวพรรณถามสามี
"แม่ขอสองหมื่นเปลี่ยนยางสี่เส้น พี่มีติดตัวอยู่หมื่นกว่าบาท น่าจะพอให้ได้สักหมื่น ยังไงพี่ขอยืมแพรวก่อนสักหมื่นได้มั้ย" อชิระวัตรบอกกับแพรวพรรณเสียงเหนื่อยๆ
"ยืมหรือขอแพรวคะ คราวก่อนก็ไม่ได้ให้คืนแพรวนี่จะขอยืมอีกแล้วเหรอคะ"
"พี่ไม่ได้ขอ พี่ขอยืมแพรวก่อนนะครับ"
"พี่บาส สติค่ะ พี่ให้พ่อแม่พี่มากเกินไปแล้วนะ ให้ทุกอย่างเลย เราสองคนเพิ่งจะเริ่มสร้างครอบครัวกันนะคะ แม่กับพ่อพี่ต้องเข้าใจในข้อนี้บ้าง เอาแต่ขอค่านั่นค่านี่อยู่เรื่อย ๆ แบบนี้เมื่อไหร่ลูกจะตั้งตัวได้ พี่บาสดูอย่างพ่อแม่แพรวสิ เขาไม่เคยรบกวนเราสองคนเลยนะคะ"
"ครับ เพราะพ่อแม่แพรวสบายมีสมบัติเยอะแต่พ่อแม่พี่เขาลำบากมากจริงๆ ครับ ไม่เป็นไรถ้าแพรวไม่เต็มใจให้ พี่ขอขับรถไปกดเงินสดจากบัตรส่งไปให้เขาก็ได้ แม่โทรมาร้องไห้ด้วย พี่จะมีความสุขอยู่กับแพรวอยู่ได้ยังไงในเมื่อแม่พี่กำลังลำบากอยู่"
"พี่บาสทำไมพูดแบบนี้ละคะ ที่แพรวพูดแพรวแค่คิดว่ามันเกินไปแล้ว เดือนนี้แม่พี่โทรมาขอเงินพี่รอบที่สามแล้วนะคะ ไม่ใช่ว่าไม่ช่วยแต่นี่มันต้องช่วยทุกครั้ง ที่พูดไม่ใช่ว่าจะไม่ให้พี่นะ แต่พี่ลองคิดดูว่ามันเกินไปหรือเปล่าแม่พี่น่ะ พี่บาสไม่ต้องขับรถออกไปจากรีสอร์ตเพื่อหาตู้กดเงินหรอกค่ะ มันมืดแล้วเดี๋ยวแพรวโอนเงินของแพรวให้เอง" แพรวพรรณพูดว่าสามี รู้สึกไม่พอใจคนที่บ้านของสามีเป็นอย่างมาก
เมื่อจัดการโอนเงินให้พ่อแม่อชิระวัตรเสร็จแล้ว แพรวพรรณกับอชิระวัตรก็ไม่ได้ออกไปดูหิ่งห้อยด้วยกันแต่อย่างใด ต่างคนก็ต่างอยู่ในมุมของความไม่สบายใจของตัวเอง แพรวพรรณเองก็รู้สึกไม่ชอบใจบ้านของอชิระวัตรมากขึ้นทุกวัน อชิระวัตรเองก็หนักใจ พ่อแม่ของเขาเขาก็รัก ไม่ว่าจะเป็นยังไงเขาก็ไม่รู้จะทอดทิ้งไม่สนใจท่านได้อย่างไร ได้แต่มีความฝันว่าสักวันต้องร่ำรวยกว่านี่ มีเงินมากกว่านี้ให้ทั้งแม่ทั้งเมียใช้อย่างเพียงพอ
หลังจากคืนที่แสนจะอึดอัดเรื่องแม่อชิระวัตรโทรมาขอเงิน เช้าของวันใหม่แพรวพรรณกับอชิระวัตรก็เดินทางกลับกรุงเทพไม่มีอารมณ์จะอยู่เที่ยวกันต่อ
หลังจากย้ายเข้าบ้านใหม่ แพรวพรรณกับอชิระวัตรก็ใช้ชีวิตคู่กันอย่างต้องประคับประคองความรู้สึกเรื่องพ่อแม่ของอชิระวัตรมาโดยตลอด พ่อแม่ของอชิระวัตรก็โทรมารบกวนเรื่องเงินทุกเดือน ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ แม้แต่ค่าเติมน้ำมันรถก็ยังต้องขอลูกชาย แพรวพรรณหนักอกหนักใจแต่ก็พูดอะไรออกมาไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือหลับตาข้างหนึ่งไม่สนใจที่บ้านของอชิระวัตร บังคับขออชิระวัตรในส่วนที่ควรได้จากอชิระวัตรเดือนละสองหมื่นบาทเป็นค่าผ่อนบ้านเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ แพรวพรรณเป็นคนจัดการเองทั้งหมด
ความสัมพันธ์ของแพรวพรรณกับที่บ้านของอชิระวัตรก็ค่อยๆ ห่างเหินกันออกไปเรื่อย ๆ แพรวพรรณไปเยี่ยมพ่อแม่ของอชิระวัตรบ้างตามหน้าที่ ไปแค่ประเดี๋ยวประด่าวไม่อยู่นาน ไม่คลุกคลีไม่ให้ความสำคัญใดๆ กับชีวิต มองว่าครอบครัวของอชิระวัตรคือตัวปัญหาในชีวิตคู่ของตัวเอง เอาตัวออกห่าง ไม่รับรู้ไม่เข้าใกล้เลยก็ว่าได้