“ไม่อนุญาต”
“ครับ” ภีมะจากไปโดยทันที เรื่องวุ่นๆกำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นาน ภีมะรู้ดีว่าวันนี้ต้องมาถึงสักวัน
“คุณชาย แฟ้มรายงานขออนุมัติส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมดครับ” รัสยื่นแฟ้มงานให้ทันทีที่ภีมะกลับเข้ามาในรถ วันนี้เขาไม่ได้เข้าออฟฟิศแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำงาน
“ทำไมคนตรวจสินค้าถึงไม่ใช่คนเดิม...เข้าโรงเก็บสินค้า ผมจะเข้าไปตรวจเอง” รัสรู้ดีว่าภีมะไม่วางใจใครง่ายๆ เขาเชื่อถือคนเก่าแก่ที่ทำงานกันมานาน การทุจริตเกิดขึ้นได้ทุกที่รวมถึงการแว้งกัด ถ้าเขาส่งออกสินค้าที่ไม่ได้มาตราฐานออกไป นั่นหมายถึงการถูกปิดฉากธุรกิจ
ภีมะเข้าไปตรวจสินค้าเองจริงๆ เหตุผลที่คนเดิมไม่ได้เซ็นเพราะได้รับบาดเจ็บและอยู่ในช่วงลาป่วย เมื่อทุกอย่างไม่ผิดปกติ ภีมะจึงลงลายมือชื่อ กว่าวันนี้เขาจะได้กลับไปพักผ่อนก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน งานด่วนที่เข้ามา ทำให้เขาลืมเลือนณิชาไปชั่วขณะหนึ่ง งานทำให้สมองเขาได้พักผ่อนคลายความตึงเครียดลงได้
“วันนี้ช่างเป็นเกียรติกับผมจังเลยนะครับคุณอา”
“ภีมะ ฉันจะไม่อ้อมค้อม ฉันคิดว่านายรู้อยู่แล้วว่าฉันมาที่นี่ทำไม” ภีมะเลิกคิ้วแสร้งทำประหลาดใจ
“คุณอาจะมาเช็คหรือครับว่าลูกน้องของผมทำงานไม่ตกหล่นอะไรหรือเปล่าอย่างงั้นเหรอครับ”
“ฉันก็แค่อยากจะเยี่ยมหลานชาย”
“คนไหนละครับ ถ้าเป็นคนนี้ ก็สบายดีครับ”
“ฉันหมายถึงเหนือสมุทร”
“เรื่องของพี่ชายผม เป็นความลับแท้ๆทำไมคุณอาถึงทราบได้ครับ”
“เหนือสมุทรเป็นคนในครอบครัว มันเป็นความลับได้ยังไงกัน ตอนนี้มีญาติคนไหนไม่รู้บ้าง”
“อ้าวเหรอครับ...แต่ผมไม่ยักจะเห็นญาติสักคน”
“ภีมะ นี่แกไม่รู้ตัวจริงๆเหรอว่าเพราะอะไร” ภีมะเปลี่ยนสีหน้าไปทันที เมื่อถูกแทงใจดำ จากรูปร่างหน้าตาเขาไม่มีอะไรน่าเกรงขามสักนิดในทางตรงข้ามกลับดึงดูดผู้คนที่พบเห็น เขาเกลียดผิวขาวดั่งหยกของตัวเอง ใบหน้างดงามดั่งหญิงสาว
“ตอนนี้เหนือสมุทรยังไม่พร้อมจะให้ใครเข้าเยี่ยมได้ ไว้ให้เขาดีขึ้นกว่านี้ก่อนแล้วกัน เอาเป็นว่าการผ่าตัดของเขาผ่านไปด้วยดี แต่เขาจะกลับมามองเห็นได้หรือเปล่าก็ต้องรออย่างน้อยสามเดือน ไว้ตอนนั้นคุณอาค่อยมาเยี่ยมแล้วกัน”
“สามเดือนมันนานไป อาทิตย์หน้าได้มั้ย เขาฟื้นแล้วไม่ใช่เหรอ”
“อาทิตย์หน้าไม่ได้ จะเร็วกว่าสามเดือนมั้ยนั้น ผมขอพิจารณาตามความเหมาะสมอีกที...ได้เวลามื้อเช้าของผมแล้ว ถ้าคุณอาไม่ทานด้วยกันผมคงต้องขอตัวครับ” ภีมะพูดจบเดินออกจากห้องรับแขกไปทันที แต่เขาไม่ได้เดินเข้าไปในห้องอาหาร เขากลับเดินออกจากบ้านเข้าไปในรถ รถเคลื่อนออกไปทันที ภีมะนั่งเงียบมาตลอดทาง กว่าเขาจะดึงสติตัวเองกลับมา รถก็มาจอดหน้าบ้านของณิชาเสียแล้ว
“ไปเชิญเธอออกมา” ภีมะสั่งสั้นๆ รัสออกจากรถไปทันที ไม่ถึงสิบนาที ประตูรถด้านข้างภีมะถูกเปิดจากด้านนอก พรึ่บ ณิชาเข้ามานั่งอย่างช่วยไม่ได้
ภีมะคิ้วขมวดมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “นี่ตื่นหรือยังเนี่ย” จะไม่ให้เขาถามได้ยังไง ในเมื่อเธอยังอยู่ในชุดนอน ชุดนอนอะไรของเธอกัน ชุดนอนสัตว์ประหลาดชัดๆ
“เห็นฉันนั่งหรือนอนล่ะ” ภีมะไม่พูดอะไรต่อ สั่งให้คนออกรถ ณิชานั่งนิ่งไปตลอดทาง จนรถจอดสนิท ดวงตาคู่สวยมองสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ที่นี่มันบ้านของเขานิ เธอมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อสองวันก่อน
“พามาที่นี่ทำไม”
“กินมื้อเช้า” ณิชาเบิกตากว้างมองเขา นี่เขาไปรับเธอมากินมื้อเช้า ดวงตากลมมองนาฬิกาด้านหน้ารถ และหันกลับมามองเขา เขาอยู่ในชุดกึ่งสูท เป็นทางการมาก โอ้! นี่เขาอายุเท่าไหร่กัน ปกติเขาตื่นกี่โมงกัน เพราะตอนนี้พึ่งจะเจ็ดโมงเช้า
“ปกติคุณตื่นกี่โมง”
“ตีห้าเป็นประจำทุกวัน”
“ทุกวันเลยเหรอ” ภีมะพยักหน้า “แล้วนอนกี่โมง”
“ก็แล้วแต่...อยากรู้ไปทำไม”
“สงสัยบ้างไม่ได้เหรอ...” พวกเขาแปลกหรือเปล่านะ พี่เหนือก็เป็นคนตื่นเช้าเช่นกัน “คุณออกกำลังตอนเช้าทุกวันเลยใช่มั้ยคะ” ภีมะพยักหน้าอีกครั้ง
“คนในตระกูลเราไม่สอนให้ลูกหลานนอนตื่นสาย...แต่สะใภ้อย่างเธอฉันจะให้เวลาค่อยๆปรับตัว”
“แต่งแล้วหย่าได้เลยมั้ย”
“แต่งอย่างเดียวไม่มีการหย่า นอกจากคู่สมรสจะตายเท่านั้น” ณิชาชักสีหน้าใส่ภีมะทันที เขาร้ายกาจกับเธอจริงๆ
“เงินทองของพวกคุณฉันไม่อยากได้สักแดงเดียว เอาแบบนี้ได้มั้ย ฉันจะจ่ายโอนคืนทั้งหมดทันทีที่คุณทำตามกฎหมาย แล้วหลังจากนั้นเราต่างคนต่างอยู่”
“การโอนมอบสิทธิ์ให้แก่กัน เธอไม่รู้เหรอว่าจะมีการเสียภาษีสิบเปอร์เซ็นต์ ฉันมีจ่ายแล้วเธอละมีจ่ายมั้ย เธอก็ต้องกู้เงินมาจ่ายส่วนนี้ หาได้มั้ยละ เธอคงไม่เอาเปรียบให้ฉันจ่ายทุกรอบหรอกนะ”
“เงิน เงิน เงิน...ทำร้ายชีวิตคนทั้งคน คนที่เห็นคุณค่าของเงินมากกว่าคุณค่าของชีวิตอย่างคุณ ฉันสะอิดสะเอียนที่สุด”
“ก็ดี…” ภีมะตอบกลับสั้นๆ และลงจากรถไป ณิชาทำได้แต่ก้าวลงตามเขาที่หายเข้าไปในบ้านแล้ว
มื้อเช้าของภีมะถูกลำเลียงออกมา ส่วนณิชาได้รับกระดาษหนึ่งแผ่น “คุณอยากทานอะไรสั่งมาได้เลยค่ะ” ณิชาไล่อ่านรายการอาหารในกระดาษ และสลับไปมองบนโต๊ะที่มีอาหารมากมายมาจัดเรียงไว้อาหารมากกว่าสิบจานแต่ละจานสำหรับทานสองคำก็หมดแล้ว แต่การทำช่างประณีตสวยงามยิ่งนัก เธอเคยเห็นอาหารหน้าตาแบบนี้ในคลิปของระดับเชฟของฝรั่งเศษ
ณิชาคืนรายการ “เอาแบบนี้ แบบนี้ แบบนี้...” เธอชี้ไปยังจานที่วางอยู่บนโต๊ะทีละจานจนได้ห้าจาน “แค่นี้แหละ”
ภีมะไม่สนใจและไม่รอรายการอาหารของณิชา เขาลงมือกินของตัวเองอย่างช้าๆ ทุกการขยับของเขาได้รับการฝึกและอบรมมาอย่างดี “คุณชายทุกกระเบียดนิ้วจริงๆ” ณิชาเปรยออกมาหลังจากที่มองเขาอยู่เงียบๆนานพอสมควร ตอนที่เธอเห็นเหนือสมุทรครั้งแรกตอนนั้นเธอคิดว่าเป็นบุคลลิกเฉพาะตัว ที่แท้พวกเขาได้รับการเลี้ยงดูมาแบบนี้เองสินะ ชีวิตพวกเขาน่าจะมีม่านประเพณีและกฎของตระกูลควบคุมไว้
“ฉันไปเยี่ยมพี่เหนือได้มั้ย” ณิชาเอ่ยขึ้น หลังจากเงียบไปนาน
“ยังไม่ได้”
“แล้วเมื่อไหร่”
“หมอห้ามเยี่ยม เมื่อไหร่ที่หมออนุญาต จะบอกแล้วกัน”
“ฉันจะเชื่อคุณได้ยังไงว่าคุณพูดความจริง”
“ก็เรื่องของเธอ”
“นี่! ตอนนั้นไม่เห็นคุณพูดแบบนี้ ทำไมตอนนั้นฉันเลือกได้ว่าจะไปอยู่ที่ไหนระหว่างที่บ้านกับโรงพยาบาล”
“ก็เธอสละสิทธิ์ไปโรงพยาบาลแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วจะมาเรียกร้องอะไรไม่ทราบ...คนกำลังจะลาจากโลกนี้ไปแล้ว”
“นี่! ใครไปรับปากคุณว่าจะฆ่าตัวตาย ประสาทหรือเปล่า” ภีมะเลิกคิ้วและหันมาจ้องณิชาด้วยแววตาที่จริงจัง “ถ้า...เลี่ยงไม่ได้ ก็แต่งงานกัน เราทำสัญญาก่อนแต่งเหมือนในหนังได้มั้ย” ภีมะเปลี่ยนเป็นหลี่ตามองณิชา
“ก็ได้” ภีมะตอบกลับสั้นๆ และก้มหน้าทานมื้อเช้าต่อไป ทิ้งความฉงนไว้กับณิชา ทำไมมันง่ายจัง
“แล้วแบบนี้เราจะหย่ากันได้มั้ย...” พรึ่บ ภีมะไม่ได้ตอบ เขาลุกจากเก้าอี้ “ฉันต้องไปทำงานแล้ว” เขาพูดแค่นั้นและเดินจากไปทันที เขาไม่ใช่คนที่จะตอบคำถามเดิมซ้ำๆซากๆ เรื่องนี้เขาตอบไปแล้ว คำตอบของเขาไม่เคยเปลี่ยน
คำพูดในช่วงเวลาสั้นๆ กลับสร้างปรากฎการณ์ใหญ่ครั้งสำคัญให้กับวงการเซเลป กระบวนการขั้นตอนถูกดำเนินไปทันที เอกสารถูกจัดทำและส่งมายังที่บ้านในวันต่อมา “คุณเซ็นเอกสารทุกฉบับทั้งหมดนี้ครับ” รัสเอ่ยกับณิชาที่มองเอกสารกองโตบนโต๊ะ
“มันเรื่องอะไรบ้างคะ”
“ก็ทุกเรื่องที่คุณต้องการ” ณรงค์ที่พึ่งจะรู้เรื่องเมื่อคืนว่าบุตรสาวของตนกำลังจะแต่งงานภีมะ สายตามองเอกสารกองโตด้วยความไม่เข้าใจ “คุณจะค่อยๆอ่านก่อนก็ได้ แต่ถ้านานเจ้านายผมอาจเปลี่ยนใจ และกลับไปสนใจข้อเสนอเดิม” ณงค์หันไปมองบุตรสาวทันที มีเรื่องอะไรอีกที่เขายังไม่รู้ เพราะคราวนี้ณิชาไม่พูดอะไร เธอดึงกองเอกสารมากมายมาไล่เซ็นชื่อลงไปทันที โดยที่ไม่ได้สนใจหัวข้อในเอกสารด้วยซ้ำ รัสได้แต่ยิ้ม คำประกาศิตของตอนนี้คือ ข้อเสนอเดิม คุณชายย้ำว่าให้เอ่ยต่อหน้านายณรงค์ ณิชาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าทุกย่างก้าวของเธอนั้นเป็นไปตามที่คุณชายต้องการ