#1
ทางตอนเหนือของทวีปเอเชียมีประเทศเล็กๆที่ยังปรากฎอยู่ในแผนที่ พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ติดทะเล อาณาเขตขยายออกไปครอบคลุมเกาะเล็กเกาะน้อยมากมายหลายเกาะ ซึ่งเกาะต่างๆเหล่านี้กลับไม่ใช่ทรัพย์สินของประเทศชาติ ประชาชนล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าของทั้งสิ้น
เศรษฐกิจที่ทำรายได้หลักให้กับประเทศเล็กๆนี้ ส่วนใหญ่มาจากการส่งออกสินค้าเกษตรกรรมเป็นหลัก แต่พื้นที่เล็กๆนี้กลับมีทรัพยากรที่เป็นที่ต้องการของชนชาติต่างๆ เช่น น้ำมันดิบ ไทเทเนียม ซึ่งส่วนใหญ่มีตระกูลหลักที่ถือครองสัปทานอยู่ไม่กี่ตระกูล ภีมะ นรารัตน์ ทายาทที่ขึ้นตำแหน่งผู้นำตระกูลด้วยเพียงวัยสิบเจ็ดปี ชื่อเสียงของเขาตรงข้ามกับรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสิ้นเชิง
หนุ่มน้อยผิวเนียนสวยดั่งหยกขาว ดวงหน้าดวงตาของเขาสร้างความประหลาดใจให้กับผู้พบเห็นที่เข้ามาติดต่อขอร่วมธุรกิจด้วยมากมาย คำแล้วคำเล่าปากต่อปากก็ยังไม่เท่ากับที่ได้เห็นเอง
ปัจจุบันเขาอายุยี่สิบเอ็ดปีแล้ว ครบอายุตามพินัยกรรมฉบับแรกที่ได้ถูกกำหนดไว้ว่าให้เปิดฉบับที่สองเมื่อภีมะอายุครบยี่สิบเอ็ดปี ในอีกสามวันข้างหน้า แต่พินัยกรรมฉบับดังกล่าวกลับอยู่ตรงหน้าเขา และเนื้อความในนั้นเป็นปัญหาที่เขาต้องจัดการ
เคาะ เคาะ เคาะ เสียงนิ้วที่กระแทกลงบนโต๊ะไม่เป็นจังหวะ นานอยู่หลายนาที เคาะ เสียงครั้งสุดท้ายค่อนข้างรุนแรงเมื่อคิดหาทางออกกับปัญหาที่พบเจอจนได้
“พี่รัส” คนที่ถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมาจากกองงานที่กำลังทำอยู่ทันที “ส่งเด็กคนนั้นไปยังเกาะ...จัดการให้เงียบและเร็วที่สุด”
“เกาะที่นั่นใช่มั้ยครับ” ภีมะพยักหน้า เป็นที่เข้าใจกันว่าคือเกาะไหน
นายภีมะ นรารัตน์ ทายาทของข้าพเจ้า นายนักรบ นรารัตน์ ต้องแต่งงานกับนางสาวณิชา บริสุทธิ์ เพียงผู้เดียวเมื่อนางสาวณิชา บริสุทธิ์ อายุล่วงเลยวัยสิบแปดปีแต่ต้องไม่เกินอายุสิบเก้าปี หากนายภีมะ ไม่กระทำตาม นายภีมะต้องยกทรัพย์สินก่อนและหลังที่ข้าพเจ้านายนักรบเสียชีวิตให้กับนางสาวณิชาครึ่งหนึ่ง เว้นแต่มีเหตุผลอันสมควรที่ไม่อาจให้ทั้งสองแต่งงานกันได้ตามพินัยกรรมนี้
เหตุยกเว้นแต่อันสมควรข้อที่ 1 หากนางสาวณิชา บริสุทธิ์ เสียชีวิต ทรัพย์สินก่อนและหลังที่ข้าพเจ้านายนักรบ เสียชีวิต ให้แบ่งให้นายณรงค์ บิดาของนางสาวณิชา เป็นจำนวนยี่สิบเปอร์เซ็นต์
เหตุยกเว้นแต่อันสมควรข้อที่ 2 หากนางสาวณิชา บริสุทธิ์ ไม่ต้องการแต่งงานกับนายภีมะ นรารัตน์ นายภีมะต้องยกทรัพย์สินก่อนและหลังที่ข้าพเจ้านายนักรบเสียชีวิตให้กับนางสาวณิชาครึ่งหนึ่ง
พินัยกรรมดังกล่าวมีข้อความถูกต้องตรงกันจำนวนสองฉบับ ฉบับหนึ่งข้าพเจ้าเก็บไว้ที่คฤหาสน์นรารัตน์ที่มีเพียงทนายปีแอร์ทนายประจำตระกูลทราบตำแหน่งที่เก็บไว้เท่านั้น ส่วนอีกฉบับอยู่ที่สำนักทนายความประจำตระกูล
“คุณภีม ไม่ลองไปเจอคุณณิชาก่อนละครับ” รัส ลองเสนอ แต่ก็ต้องเจอกับสายตาบางอย่างจ้องกลับมา
“พ่อเกลียดผมมากขนาดไหน พี่ไม่รู้เหรอ” รัสนิ่งไปทันที “พ่อไม่มีทางจะให้สิ่งดีๆกับผมอย่างแน่นอน เด็กคนนั้นต้อง...” ภีมะหยุดคำพูดไว้เมื่อสมองเขาคิดบางอย่างที่โหดร้ายเกินกว่ามนุษย์ที่ดีจะคิด “...ไปทำตามที่สั่งก็พอ อย่าให้มีร่องรอยว่าเป็นการลักพาตัว และทุกอย่างต้องจัดการให้เรียบร้อยภายในคืนนี้”
“เข้าใจแล้วครับ” รัสเอ่ยขอตัวเพื่อไปเตรียมแผน การหาที่อยู่ของ ณิชาไม่ยากสำหรับพวกเขา แต่พวกเขาต้องจัดการให้เงียบที่สุดซึ่งคนที่รัสพาไปล้วนแล้วแต่เป็นคนสนิทใกล้ชิดเท่านั้น
“กลับมาแล้วค่ะ” ณิชาวางหนังสือเรียนไว้ และเดินเข้าไปในครัว หาบิดาที่รักที่กำลังทำมื้อเย็นสำหรับสองคน
“หวัดดีจ๊ะลูกรัก มาชิมสิว่าต้มยำทะเลของโปรดลูกสาวสุดที่รักรสชาติถูกปากหรือยัง”
ฮิฮิฮิ ณิชาหัวเราะพร้อมกับเดินไปยืนเคียงข้างบิดาของตน “รสชาติไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิมเลยค่ะ”
“ก็แน่ล่ะ พ่อใครเก่งที่สุด” หมับ! “พ่อใครไปไม่ได้นอกจากณิชาคนน่ารักคนนี้เท่านั้น” ฮาฮาฮา เสียงหัวเราะเสนาะไพเราะเป็นประจำทุกวันของบ้านหลังน้อยที่แสนจะอบอุ่น
จ๋อมมมม....รัสเทบางอย่างลงไปในหม้อต้มยำ เมื่อสองพ่อลูกเดินออกจากห้องครัวไป ณิชาขึ้นชั้นสองกลับเข้าห้องนอนของตนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ช่วงนี้เป็นฤดูหนาวสถาบันการศึกษาจะมียูนีฟอร์มที่เหมาะกับฤดู แต่มันไม่เหมาะที่จะใส่อยู่ในบ้านที่อบอุ่นของเธอสักเท่าไหร่
ณิชาเป็นคนของประเทศมิซูเกรโดยกำเนิด ตามกฎหมายของที่นี่แล้วเธอเป็นประชาชนโดยแท้ของที่นี่ ต่างกับพ่อของเธอที่เป็นคนไทยที่ย้ายถิ่นฐานมาทำมาหากินที่นี่ ตามกฎหมายที่ค่อนข้างแปลกสักหน่อยของที่นี่ เมื่อผู้ย้ายถิ่นฐานได้รับอนุญาตเข้าประเทศมาแล้วนั้น จะเป็นคนของประเทศได้นั้นต้องมีทายาทเกิดและเติบโตที่นี่ และผู้ย้ายจะเปลี่ยนสถานะเป็นประชาชนของที่นี่อย่างถูกต้องโดยทันทีทายาทเปรียบเสมือนกรีนการ์ดสำหรับชาวต่างประเทศ เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียคือจะไม่อนุญาตให้ผู้ย้ายเข้ามาอย่างถาวรออกนอกประเทศได้อีกตลอดชีวิต ป้องกันการเสียดุลของประเทศรวมถึงบุตรที่ต้องมีอายุครบยี่สิบห้าปี ถึงจะมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะออกจากประเทศไปตลอดหรืออยู่ต่อ
“พ่อค่ะ ทานข้าวค่ะ” ณิชาจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เดินไปหานายณรงค์ที่เธอรู้ว่าพ่อของเธอจะไปอยู่ที่ไหน พ่อชอบวาดรูปอาชีพหลักของพ่อวาดภาพตามใบสั่ง พ่อเธอเป็นจิตรกรนั่นเอง
“จ๊ะ ออกไปเดี๋ยวนี้แล้ว” เสียงตอบกลับมาจากห้องวาดภาพ เสียงหัวเราะของพ่อลูกบ่งบอกถึงความสุขที่ไม่ต้องการเพิ่มมากกว่านี้แล้ว ภาพความรักความอบอุ่นบนโต๊ะอาหารปรากฎต่อสาตารัสที่ซุ่มมองอยู่เงียบๆ แต่พวกเขาถูกฝึกมาให้ไร้ซึ่งความรู้สึก จึงไม่อาจซึมซับต่อภาพที่เห็น เพื่อก่อให้เกิดการเห็นอกเห็นใจ
“พ่อต้องย่อยก่อนนะคะ” ณิชาเตือน เพราะยามที่มีใบงานเข้ามามาก พ่อมักจะลืมเวลาออกกำลังกายทุกที นายณรงค์เข้าใจความหวังดีของบุตรสาวจึงเดินออกจากบ้านไปเพื่อไปดูต้นไม้ดอกไม้ที่ขึ้นตามเฉพาะช่วงฤดู และถือโอกาสจัดการต้นไม้ให้น่าดูมากยิ่งขึ้น
ณิชาเก็บโต๊ะ เก็บล้าง ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่งเธอรู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวพร่าเลือน หาวววว....และเธอก็เกิดง่วงนอนหนักมาก
ณรงค์ที่เริ่มพรวนดินยามเย็นไปได้เพียงนิดเดียวเขาก็เกิดง่วงนอนขึ้นมา พั่บ! และจู่ๆนายณรงค์ก็ล้มไปบนพื้นหญ้า “จัดการอย่าให้เหลือร่องรอย” รัสสั่งการชายร่างกำยำสองคนที่เข้ามาหิ้วปีกนายณรงค์กลับเข้าบ้าน คนที่สามเข้ามาจัดเก็บอุปกรณ์พรวนดินเข้าที่อย่างเสร็จสรรพ
เพล้ง! เสียงจากในครัว รัสจึงเร่งเข้าไป ร่างบางนอนหมดสติ ข้างกายมีจานแตกละเอียดอยู่ไม่ห่าง ควับ! “อย่าพลาดแม้แต่เซ็นเดียว” รัสเข้าช้อนร่างบางขึ้นมา และหันไปสั่งลูกน้องอีกสองคนที่เข้ามาเก็บกวาดล้างจานส่วนที่เหลือทั้งหมด และเก็บขยะในห้องครัวทั้งจานแตก ต้มยำทะเลที่ยังไม่หมดออกจากบ้านหลังนั้นไป ไร้หลักฐานไร้ร่องรอย
รถตู้สีดำถอยเข้ามาพร้อมเปิดประตู รัสเข้าไปในรถพร้อมร่างที่หมดสติ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ จะว่าไปที่นี่ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ง่ายกว่าที่คิด ในวันพรุ่งนี้นายณรงค์จะตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนตามปกติ แต่จะรู้ตัวตอนไหนว่าลูกสาวหายไปก็คาดเดายาก เพราะส่วนนั้นเป็นนอกเหนือที่รัสและพวกจะใส่ใจ
บรื้นนนน เสียงเครื่องยนตร์เรือดังกระทบผืนท้องทะเล เมื่อได้รับช่วงต่อรับร่างหมดสติไปส่งยังที่หมาย เกาะนรารัตน์เกาะหนึ่งในหลายๆเกาะที่ตระกูลนี้เป็นเจ้าของ
บรื้นนนน เสียงเครื่องยนตร์ ท่ามกลางความเงียบสงบบนเกาะนรารัตน์ กึก กึก กึก เสียงไม้เท้านำทางกระทบพื้น
“คุณผู้ชาย” เสียงบุรุษพยาบาลร้องบอก เมื่อเขาเองก็ได้ยินเช่นกัน “ผมออกไปดูเองครับ” เสียงไม้เท้าหยุดลง นานแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงเรือ เสบียงและทุกอย่างที่เขาต้องการจะถูกส่งมาโดยเฮลิคอปเตอร์
“คุณผู้ชายครับ!”
“มีอะไร”
“สะพาน...เด็กผู้หญิง...” เหนือสมุทรขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจเสียง ตื่นเต้นฟังไม่ได้ศัพท์เลยสักนิด “ผมหมายถึง ที่สะพาน เรือเอาเด็กผู้หญิงมาทิ้งไว้และจากไปครับ” เหนือสมุทรขบกรามแน่น รายละเอียดเขาอาจจะไม่รู้ แต่สาเหตุพอเข้าใจ เด็กคนนี้คงไปล่วงเกินภีมะเป็นแน่
“ไปพาเธอเข้ามา” เอ่อ เอ่อ “ครับ ครับ” เสียงฝีเท้าห่างไป และไม่กี่นาที เสียงฝีเท้าก็ดังใกล้เข้ามา
“พาเธอไปพัก” ร่างไร้สติถูกพาเข้าห้องนอนที่ว่าง กึกึกึ เหนือสมุทรเดินตามช้าๆ “เธอเป็นไงบ้าง”
“สภาพภายนอกโอเคครับ ดูจากอาการที่ไม่ได้สติ คงถูกวางยามาแน่ๆครับ”
“งั้นปล่อยให้พักไป”