“ณิชา ลูกกำลังจะทำอะไร” ณรงค์เอ่ยหลังจากที่รัสกลับไปแล้ว
“พ่อ หนูไม่อยากหนีค่ะ”
“หนูยอมแต่งงานกับคุณชายภีมะอย่างงั้นเหรอ”
“พ่อลืมไปแล้วหรือค่ะ ว่าเขาเองก็ไม่ได้ต้องการแต่งงานกับหนูเหมือนกัน”
“พ่อไม่เข้าใจ”
“การแต่งงานก็แค่ฉากบังหน้า ในพินัยกรรมไม่ได้ระบุสักหน่อยว่าถ้าแต่งงานหนูจะได้อะไร เพราะถ้าหนูยังดันทุรันต่อไป พวกเขาต้องตามราวีเราไม่เลิก ก็แค่แต่งงานเท่านั้นเอง หนูกับเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยสักหน่อย อยากให้แต่งก็แต่ง”
“แล้วอนาคตของหนูล่ะ”
“หนูมีคนที่หนูชอบอยู่แล้วค่ะ”
“อะไรนะ!” ณรงค์ตกใจยิ่งกว่าเรื่องที่ณิชาจะแต่งงานกับภีมะเสียอีก เพราะเขาเดาได้ว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร “ณิชา ไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าคุณชายภีมะเกลียดคุณเหนือสมุทร ถ้าลูกกับคุณเหนือสมุทรรักกัน ชีวิตของลูกทั้งสองไม่สงบสุขยิ่งกว่าเรื่องแบ่งสมบัติเสียอีก”
พั่บ พั่บ ภีมะไล่เปิดแผ่นกระดาษที่ณิชาเซ็นมาให้จนครบทุกแผ่น “หล่อนคิดว่าตัวเองฉลาดแค่ไหนกัน...”
“ตอนนี้สื่อต่างๆได้ประโคมข่าวประกาศอย่างเป็นทางการแล้วครับ” ภีมะแค่รับฟังไว้ แต่งงาน เขาไม่เคยสนใจมันเลยด้วยซ้ำ
“ทำไปตามเห็นสมควรแล้วกัน”
“คุณภีมไม่คิดว่าคุณณิชาน่ารักบ้างหรือครับ”
“ผมไม่ปฎิเสธว่าเธองดงามสวยดั่งเทพธิดาในเทพนิยาย แต่ผมเกลียด...” น้ำเสียงและสีหน้าเปลี่ยนไปทันที กรามแกร่งขบกัดแน่น ความเจ็บปวดของเขามีใครกันจะเข้าใจ
“ภีมะ...ทำอะไร”
“พ่อ ผมไม่อยากไปที่นั่นแล้ว”
“ออกมา แกอย่ามาทำตัวขี้ขลาด” ภีมะร้องลั่นเมื่อถูกดึงออกมาจากตู้เสื้อผ้าที่เขาขึ้นมาซ่อนตัวจากพ่อของเขาเอง เขาร่ำร้องบอกแต่คำว่าไม่ไป
ตื๊ดดดด เสียงเข็มเล่มแล้วเล่มเล่าที่ทิ่มแทงบนเนื้อขาวเนียนละเอียด เสียงร้องไห้ขอความกรุณาไม่เป็นผล จนเสียงร้องไม่มีให้ได้ยิน ความเจ็บปวดติดต่อกันหลายปีที่เขาต้องพบเจอ ค่อยๆสร้างความเกลียดชังในจิตใจของเขา จนมันล้นเอ่อ เขาเกลียดทุกคน รวมถึงพ่อของเขาเองที่เอาแต่ทะนุถนอมพี่ชายตาบอดและทำร้ายเขาทั้งร่างกายและจิตใจ
“คุณชาย คุณพ่อของคุณท่านได้จากไปแล้ว” คำบอกกล่าวนั้นไม่ทำให้เขาทุกข์ร้อนเลยสักนิด พินัยกรรมฉบับแรกถูกเปิดเผยหลังจากนั้นทันที เขาขึ้นรับตำแหน่งเป็นทายาทของนายนักรบ และสิ่งแลกที่เขาทำคือส่งตัวพี่ชายตาบอดไปกักขังไว้ที่เกาะ เขาต้องการให้เหนือสมุทรรู้จักความโดดเดี่ยวที่เขาได้รับมาตลอดทั้งชีวิตบ้าง
ก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูเรียกภีมะคืนกลับสู่ปัจจุบัน รัสเดินเข้ามาทันทีที่ได้รับอนุญาต
“ทางโรงพยาบาลแจ้งผลการตรวจซีทีสแกนครับ” ภีมะรับเอกสาร คิ้วเรียวกระตุกเล็กน้อย เมื่อเห็นรายงาน
“ยืนยันแน่แล้วเหรอ” รัสพยักหน้า “ดี! ปิดเรื่องนี้ไว้ อย่าให้หลุดออกไปได้เด็ดขาด” รัสขานรับและขอตัว
‘สูญเสียความทรงจำ ผลข้างเคียงจากการผ่าตัด เพราะศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนเสียหายต่อสมอง’
ฮา ฮา ฮา ภีมะหัวเราะออกมา เป็นเสียงหัวเราะที่บ่งบอกถึงความสุขครั้งแรกในชีวิตเขาเลยก็ว่าได้
“ทำไมคนเข้าออกเยอะจัง” ณิชาที่ถูกเชิญมาที่คฤหาสน์ นรารัตน์ มองผู้คนที่เดินเข้าออกไปมามากมาย
“มีบางส่วนในบ้านที่ควรได้รับการปรับปรุงครับ” รัสรายงาน ณิชาเดินตามรัสไปยังห้องที่มีคนหลายคนเดินออกมา “ที่นี่คือห้องของคุณณิชาครับ”
“ห้องของฉัน...หมายความว่าไงกัน”
“หลังการแต่งงาน คุณจะได้พักที่ห้องนี้ครับ”
“แต่ฉันจะอยู่ที่บ้านของพ่อ”
“ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้อยู่สักหน่อย...” เสียงของภีมะดังแทรกขึ้นมา “ฉันคงไม่อยากสิ้นเปลืองกับเธอนักหรอก”
“งั้นห้องนี้ก็ไม่ใช่ห้องของฉัน”
“ก็ตามใจเธอสิ...ไม่อยากได้ก็ไม่มีใครเขาว่า” ระหว่างสงครามน้ำลายของณิชากับภีมะ หญิงสาวในชุดยูนีฟอร์มแม่บ้านเดินเข้ามาพร้อมรายงานว่า “คุณชายค่ะ ทุกอย่างของคุณเหนือสมุทรเรียบร้อยแล้วค่ะ” !! ณิชาหูผึ่งทันที
“เมื่อกี้...พี่เหนือ พี่เหนืออย่างงั้นเหรอคะ” หมับ! พรึ่บ! ณิชาหลงลืมตัวตามประสา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอโผเข้าเกาะแขนภีมะ ภีมะสะบัดออกทันทีและมองเธอด้วยแววตารังเกียจอย่างเปิดเผย
ณิชาไม่แคร์ไม่สนใจท่าทางเหล่านั้นของเขา เธอหันไปหาหญิงสาวที่มาแจ้งข่าว “ห้องพี่เหนือ...เอ่อ คุณเหนือสมุทรอยู่ไหนคะ” หญิงสาวก้มหน้ามองพื้นทันที เธอไม่กล้าตอบคำถามของณิชา
อุ้ย! เสียงร้องของณิชาดังขึ้น เมื่อจู่ๆ เธอก็ถูกภีมะกระชากแขนและลากให้เดินไปกับเขา “นี่! ปล่อยนะ ฉันเจ็บนะ” ณิชาร้องและใช้แรงที่มีน้อยนิดของตัวเองดึงแขนของตัวเองออกจากพันธนาการนั้น
โอ้ย!!! ปึก ร่างบางกระแทกกับผนังห้องสักห้องที่เธอถูกลากเข้ามา “ทำอะไรเนี่ย” ณิชาร้องถามเสียงดังกว่าปกติ ดวงตากลมมองใบหน้าภีมะที่ตอนนี้เปลี่ยนไปน่ากลัวมาก ไม่เข้ากับใบหน้าสวยงามของเขาเลย
“ฉันต่างหากที่ต้องถามเธอว่า มีสมองหรือเปล่า” เสียงข่มความโกรธอย่างอดทน “ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง...นี่เธอไม่รู้ใช่มั้ยว่าได้ แสดงความงี่เง่าออกไป”
“นี่! ทำไมต้องว่ากันถึงขนาดนี้”
“ว่า!…ดีเท่าไหร่แล้วที่ฉันแค่ว่า ผู้หญิงดีที่ไหนเขาทำกัน ณิชาเธอลืมสถานะตัวเองไปแล้วยังงั้นเหรอ เธอกำลังจะแต่งงานกับฉัน แล้วเมื่อกี้คืออะไรไปทำกระดี๊กระด๊าให้กับผู้ชายอีกคนต่อหน้าผู้คนมากมาย” !! ณิชา นิ่งไปเลย จริงด้วยเมื่อกี้เธอดีใจจนลืมคำนึงถึงเรื่องนี้ ก็ใครจะไปทันคิดล่ะ เธอพึ่งจะอายุสิบแปดมามาดๆ เองนะ คนรักหรือแฟนเธอไม่เคยมีมาก่อน พี่เหนือเป็นรักแรกของเธอนี่น่า
“ขอโทษ” !!! เสียงอ่อยๆ คราวนี้ทำให้ภีมะอึ้งไป ตอนแรกเขาคิดว่า ณิชาต้องดื้อดึงเถียงหัวชนฝา แต่เรื่องกลับตาลปัตร
“ถ้างั้น...ต่อไปก็อย่าทำแบบนี้อีก”
“ได้ ฉันจะเก็บความรู้สึกไว้ในใจและไม่ใกล้ชิดกับพี่เหนือให้ใครเห็นเป็นอันขาด”
!!!! ภีมะแทบสำลักลมหายใจตัวเอง สองมือกำแน่นอย่างอดทน ฮึ! และเดินจากไปทันที ทิ้งณิชาที่ไม่เข้าใจอะไรไว้เพียงลำพัง
ณิชาไม่แคร์และใส่ใจท่าทางของภีมะสักนิด เมื่อเธอเดินออกมาจากห้องที่เธอพึ่งรู้สึกว่ามันคือห้องหนังสือ เธอก็ไม่เห็นภีมะแล้ว เมื่อลองสอบถามคนในบ้าน พวกเขาบอกว่าคุณชายออกไปข้างนอกแล้ว
“ห้องของคุณณิชา ถ้าคุณอยากได้อะไรเพิ่มเติมก็สั่งมาได้เลยค่ะ”
“ทำๆไปเถอะค่ะ อะไรก็ได้” เธอไม่ได้อยากได้ห้องสักหน่อย แต่เธออยากรู้ว่าห้องของพี่เหนืออยู่ไหน แต่ก็นั้นแหละเธอไม่กล้าเอ่ยถาม เอาเถอะยังไงเธอก็ต้องรู้อยู่ดีในไม่ช้า
“พี่เหนือจะเป็นยังไงบ้างนะ” ณิชาเปรยกับตัวเองเบา สำหรับเธอแล้วในตอนนี้มีเพียงพ่อกับเหนือสมุทรเท่านั้นที่เธอจะเชื่อใจได้
ณิชามองบ้านของตนกับพ่ออย่างแปลกใจ เมื่อเธอกลับมาพบกับคนมากมาย “กลับมาแล้วเหรอ”
“คนพวกนี้?”
“คุณชายส่งมา ให้มาช่วยหนูเก็บของ”
“ของ! อะไรเหรอคะ”
“ณิชา หนูต้องย้ายไปอยู่ที่โน้นสักระยะหนึ่ง มันเป็นธรรมเนียม” ณรงค์บอกบุตรสาว ไม่แปลกที่ณิชาจะไม่รู้เรื่องเพราะสำหรับเขาลูกสาววัยสิบแปดย่างสิบเก้ายังเด็กเกินไปที่จะออกเรือน
“หนูไปๆมาๆได้มั้ยคะ”
“หนูรู้ใช่มั้ยว่าหนูจะหย่ากับคุณชายไม่ได้”
“รู้ค่ะ คนอารมณ์แบบเขาอายุสั้นจะตายไป”
“ณิชา!!!” ณรงค์เสียงเข้มปรามบุตรสาวของตนทันที เพราะในบ้านตนตอนนี้ไม่ได้มีแค่เขาพ่อลูกเท่านั้น
ณิชาได้แต่นิ่ง เธอจะบอกพ่อได้ยังไงว่าการแต่งงานเพียงแต่ในนามเป็นทางออกทางเดียวที่เธอจะไม่ต้องตายในทันที เธอก็ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ กับพี่เหนือที่แสนดีของเธอสักช่วงหนึ่ง ชีวิตเธอมันจบลงแล้ว แต่เธอรักพ่อ ไม่อยากให้พ่อต้องเดือดร้อน ความหวังครั้งสุดท้ายของชีวิตคือพ่อและ พี่เหนือปลอดภัยก็พอ