“พิมพ์ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะแม่ พิมพ์ก็แค่...แค่...” แค่อะไรดีล่ะทำไมคิดหาคำแก้ตัวไม่ได้เลย
“พิมพ์...ในห้องหับมิดชิดอย่างนั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น มีแค่ลูกกับปลัดเมฆเท่านั้นที่รู้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ภาพที่ทุกคนได้เห็นมันไม่สามารถคิดเป็นอย่างอื่นได้จริงๆ ถึงแม้แม่จะเชื่อใจลูกสาวคนนี้ของแม่ เพราะแม่เลี้ยงลูกมาเองกับมือ แม่รู้ว่าลูกไม่มีทางทำให้แม่ผิดหวัง แต่คนอื่นเขาไม่รู้จักพิมพ์นะลูก เขาก็ตีความกันไปตามภาพที่เห็น พ่อกับแม่ และย่าพรตัดสินใจแล้ว พิมพ์จะต้องแต่งงานกับปลัดเมฆโดยเร็วที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ย่าได้ประกาศต่อหน้าท่านนายอำเภอ และแขกผู้มีเกียรติไปแล้ว ทุกคนรับรู้กันหมดแล้วนะลูก” พิมพ์รพีพรเงยหน้าสบตามารดา
“ไม่นะคะ!”
“ผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่างครับ” คู่กรณีก้าวขึ้นมาบนเรือนใหญ่ ทันได้ยินที่คุณนายเฟื่องฟ้าเอ่ยกับบุตรสาวพอดี คำปฏิเสธของหญิงสาวและสีหน้าไม่พอใจอย่างรุนแรงนั้น มันทำให้เขาอยากเอาชนะขึ้นมาทันที ปลัดเมฆายกมือไหว้ครอบครัวของพิมพ์รพีพร แล้วนั่งลงข้างแม่นภา พิมพ์รพีพรมองหน้าสบตาปลัดเมฆาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ไม่ค่ะ พิมพ์ไม่แต่งงาน แม่ขาพิมพ์ไม่แต่งงานกับอีตาปลัดนี่นะคะ ย่า...พิมพ์ไม่แต่งนะ” พิมพ์รพีพรพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ รู้สึกใจหายวาบเมื่อคิดว่าต้องแต่งงานกับผู้ชายที่เธอเกลียดนักหนา
“หยุดตีโพยตีพายได้แล้วยายพิมพ์ พ่อขอยื่นคำขาดว่าพิมพ์จะต้องแต่งงานกับปลัดเมฆโดยเร็วที่สุด รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปซะพิมพ์รพีพร” รองพลรัตน์ใช้น้ำเสียงเข้มเด็ดขาดกับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน พิมพ์รพีพรอ้าปากค้าง น้ำตารื้นเต็มขอบตา หญิงสาวมองดูคนนั้นคนนี้ด้วยความรู้สึกเสียใจ เสียใจที่ปล่อยให้อารมณ์ด้านมืด นำพาตัวเองมาสู่ความน่าอับอายในครั้งนี้ และรู้สึกเกลียดปลัดเมฆาขึ้นอีกเป็นล้านเท่า หญิงสาวจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่นิ่งขรึมนั้นอย่างโกรธแค้น
ปลัดเมฆารับรู้ถึงอารมณ์ของหญิงสาว เขาพยายามนั่งนิ่งไม่พูดอะไร เพราะไม่อยากกระตุ้นอารมณ์โกรธของพิมพ์รพีพร และเพราะรู้สึกสำนึกผิดที่ทำให้หญิงสาวต้องเผชิญสถานการณ์ที่แสนจะกดดันนี้
“หนูพิมพ์ ลุงต้องขอโทษแทนลูกชายด้วยนะ ที่ทำให้หนูต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่เมื่อเหตุการณ์มันบานปลายไปใหญ่โตอย่างนี้แล้ว ลุงอยากให้หนูเข้าใจความหวังดีของผู้ใหญ่ หนูพิมพ์ไม่รังเกียจที่จะมาเป็นลูกสาวของลุงกับป้านภาหรอกใช่ไหม” กำนันเสือพยายามเกลี้ยกล่อมให้หญิงสาวคลายกังวล เขาอยากจะตีหัวลูกชายตนเองนัก ทำเรื่องงามหน้าให้ผู้หญิงต้องเสียหายอย่างนี้ มันต้องรับผิดชอบไปจนวันตายโน่นล่ะ
“ป้าเอ็นดูหนูนะ...หนูพิมพ์ อย่าปฏิเสธความหวังดีของลุงกับป้าเลย เราเป็นลูกผู้หญิง เรื่องอย่างนี้มันต้องมีคนรับผิดชอบ และป้ายินดีที่จะให้ลูกชายตัวดีของป้ารับผิดชอบหนูอย่างเต็มที่ มาเป็นลูกสาวป้านะหนูพิมพ์” ทั้งพ่อและแม่ของปลัดเมฆาต่างเป็นห่วงความรู้สึกของพิมพ์รพีพร จึงพยายามใช้คำพูดที่นุ่มนวล และโน้มน้าวให้พิมพ์รพีพรรับความหวังดีนี้ไว้
ทุกคนต่างนิ่งเงียบเพื่อฟังคำตอบจากปากของพิมพ์รพีพร หญิงสาวรู้สึกกดดันจนอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ ใบหน้างามเศร้าหมองงอง้ำอย่างเห็นได้ชัด
“เอาล่ะๆ ตกลงว่าเราจะจัดงานแต่งให้เร็วที่สุด เดี๋ยวค่อยมาคุยเรื่องงานกันอีกที วันนี้เหนื่อยกันมาตั้งแต่เช้าแล้ว ทุกคนไปพักผ่อนก่อนเถอะ กำนันกับแม่นภาก็พาปลัดเมฆกลับบ้านไปก่อนนะ แล้วตอนเย็นมากินข้าวด้วยกัน ค่อยมาคุยกันอีกที ” ย่าพรตัดบทสรุปรายละเอียด เพราะดูแล้วหากยังนั่งเกลี้ยกล่อมผู้ร้ายปากแข็งอย่างพิมพ์รพีพรกันอยู่อย่างนี้ วันนี้คงไม่เป็นอันได้ทำอะไรกันแน่นอน หญิงชราจึงอยากเปิดโอกาสให้หลานสาว ได้พักสมองก่อน เพราะดูท่าทางพิมพ์รพีพรถูกกดดันจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
“ยายพิมพ์ยังไม่ออกจากมาจากห้องอีกเหรอ ตาพี” ย่าพรเอ่ยถามพีรพลที่กำลังหยอกล้อกับลูก บนพื้นไม้ขัดมันบนเรือนไม้หลังใหญ่ คุณพ่อตัวโตกับเด็กชายวัยห้าขวบที่กำลังหัวเราะเสียงดัง เงยหน้าขึ้นมองย่าพรพร้อมกัน
“อาพิมพ์บอกว่าปวดหัวครับย่าทวด พี่พีทชวนมาเล่นด้วยกันก็ไม่ยอมออกมา คุณพ่อบอกว่าอาพิมพ์งอแงนิสัยเหมือนเด็ก พี่พีทเป็นผู้ใหญ่กว่าอาพิมพ์แล้วนะ เพราะพี่พีทเชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ทุกอย่าง ไม่เหมือนอาพิมพ์ไม่เชื่อฟังใครเลย” เด็กชายตัวน้อยพูดเจื้อยแจ้ว ขณะที่ยังนั่งทับบนตัวของบิดา ที่นอนหงายแปลงร่างเป็นเรือรบให้ลูกขับตามจินตนาการ
“ใครบอกพี่พีท ว่าอาพิมพ์ไม่เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่” เสียงหวานค่อนข้างจะติดอารมณ์โกรธกรุ่นนิดๆ เด็กน้อยเห็นอาของตัวเองเดินเข้ามาใกล้ ก็กระโดดโลดเต้นไปกอดเอวออดอ้อน
“คุณพ่อบอกครับ แต่อาพิมพ์ไม่ต้องห่วงครับ พี่พีทโตเป็นผู้ใหญ่กว่าอาพิมพ์ พี่พีทจะดูแลอาพิมพ์เอง พี่พีทยอมให้อาพิมพ์มาเป็นน้องเหมือนน้องแพทก็ได้ ต่อไปพี่พีทก็จะมีน้องเป็นสองคนแล้ว ใช่ไหมครับพ่อ” เด็กชายพีทพูดจบก็หันมาขอความเห็นจากบิดา พีรพลหัวเราะกับสิ่งที่ลูกชายพูด แต่พิมพ์รพีพรกลับถลึงตาใส่พี่ชาย