เสียงพูดคุยและหัวเราะเสียงดังมาจากบนเรือนใหญ่ ทำให้พิมพ์รพีพรต้องขมวดคิ้วผูกโบ สถานการณ์แบบนี้ ไม่น่าจะมีเสียงหัวเราะได้นี่นา หญิงสาวยืนครุ่นคิดอยู่ที่บันไดทางขึ้นหน้าเรือนหลังใหญ่ รอบๆบริเวณบ้านแขกเหรื่อเริ่มบางตา นายอำเภอและแขกผู้ใหญ่กลับไปหมดแล้ว แต่ก็ยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง โดยเฉพาะชาวบ้านละแวกใกล้เคียงที่ต้องการรู้เรื่องของหลานสาวย่าพรกับปลัดหนุ่ม
แค่คิดว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในพิธีเปิดงานเพราะอะไร หญิงสาวก็รู้สึกวูบไหว และโกรธปลัดเมฆาเป็นเท่าทวีคูณ แล้วก็นึกเกลียดตัวเองที่ใจง่ายยอมให้เขาสัมผัสลึกซึ้งโดยไม่ขัดขืน คิดมาถึงตรงนี้พิมพ์รพีพรก็สะบัดศีรษะไล่ความคิดต่างๆออกไป
“มันจบไปแล้ว มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก ใจเย็นๆพิมพ์รพีพร” หญิงสาวพึมพำบอกตัวเองทั้งๆที่หัวใจเต้นตูมตาม วิ่งมาตั้งไกลยังคิดหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้เลย
“เอาล่ะ...ขึ้นไปบนเรือนก่อน เดี๋ยวค่อยแก้ปัญหาไปทีละเปลาะแล้วกัน” พิมพ์รพีพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะค่อยๆก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้น
“ยายพิมพ์ มานั่งข้างๆย่ามาลูก” ย่าพรที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยกตัวโปรดอยู่บริเวณชานเรือนกว้าง เอ่ยเรียกหลานสาวทันที เมื่อหญิงสาวก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้ายขึ้นมาบนเรือน เพราะย่าพรเป็นคนเดียวที่หันหน้ามาทางบันได ส่งผลให้สายตาทุกคู่ที่กำลังสนทนากันอยู่ หันมาทางหญิงสาวเป็นตาเดียวกัน
“อาพิมพ์มาแล้ว อาพิมพ์จะได้เป็นเจ้าสาว จะได้ใส่ชุดจ๋วยๆ เย้ๆ” เด็กหญิงวัยสี่ขวบพูดไม่ชัด แต่พิมพ์รพีพรพอจะเดาออกว่าหลานพูดว่าอะไร ขณะที่ยายแพทของอาพิมพ์ลุกขึ้นจากตักมารดา แล้ววิ่งกระโดดเหยงๆมากอดเอวอา ผู้เป็นอากลับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะปั้นหน้าอย่างไร กับสิ่งที่หลานสาวพูด
“มานี่ๆ แพทไปเดินเล่นกับแม่กับพี่พีทนะ ให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันลูก” นิชาหรือหนุงหนิงพี่สะใภ้ของพิมพ์รพีพร เดินมาแกะมือลูกสาวออกจากเอวของอา พี่สะใภ้สบสายตาอย่างเป็นห่วงน้องสามี เพราะตัวเองได้ยินเรื่องที่ผู้หลักผู้ใหญ่ตกลงคุยกันเมื่อสักครู่ จึงรู้ชะตากรรมของน้องสามีว่าต้องเผชิญกับอะไร พิมพ์รพีพรส่งสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจ นิชาจึงได้แต่ยิ้มให้กำลังใจ ก่อนจะพาเด็กเล็กวัยสี่ขวบและห้าขวบเดินลงจากเรือนไป
“เอ่อ...สวัสดีค่ะทุกคน”
หญิงสาวยกมือไหว้ เหมาเอาครั้งเดียวไหว้ครบทุกคน แล้วเดินตัวลีบก้มศีรษะไปนั่งลงบนพื้นไม้ข้างย่าพร
“ยายพิมพ์ นี่กำนันเสือกับแม่นภา พ่อกับแม่ของปลัดเมฆ” พิมพ์รพีพรยิ้มหวานให้ทั้งสองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้คู่กัน แล้วมือยกขึ้นไหว้อีกครั้ง ทั้งสองยิ้มไปกับท่าทางของหญิงสาว ถึงจะเป็นผู้หญิงเก่งสมัยใหม่ แต่มีกิริยานอบน้อมกับผู้หลักผู้ใหญ่ ช่างเหมาะสมจริงๆกับตำแหน่งลูกสะใภ้ของเรา กำนันเสือและภรรยาสบตายิ้มให้กันอย่างพึงพอใจ
“ก็เอาตามที่ตกลงกันนั่นแหละกำนัน” ท่านรองพลรัตน์เอ่ยกับกำนันเสือ เมื่อกำนันเสือละสายตาจากหญิงสาวแล้วหันมาสบตากับตนเอง
“ยายพิมพ์ ย่ากับทุกคนตกลงกันเรื่องของเรากับปลัดเมฆแล้วนะ” ย่าพรเอ่ยขึ้นพร้อมกับลูบศีรษะหลานสาวเบาๆ
“ตกลงอะไรคะ พิมพ์กับปลัดเมฆไม่มีอะไรให้ต้องตกลงกันนี่คะ” พิมพ์รพีพรตีหน้าซื่อ หันไปมองคนโน้นคนนี้
“พิมพ์...” พีรพลเรียกชื่อน้องสาวคนตนเสียงเข้ม พิมพ์รพีพรหันไปสบตาพี่ชาย แต่ก็ยังตีหน้าซื่อ ยิ้มใสๆ ไม่นำพากับแววตาจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องของพี่ชายตนเอง เพราะวัยที่ห่างกันเกือบสิบปี ทำให้พีรพลดูแลน้องราวกับว่าเป็นผู้ปกครองอีกคน และพิมพ์รพีพรก็ชอบทำตัวเป็นเด็กอ้อนพี่ชาย ไม่รู้จักโตเสียที จนบางเรื่องพี่ชายต้องอ่อนใจยอมให้ตลอด
“แล้วนี่อะไร” พีรพลยกแท็บเลตจอใหญ่ขึ้นหันหน้าจอมาทางน้องสาว รูปหญิงสาวผมยาวยุ่งเหยิงนั่งกอดก่ายอยู่บนตักของผู้ชายชุดสีกากี ใบหน้าซุกซบอยู่กับอกชายหนุ่มบนเตียงกว้าง มันไม่ได้มีเพียงรูปเดียว เพราะพี่ชายของเธอใช้นิ้วเลื่อนสไลด์ไปทีละภาพ ทุกภาพคมชัดจนหญิงสาวรู้สึกร้อนวูบวาบตัวชาไปชั่วขณะ พิมพ์รพีพรหุบยิ้มทันที
“โซเชียลเนตเวิร์กมันเร็วมากนะพิมพ์ นี่แค่เว็บไซต์ของอำเภอเรานะ ถ้าภาพพวกนี้ถูกเผยแพร่ต่อไปเรื่อยๆล่ะ พ่อกับแม่ ย่าพร และคนอื่นๆจะตอบคำถามของบุคคลภายนอกว่ายังไง...เจ้าของบ้านนาเปี่ยมรักใช้กระท่อมปลายนาพลอดรัก กับปลัดหนุ่มไฟแรงในวันเปิดตัวโฮมสเตย์ของตนเอง แล้วยังพวกชาวบ้านที่รอฟังอยู่ข้างล่างนั่นล่ะ เราจะบอกเขาว่ายังไง พิมพ์ช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้พี่ฟังหน่อยสิ ” พิมพ์รพีพรก้มหน้านิ่ง ใจเต้นโครมครามหญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ สมองตื้อคิดอะไรไม่ออกจริงๆ
“พิมพ์มาหาแม่หน่อยสิลูก” คุณนายเฟื่องฟ้าเรียกบุตรสาวไปนั่งใกล้ๆตน พิมพ์รพีพรเหมือนนักโทษที่นั่งอยู่กลางแดนประหาร หญิงสาวยอมรับว่ากลัวกับเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ ร่างบางคลานเข่าไปซบหน้าลงที่ตักของมารดา ร้องไห้หรือ ไม่นะ หญิงสาวพยายามบอกตัวเองว่า เธอจะต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้