“วันนี้จะมีคณะลูกค้ามาทัวร์ไร่เราเป็นชาวอเมริกันประมาณ 8 - 9 คน พวกเขาเป็นลูกค้าใหม่ที่เพิ่งทำธุรกิจด้วยกันไม่นานนักแต่ก็พอใจบริษัทเรามากทั้งผลิตภัณฑ์และการบริการ คณะผู้บริหารของบริษัทจึงอยากมาชมไร่ชาและโรงงานผลิตของเรา คุณวีจะพาคณะมาที่นี่ด้วยตัวเองและเธอจะต้องไปต้อนรับลูกค้ากับคุณวีด้วยในวันนี้” การินสั่งพิมพ์กานต์เสียงเรียบในระหว่างที่กำลังจัดการกับอาหารเช้า
“ได้ค่ะ...” ผู้ช่วยสาวรับคำเสียงเฉยชาเพราะยังน้อยใจการินถึงเรื่องผิดใจกันเมื่อวันก่อน
“เธอจะไม่ถามสักหน่อยเหรอว่าต้องทำอะไรมั่ง” การินเลิกคิ้วเมื่อเห็นท่าทีมึนตึงของเธอ
“คุณวีเป็นคนเก่งคล่องงานอยู่แล้ว ถ้าจะต้องให้พิมพ์ทำอะไรเธอก็คงบอกเองค่ะ คงไม่ต้องรู้อะไรมากมั้งคะ” พิมพ์กานต์ตอบสายตาจับจ้องอยู่ที่จานอาหารที่ได้แต่ใช้ส้อมเขี่ยไปเขี่ยมา
“แต่เธอก็ต้องรู้ว่าจะต้องต้อนรับแขกยังไงมั่ง ลูกค้าจะมาถึงที่นี่ประมาณบ่ายสองและเราจะพาชมรอบๆไร่ชาใช้เวลาประมาณครึ่งชม. จากนั้นจะนำเข้าไปชมในส่วนโรงงานผลิตซึ่งน่าจะใช้เวลานานสักหน่อยประมาณ 1 ชม. เสร็จจากโรงงานจะเป็นช่วงพักดื่มชาและผลิตภัณฑ์จากชาเขียวของเรา” การินจิบกาแฟอธิบายอย่างใจเย็น
วันนี้เขารู้สึกอารมณ์ดี อาจจะเป็นเพราะเมื่อเช้าพิมพ์กานต์เตรียมน้ำอุ่นจัดไว้ให้เขาแช่ตัวแต่เช้าทำให้เขารู้สึกสบายตัวมากและยังสบายใจอีกด้วยที่พิมพ์กานต์ช่างรู้ใจเขาซะจริงๆ อากาศเริ่มเย็นลงมากตื่นมาตอนเช้าๆ แทบไม่อยากลุกจากที่นอน แต่พิมพ์กานต์ก็กระตุ้นให้เขาตื่นด้วยเสียงบอกเรียบๆว่า……
'เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้พี่รินแช่ตัวแล้วนะคะ จะได้สดชื่นค่ะ’
มันทำให้เขาสลัดความง่วงงุนออกไปได้ดีทีเดียว หลังจากแช่น้ำอุ่นอยู่สักพักเขาก็รู้สึกสดชื่นแบบเธอว่าจริงๆ เช้านี้เขาเลยรู้สึกสดใสมาก ความเอาใจใส่ของพิมพ์กานต์ทำให้เขารู้สึกเสียใจกับคำพูดแรงๆที่พูดใส่เธอไปเมื่อวันก่อน วันนี้เขาเลยใจเย็นกับเธอเป็นพิเศษ
“ได้ค่ะ พิมพ์จะช่วยคุณวีจัดการไม่ให้ขาดตกบกพร่องค่ะ” ยังก้มหน้าก้มตาเขี่ยอาหารไปมา
“แล้วนั่นเธอจะเอาแต่เขี่ยอาหารหรือยังไงทำไมไม่กิน ยังต้องทำงานทั้งวันนะเดี๋ยวก็ไม่มีแรงหรอก”
“พิมพ์ไม่ค่อยหิวค่ะ”
“เหรอ แต่แปลกแฮะ...ทำไมฉันหิวตลอดเวลา”
“พี่รินทำงานออกไร่ตลอดต้องใช้พลังงานเยอะมั้งคะ เลยหิวบ่อย”
“ฉันไม่ได้หิวข้าวหรอก”
“อ้าว..แล้วหิวอะไรคะ” พิมพ์กานต์แปลกใจจนต้องเงยหน้าถาม
“หิวเธอ..”
“เอ่อ...” พิมพ์กานต์สบตาวาววามของการินทำให้หน้าแดงก่ำถึงใบหูเลยทีเดียว
“แบบนี้สิ...ค่อยดูเป็นพิมพ์กานต์หน่อย” การินจับปลายคางสาวน้อยด้วยความเอ็นดู แต่แล้วก็อดไม่ได้เมื่อเห็นแก้มแดงๆดวงตากลมโตจ้องหน้าเขาตาแป๋วจนต้องยื่นตัวไปจุ๊บปากพิมพ์กานต์ด้วยความมันเขี้ยว
“จุ๊บ! ..”
“อุ๊ย! ..”
“นี่มันห้องอาหารนะคะพี่ริน! ...” พิมพ์กานต์หน้าแดงกว่าเดิมต่อว่าเสียงเบาเพราะกลัวคนได้ยิน
“งั้นเหรอ งั้นเราไปที่ห้องกันมั้ย” การินชวนหน้าตาเฉย
“ไม่ค่ะ! ...” น้ำเสียงเริ่มดุตาเริ่มขวาง เพราะทั้งอายทั้งงงที่ไม่รู้ว่าวันนี้การินเป็นอะไรถึงได้มีอารมณ์หยอกล้อเธอ
“ฮะฮะฮะฮะ..ไม่ก็ไม่สิ โกรธอะไรนักหนา ตอนนี้ยังเช้าอยู่แถมยังมีนัดลูกค้าอีกด้วยฉันคงยังไม่สะดวกกินเธอหรอกเวลากระชั้นชิดแสดงฝีมือได้ไม่ดีฉันกลัวเธอไม่ประทับใจ” การินพูดกระเซ้าให้อีก
“เอ๊ะ! ..พี่รินนี่!” พิมพ์กานต์เม้มปากแน่นหน้าแดงก่ำ
“โอเคๆๆ ไม่แหย่แล้วๆ หน้าแดงเป็นลูกแอปเปิ้ลหมดแล้ว คุยเรื่องงานกันดีกว่าแล้วก็กินอาหารเช้าให้หมดสักทีเดี๋ยวไม่มีแรงต้อนรับลูกค้านะ”
“ค่ะ! ..” พิมพ์กานต์รับคำเสียงดุๆ แต่ก็อมยิ้มอยู่น้อยๆดีใจที่การินมีแก่ใจคุยกับเธอแบบไม่กระทบกระแทกแดกดันอีก
“เธอคิดว่าตารางที่วางไว้เหมาะสมดีรึยังล่ะ” การินจิบกาแฟร้อนชวนคุยต่อ
“อืม...พิมพ์ว่าก็เวลาเหมาะสมกำลังดีไม่น่าเบื่อค่ะ แต่ช่วงเลี้ยงน้ำชาและของว่างนี่ปกติเลี้ยงที่ไหนคะ”
“ก็เลี้ยงในห้องรับรองที่อยู่ติดกับออฟฟิสของฉัน” การินมีออฟฟิสส่วนตัวอยู่ถัดไปจากโรงงานประมาณ 500 เมตรและได้ทำห้องรับรองไว้ใกล้ๆกันสำหรับคณะทัวร์และลูกค้าที่มาเยี่ยมชมจุคนได้ประมาณ 50 คน
“อืมม...แต่พิมพ์ว่าคณะลูกค้าที่จะมานี่เป็นอเมริกัน คนอเมริกันจะชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติมากๆเลยค่ะคงไม่ชอบนั่งจิบชาในห้องรับรองแน่ๆ ”
“งั้นเหรอ งั้นเธอเห็นว่าควรทำยังไงถึงจะดีกว่าล่ะ”
“ถ้าพิมพ์บังอาจปรับเปลี่ยนอะไรไปคุณวีเธอจะไม่พอใจอะไรรึเปล่าคะ เพราะโปรแกรมนี้เธอเป็นคนวางไม่ใช่เหรอคะ”
“คนที่มีสิทธิขาดในเรื่องใดๆก็ตามคือฉันคนเดียว ถึงแม้คุณวีเค้าจะเป็นคนจัดโปรแกรมแต่ถ้าเปลี่ยนแปลงแล้วมันดีกว่าฉันก็เห็นด้วย และเชื่อว่ามืออาชีพอย่างคุณวีก็คงจะเห็นด้วยเช่นกัน เธอมีอะไรจะแนะนำก็ว่ามาฉันฟังอยู่”
“พิมพ์ก็ไม่ได้จะเปลี่ยนโปรแกรมอะไรหรอกค่ะแค่อยากแนะนำให้เปลี่ยนสถานที่เลี้ยงน้ำชาเล็กน้อยเพื่อให้ลูกค้าประทับใจมากขึ้น”
“เปลี่ยนสถานที่งั้นเหรอ จะเปลี่ยนไปที่ไหนล่ะเราก็ทำห้องรับรองไว้ที่เดียว”
“พิมพ์เห็นในสโตร์เก็บของมีเต็นท์สีขาวอันใหญ่อยู่ พิมพ์ว่าถ้าเราเอาเต็นท์มากางตรงเนินชมวิวไร่ชาแล้วเลี้ยงน้ำชาที่นั่นคงบรรยากาศดีมากๆเลยค่ะ”
“อ๋อ..เต๊นท์นั่นสำหรับคู่บ่าวสาวที่มาถ่ายรูปแต่งงานกันน่ะใช้ไปไม่กี่ครั้งเอง เออ..ก็ดีนะลืมไปเลยว่ามี กางเต๊นท์แล้วจัดเลี้ยงน้ำชาท่ามกลางวิวไร่ชาสวยๆคงรื่นรมย์กว่าอยู่ในห้องรับรอง”
“แล้วตอนเลี้ยงเราจัดเลี้ยงแบบไหนคะ”
“เราจัดโต๊ะสำหรับแขกโต๊ะละ 8 คน เสิร์ฟน้ำชาร้อน 1 กาพร้อมขนมและของว่างผลิตภัณฑ์ของเรา 1 ถาด ซึ่งจะมีเติมเรื่อยๆจนกว่าแขกจะเลิกทานกัน ก็ทำกันง่ายๆนะเพราะฉันก็ว่าแบบนี้ก็สะดวกดี”
“งั้นพิมพ์ขออนุญาตแนะนำการจัดเสิร์ฟนะคะ เรากางเต็นท์และจัดโต๊ะสี่เหลี่ยมยาวปูผ้าปูโต๊ะสีขาวพร้อมจัดดอกไม้สดขึ้นโต๊ะ ชาและกาแฟเราจะจัดโต๊ะอีกโต๊ะนึงแบบบุฟเฟ่ต์ ทั้งสองอย่างใส่กาอุ่นร้อนบนเตาไฟฟ้า จัดชุดถ้วยชากาแฟสวยๆให้พอดีคน จัดขนมและของว่างซึ่งแกะออกจากห่อแล้วทุกชิ้นใส่ตะกร้าที่มีผ้าลูกไม้รองสวยงามให้ทุกๆท่านได้เลือกชิมเลือกชมตามใจชอบ ระหว่างนี้พี่รินก็ควรไปร่วมปาร์ตี้น้ำชาด้วยเพื่อกระชับความสัมพันธ์ค่ะ พี่รินเห็นว่าไงคะ”
“อืม ฟังดูดีเหมือนกันนะ ฉันก็ไม่ค่อยมองเห็นในจุดนี้เหมือนกันเพราะเวลามีลูกค้ามาดูงานก็จะเน้นให้ความสำคัญและความน่าเชื่อถือด้านผลิตภัณฑ์และโรงงานมากว่า”
“ถ้าพี่รินเห็นด้วยพิมพ์ก็ดีใจค่ะ ลูกค้าน่าจะชอบ แต่ว่า...อีกไม่กี่ชม.ลูกค้าก็จะมาแล้วจะเตรียมการทันเหรอคะ พิมพ์ก็ได้แต่ออกความเห็นลืมนึกถึงเรื่องการตระเตรียมอะไรไปเลย” พิมพ์กานต์ชักเสียงอ่อย
“ทันอยู่แล้ว ฉันมีมือดีซะอย่างสั่งอะไรเป็นได้ทันใจไปหมด พิณ! ..พิณ!” การินตะโกนเรียกลูกน้องคนสนิท
“คร้าบบบบบผมมมมม มาแล้วคร้าบบบบ” พิณวิ่งกระหืดกระหอบมาจากหน้าบ้านทันทีที่ได้ยินเสียงพ่อเลี้ยงแผดเรียกออกไป
“เดี๋ยวแกจัดการตามนี้.....” การินอธิบายไอเดียของพิมพ์กานต์ให้ฟังและสั่งให้พิณไปจัดการให้เรียบร้อยโดยด่วนภายในบ่ายโมงวันนี้
“ว้าวว ไอเดียไม่เลวเลยครับคุณพิมพ์ ผมกับพ่อเลี้ยงทำกันมานานยังคิดไม่ได้เลยนะเนี่ย มัวแต่พาลูกค้าก้มหัวงุดๆเข้าโรงงานท่าเดียว ว่าแต่...พ่อเลี้ยงครับ ผมต้องลากเต้นท์ยักษ์ออกมากาง ต้องเดินไฟไปที่เต็นท์ ต้องไปหาซื้อดอกไม้มาจัดแจกัน ต้องไปหาซื้อผ้าปูโต๊ะ ซื้อโต๊ะ ซื้อชุดน้ำชากาแฟสวยๆ ซื้อถาดกระบุงตะกร้าพร้อมผ้าลูกไม้...ผมจะทำทันบ่ายโมงเหรอครับพ่อเลี้ยงครับ” พิณทำหน้าโอดครวญ
“แกจะทำมั้ย” การินถลึงตาใส่
“ทำครับ...แหะๆ ..” พิณทำหน้าปูเลี่ยนๆ
“งั้นพิมพ์ไปช่วยพิณเลือกซื้อของดีกว่าค่ะจะได้เร็วขึ้น”
“เออ ได้งั้นก็ดีเลยครับคุณพิมพ์ ผมจะไปเลือกอะไรได้อิพวกถ้วยชากาแฟอะไรเนี่ย”
“ไม่! ...เอ๊ย! ..ฮึ๊ย! ...เออๆๆๆๆ! ...จะไปก็ไปกันเหอะ รีบไปรีบกลับแล้วกัน เดี๋ยวทางนี้ฉันจะกางเต็นท์แล้วก็เดินไฟไว้รอ” การินหน้าตึงเมื่อได้ยินว่าพิมพ์กานต์จะไปซื้อของกับพิณ แต่แล้วก็ตั้งสติให้หนักแน่นเพื่องานจะได้ราบรื่นเสร็จทันเวลาจำต้องตัดใจอนุญาตให้พิมพ์กานต์ไปกับพิณทั้งๆที่เพิ่งจะอารมณ์ดีขึ้นแท้ๆ
“ไปนะครับพ่อเลี้ยง กางเต็นท์ให้เรียบร้อยนะครับผมจะพาเจ้าหญิงกลับมาจัดโต๊ะ อิอิ” พิณแหย่นายหนุ่มแล้วรีบวิ่งไปสตาร์ทรถโดยพลันหนีฝ่าเท้าพิฆาติไปได้หวุดหวิด
“พิมพ์จะรีบไปรีบกลับค่ะพี่ริน” พิมพ์กานต์ยื่นมือมาแตะข้อศอกเขาเบาๆทำให้การินสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย
“รีบไปเถอะจะกางเต็นท์รอ อย่าเถลไถลเป็นอันขาด” การินไม่วายขู่เสียงเข้ม
“ค่า...เดี๋ยวมาค่ะ” พิมพ์กานต์ยิ้มกว้างสดใสตอบในรอบหลายวัน เธอเดินไปขึ้นรถพิณซึ่งขับออกจากไร่ไปอย่างรวดเร็ว
‘แค่ไปซื้อของเท่านั้นน่าไอ้ริน..’ การินพึมพำในใจ แล้วก็รีบสลัดความคิดไร้สาระทิ้งไปหันไปสั่งงานให้ลูกน้องจัดการงานที่รับปากพิมพ์กานต์ไว้ให้เรียบร้อยทันเวลาเธอกลับมา
งานรับรองคณะลูกค้าอเมริกันเป็นที่ถูกอกถูกใจทุกๆคนอย่างมาก การินเป็นคนพาคณะชมไร่และโรงงานด้วยตัวเองซึ่งไม่บ่อยนักเพราะส่วนใหญ่เขาไว้ใจให้วีรญาดูแลต้อนรับนอกจากเป็นลูกค้าสำคัญจริงๆเขาถึงจะนำชมด้วยตนเอง แต่ด้วยคำแนะนำของพิมพ์กานต์ทำให้เขาได้คิดว่าหากเขาสามารถต้อนรับทุกๆคณะด้วยตัวเองได้คงจะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น และวันนี้ได้พิมพ์กานต์เป็นล่ามกิติมศักดิ์พูดคุยกับลูกค้าด้วยความสดใสร่าเริงยิ้มแย้มแจ่มใสทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายไม่เคร่งเครียดเรื่องงานมากเกินไปนัก
แต่แค่สองเรื่องนี่ก็ทำให้วีรญาคลั่งแค้นอยู่ในอกแทบระเบิด เพราะก่อนหน้านี้เธอจะเป็นคนจัดการทุกๆอย่างทั้งนำคณะชมไร่ โรงงาน เลี้ยงน้ำชา พูดคุยกับลูกค้า ซึ่งภาษาอังกฤษของเธอก็ถือว่าพอใช้ได้สื่อสารได้ดีพอควร แต่วันนี้การินมาต้อนรับด้วยตนเองทำให้เธอแทบหมดความสำคัญเพราะลูกค้าก็หันไปให้ความสนใจเจ้าของไร่กันหมด แถมยังมีพิมพ์กานต์มาคอยคุยกับคนโน้นคนนี้อย่างสนุกสนานเพราะสำเนียงภาษาอังกฤษของเธอฟังง่ายกว่าวีรญาทำให้ลูกค้าเรียกหาพิมพ์กานต์ตลอดเวลา
แค่นี้วีรญาก็แทบกรีดร้องให้ลั่นทุ่ง!
เท่านั้นยังไม่พอ.. งานเลี้ยงน้ำชาที่จัดขึ้นที่จุดชมวิวไร่ชาจากไอเดียของพิมพ์กานต์ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก ลูกค้าชอบอกชอบใจพร่ำชื่นชมกันไม่ขาดปากว่าช่างสวยงามและบรรยากาศดีอะไรแบบนี้ ทั้งชากาแฟก็ร้อนและหอมกรุ่นตลอดเวลาจากเตาอุ่นไฟฟ้า ขนมและของว่างทุกชิ้นจัดเรียงสวยงามบนถาดที่วางรองด้วยผ้าลูกไม้สีขาวสะอาดตาน่าทาน สร้างบรรยากาศให้รื่นรมย์น่าประทับใจมากจนคณะลูกค้าต่างติดอกติดใจนั่งจิบชาชมวิวแทบไม่อยากกลับกันเลยทีเดียว ถึงตอนนี้วีรญาก็หมดความหมายไปโดยสิ้นเชิงเพราะถึงแม้เธอจะร่วมโต๊ะอยู่ด้วยก็ไม่มีใครคุยกับเธอเลยหันไปคุยกับการินและพิมพ์กานต์กันหมด มันทำให้เธอยิ่งเกลียดพิมพ์กานต์นัก!
“เธอหยุดยิ้มมั่งก็ได้นะ” การินกระซิบบอกพิมพ์กานต์ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ทำไมละคะ” พิมพ์กานต์ทำหน้างงกระซิบถาม
“นายผมทองตาสีฟ้านั่นจ้องเธอตาเป็นมันเลย เห็นเอาแต่คุยกับเธอท่าเดียวไม่เห็นอยากคุยกับคนอื่นเลย” การินพยักเพยิดไปทางหนุ่มผมทองหุ่นล่ำที่กำลังยืนจิบชาชมวิวอยู่อีกฟากนึง
“พี่รินก็! ไซมอนเค้าเป็นลูกชายคุณจอห์นที่กำลังจะทำสัญญากับเรานะคะ” พิมพ์กานต์อธิบายตาโตอีกแล้ว
“จะไซม่อนไซแมวอะไรฉันก็ไม่สน! เธอไม่ต้องทำท่าสนิทสนมกันนักก็ได้! ..” การินกระซิบรอดไรฟัน
“พิมพ์ก็เปล่าทำนี่คะ พิมพ์ก็ดูแลทุกๆคนเหมือนๆกัน”
“แต่ไอ้ไซแมวนั่นมันคิดไม่เหมือนคนอื่นน่ะสิ!” การินยังขู่ฟ่อ
“งั้นพิมพ์ก็คงไปห้ามอะไรเค้าไม่ได้หรอกค่ะถ้าเค้าจะคิดแบบนั้น เพราะพิมพ์ไม่ได้คิดอะไรกับเค้ามากไปกว่าการต้อนรับลูกค้าหรอกค่ะ”
“งั้นก็ดี อย่ามาทำเป็นเพลย์บอยจีบพนักงานในไร่ฉันแล้วกัน สัญญงสัญญาอะไรฉันก็จะไม่เซ็นละ ไม่ชอบคนไม่รู้กาลเทศะ” การินกอดอกนั่งจ้องแผ่นหลังเจ้าฝรั่งไซมอนจนเจ้าตัวคงรู้สึกร้อนวูบๆวาบๆจนหันมาสบตากับเขา การินเลยต้องยิ้มให้แบบเก้อๆ
“ถึงเขาจะจีบพิมพ์ก็ไม่สนใจหรอกค่ะ พิมพ์ไม่ชอบฝรั่ง” พิมพ์กานต์พูดเรื่อยๆจิบชาพลางๆ
“เหรอ แล้ว..เธอชอบผู้ชายแบบไหนล่ะ” การินก็จิบกาแฟถามเรื่อยๆ
“พิมพ์เป็นคนไทย พิมพ์ก็ชอบคนไทยสิคะ” พิมพ์กานต์ตอบตามความรู้สึกไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แต่คำตอบธรรมดาๆกลับทำให้หัวใจของการินรู้สึกวูบวาบไปได้
“อือ ก็ดี.. เป็นคนไทยก็ต้องแต่งงานกับคนไทยด้วยกันถึงจะดี คุยอะไรกันจะได้รู้เรื่อง อย่าไปมองฝรั่งตาน้ำข้าวดีกว่าเปลี่ยนผัวเปลี่ยนเมียกันเป็นว่าเล่น กลับมาเมืองไทยไม่กี่วันก็มาอยู่ที่ไร่แล้วคงไม่ได้เจอใครสินะ แต่ไม่เป็นไร..เพื่อนๆฉันก็ดีๆหลายคนไว้จะแนะนำให้รู้จัก ถ้าเกิดชอบกันตบแต่งกันไปเธอจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะได้สามีไม่ดี”
“พิมพ์ยังไม่ได้ต้องการแต่งงานกับใครตอนนี้ค่ะ พี่รินไม่ต้องแนะนำใครให้รู้จักก็ได้” พิมพ์กานต์เงยหน้าตอบเสียงเริ่มขุ่นมัวนิดๆ
“โอเคๆๆ ...ก็แค่พูดเรื่อยๆเท่านั้น ไม่ต้องทำหน้าตาดุยังงั้นก็ได้ เอ้า! กินขนมดีกว่า อันนี้อร่อยนะลองชิมรึยัง” การินหยิบขนมปังกรอบโฮลวีตชาเขียวสินค้ายอดฮิตส่งเข้าปากสาวน้อยหน้าดุ
“ฮื้อ! พี่รินคะ พิมพ์ทานเองได้ค่ะ” พิมพ์กานต์ประท้วงเบาๆ แต่ก็ต้องอ้าปากกัดขนมที่การินยื่นมาถึงปากแล้วด้วยความเขินนิดๆเพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆอีกหลายคน
‘ไม่รู้อารมณ์ดีอะไรสิเนี่ยะ จะมาไม้ไหนนะพี่ริน’ ผู้ช่วยสาวคนเก่งคิดในใจอย่างไม่ไว้ใจในความลมเพลมพัดของนายหนุ่มรูปหล่อ
การินอารมณ์ดีตั้งแต่ตื่นนอนจนตอนนี้เพราะพิมพ์กานต์แท้ๆ ตั้งแต่เตรียมน้ำอุ่นให้อาบ..ออกไอเดียรับแขกซะจนลูกค้าประทับใจสุดๆ แถมยังต้อนรับได้ถูกอกถูกใจลูกค้าจนแทบจะแกะไอ้เจ้าไซมอนนั่นออกจากพิมพ์กานต์ไม่ได้จนเขาเริ่มรู้สึกเคืองนิดๆ แต่ก็มีคำพูดที่ฟังแล้วอารมณ์ที่กำลังขุ่นมัวกลับหายไปในบัดดล
'พิมพ์เป็นคนไทย พิมพ์ก็ชอบคนไทยสิคะ’ นึกถึงแล้วก็ทำให้ผุดรอยยิ้มมุมปากขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
กิริยาอาการของการินและพิมพ์กานต์ที่ดูจะสนิทสนมกันมากเกินกว่าเจ้านาย-ลูกน้องตรงหน้าทำให้วีรญาแอบจิกกำปั้นอยู่ใต้โต๊ะอย่างเคืองแค้น เธอทั้งทำงานรับใช้และเอาอกเอาใจการินมาหลายปีเขายังไม่เคยมีปฎิกิริยาต่อเธอแบบนี้เลยสักครั้ง แล้วนี่อะไร? ! นั่งจ้องตากัน! ยิ้มให้กัน! ป้อนขนมกัน! มันอะไรกัน!!
‘ทุกสิ่งมันเคยเป็นของฉัน ทั้งคุณริน ทั้งงาน ฉันเคยสำคัญที่สุดเสมอ ไม่ว่าเรื่องใดๆเขาต้องปรึกษาฉันก่อน โปรแกรมของฉันเขาก็ไม่เคยเข้ามายุ่งให้ฉันจัดการตามใจชอบ แล้วนี่หล่อนเป็นใครไม่ทราบถึงบังอาจมาเปลี่ยนแปลงงานที่ฉันเคยวางแผนไว้แถมคุณรินยังไม่แจ้งล่วงหน้าอีกด้วย หักหน้ากันชัดๆ!’ วีรญาคิดอย่างเคืองแค้นน้ำตาแทบจะปริ่มขอบตาจนต้องหันหน้าไปทางอื่น
“พี่วีคะ.. พิมพ์ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เปลี่ยนแปลงโปรแกรมของพี่วีโดยพละการ” เสียงเอ่ยขอโทษเบาๆทำให้วีรญารีบปรับสีหน้าหันกลับมาทางต้นเสียง
“อื้อ! ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะน้องพิมพ์ น้องพิมพ์มีไอเดียก็แนะนำกันถูกต้องแล้วค่ะ ลูกค้าก็ชอบกันทุกคนเห็นมั้ยคะ พี่เองก็ไม่ได้พัฒนาเล้ยยเอาแต่ย่ำอยู่กับที่ใช้แต่โปรแกรมเดิมๆอยู่ได้ไม่สร้างสรรค์ซะเลยสู้น้องพิมพ์ก็ไม่ได้ พี่คงจะตกงานก็คราวนี้แหละ” วีรญาสะกดกลั้นอารมณ์ที่แล่นขึ้นเป็นริ้วๆตอบพิมพ์กานต์ไปด้วยรอยยิ้มเย้าแหย่ไร้ความจริงใจ เห็นใบหน้าใสๆของพิมพ์กานต์ดูรู้สึกผิดที่ก้าวก่ายหน้าที่แต่เธอหาได้เห็นอกเห็นใจหรือเข้าใจไม่ ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากตบสักฉาดให้สาแก่ใจ
“อุ๊ย! ไม่มีทางหรอกค่ะ คนทำงานเก่งๆ อย่างพี่วีพิมพ์ไม่มีทางเทียบได้เลยค่ะ พี่รินมีแต่จะภูมิใจในตัวพี่วีนะคะชมพี่วีไม่ขาดปากให้พิมพ์ฟังบ่อยๆ ”
‘ตอแหลนักนะ!’ วีรญาคิดในใจ
“แหม..คุณรินก็ชมเกินไป พี่ก็แค่ทำตามหน้าทีเท่านั้นแหละค่ะ แต่ตอนนี้คุณรินก็มีผู้ช่วยคนเก่งเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วนี่ ทั้งสวยทั้งเก่งคุณรินคงจะต้องหลงเสน่ห์น้องพิมพ์แน่ๆ เลยค่ะ” วีรญาพยายามวางกับดักให้พิมพ์กานต์ตกหลุมพราง
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะพี่วี มีแต่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อพิมพ์ตลอดสิไม่ว่า...” ประโยคหลังพึมพำอย่างอดไม่ได้
“อะไรนะคะ? ใครกินเลือดกินเนื้อ?” วีรญาสะดุดหูทันที
“เปล่าๆๆ หรอกค่ะ พิมพ์เปรียบเทียบเวลาพี่รินโกรธก็เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อคนน่ะค่ะ พิณยังโดนบ่อยๆเลยค่ะ” พิมพ์กานต์เฉไฉไป
“อ๋อ..เหรอคะ..” วีรญารับคำแต่ก็ยังขมวดคิ้วติดใจในประโยคนั้นไม่หาย
“เอ่อ..ลูกค้าเรียกพี่วีน่ะค่ะ งั้นพิมพ์ไม่รบกวนนะคะ ขอบคุณที่พี่วีไม่โกรธพิมพ์ ถ้าหากพี่วีมีอะไรให้พิมพ์รับใช้ก็บอกได้เลยนะคะ พิมพ์ยินดีค่ะ” พิมพ์กานต์ยิ้มหวานเอาใจ
“ได้ค่ะน้องพิมพ์ แต่พี่คงไม่กล้าใช้น้องพิมพ์หรอกค่ะเดี๋ยวคุณรินว่าเอาว่ามาใช้ผู้ช่วยคนสนิทของเค้า พี่ไปคุยกับลูกค้าก่อนนะคะ ขอบคุณน้องพิมพ์เหมือนกันที่ช่วยให้ลูกค้าประทับใจยิ่งขึ้นค่ะ” วีรญาพยายามยิ้มอย่างที่สุด พิมพ์กานต์ยิ้มตอบแล้วเดินไปคุยกับลูกค้าอีกกลุ่มนึงอีกด้านของเต็นท์
‘มีเรื่องอะไรที่เป็นความลับระหว่างยัยพิมพ์กานต์กับคุณรินรึเปล่านะ? มันต้องมากกว่าแค่หลานคุณพงษ์ที่เอามาฝากให้ทำงานแน่ๆ ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไร!!’ วีรญาจับจ้องพิมพ์กานต์สบถสาบานในใจ