ตอนที่5 ความรู้สึกแปลกประหลาด

1345 คำ
หงเหม่ยหลงออกจากกลุ่มคนเมื่อครู่มาได้ระยะหนึ่ง จนมั่นใจว่าไม่มีใครเห็นนางแล้ว นางจึงนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อพักเอาแรง หญิงสาวเพียงนั่งหลับตานิ่งๆอยู่อย่างนั้น ภาพเมื่อครั้งที่บิดาของนางฟาดพลังฝ่ามือใส่นาง จนนางกระเด็นตกหน้าผา ตอนนั้นร่างกายของนางบอบช้ำมาส่วนหนึ่งแล้ว ต่อมานางยังเผลอใช้พลังฝ่ามือโดยที่ร่างกายยังไม่พร้อมตอนอยู่ที่ริมแม่น้ำ ร่างกายของนางจึงยิ่งบอบช้ำหนักกว่าเดิม ยามนี้นางยังไม่อยากขยับไปไหนจริงๆ หญิงสาวยังคงนั่งหลับตา ปลดปล่อยร่างกายให้เอนซบกับต้นไม้ใหญ่อยู่อย่างนั้น ท่ามกลางแมกไม้ภายใต้ขุนเขา สายลมพัดเอื่อยเฉื่อยกระทบใบหน้าซีดเซียว หญิงสาวเพียงปล่อยให้ธรรมชาติเป็นตัวเยียวยาให้กับร่างกายที่อ่อนแรง ทันใดนั้น เหมือนเสียงลมดังวูบอยู่ข้างหู พร้อมกับโลกหมุนกลับด้าน หงเหม่ยหลงลืมตาขึ้น พบว่าร่างของตนถูกอุ้มขึ้นโดยบุรุษผู้หนึ่ง น่าแปลกใจยิ่ง ทำไมนางไม่รู้ตัว อาจเป็นเพราะนางใช้กำลังออกไปจนเกินตัวกระมัง หญิงสาวคิดในใจขณะมองออกไปว่าใครกันที่เข้าถึงตัวนางอย่างอุกอาจ “เป็นท่าน” หงเหม่ยหลงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นใคร “เป็นข้าเอง” หลี่ซ่งหมินตอบพร้อมกับยกร่างของหงเหม่ยหลงหมุนตัวขึ้นนั่งบนม้าตัวหนึ่ง “ท่านจะทำอะไร” หญิงสาวถามขึ้นเมื่อถูกชายหนุ่มพาควบม้าตะบึงออกมาจากต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น “พาเจ้าออกไปจากที่นี่” ชายหนุ่มตอบคำโดยไม่มองหน้า เขาใช้มือข้างหนึ่งควบม้าให้วิ่งไปตามทาง ส่วนมืออีกข้างพยุงร่างบางของหญิงสาวให้อยู่ในอ้อมกอด ถึงแม้ว่าเมื่อครู่นั้น นางจะสามารถฆ่าคนได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว แต่เพราะเขาเห็นกับตาว่านางบาดเจ็บสาหัสเมื่อตอนที่อยู่ด้วยกัน เขาจึงออกตามหานาง เขาใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะหานางจนพบ เขาเห็นนางนั่งหมดแรงอยู่ดังคาด จึงไม่รอช้ารีบอุ้มนางขึ้นม้าในทันที “ข้านั่งของข้าอยู่ดีๆ มิได้ต้องการที่จะไปกับท่าน” หงเหม่ยหลงกล่าวเสียงขุ่นไปทางบุรุษที่โอบกระชับนางอยู่บนหลังม้าตัวเดียวกัน “เจ้าต้องการนั่งรอให้ชายชุดดำกลุ่มนั้นพาพวกมาสมทบกับเจ้าหรือไร” หลี่ซ่งหมินกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ต่างกัน ชายชุดดำ?... อ่อ... มันยังไม่หมดอีกรึ? หงเหม่ยหลงนิ่งคิด ใบหน้าของหญิงสาวพลันสัมผัสได้ถึงเลือดอุ่นๆบนไหล่ของชายหนุ่ม เมื่อพิศมองอย่างสำรวจดูที่แผงอกของเขา นางสังเกตได้ว่ามีบาดแผลที่มีเลือดซึมออกมาจากชุดสีอ่อนอีกสองแห่ง นางจึงเอียงหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มของเขาก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีขึ้นกว่าเดิม “ท่านบาดเจ็บ” ชายหนุ่มก้มมองหน้าหญิงสาวเพียงนิดก่อนตอบ “เจ้าเองก็บาดเจ็บเช่นกัน” “ข้าไม่เป็นไร” “ยังจะเถียง” “เดิมทีข้าดีขึ้นมากแล้ว แต่ต้องมาเจอบุรุษโง่งมคนหนึ่ง” ประโยคของหงเหม่ยหลงทำเอาหลี่ซ่งหมินต้องกระตุกเชือกบังคับม้าให้หยุดวิ่งอย่างกระทันหัน เขาถามเสียงต่ำ “เจ้าว่าอะไรนะ” “ท่านได้ยินแล้ว” “เจ้า!” เขาเว้นเพียงนิดก่อนเอ่ยต่อ "ถ้าไม่ใช่เพราะสตรีบางคนทำข้าเสียสมาธิ ข้าก็คงไม่บาดเจ็บเช่นกัน" เขาเอ่ยพลางใช้สายตาชี้เป้ามาทางนาง "ท่าน!" หญิงสาวรู้ตัวทันทีว่าเขาหมายถึงนาง ทั้งสองเงียบงัน จ้องหน้ากันและกันอยู่อึดใจ “รีบไปเถอะ ท่านจะรอให้พวกนั้นมาสบทบกับท่านหรือไร” รอบนี้เป็นหงเหม่ยหลงที่เอ่ยประโยคนี้บ้าง หญิงสาวมักเป็นเช่นนี้ นางมักพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา เหมือนบิดาของนาง หลี่ซ่งหมินไม่อยากต่อปากต่อคำจึงควบม้าให้วิ่งต่อไปข้างหน้า สักพักจึงเจอเข้ากับพวกทหารของตนที่รออยู่อย่างกระวนกระวาย เพียงไม่นานต่อมา หงเหม่ยหลงจึงถูกจัดให้นั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกับหลี่ซ่งหมิน ขณะนี้แผลของหลี่ซ่งหมินได้รับการรักษาเยียวยาและพันผ้าไว้อย่างเรียบร้อยดีแล้ว มีเพียงหงเหม่ยหลงที่ไม่ได้มีบาดแผลภายนอกจึงไม่ต้องรักษาอะไร หญิงสาวมีเพียงอาการอ่อนเพลียเพราะเจ็บช้ำภายใน นางจึงต้องการพักผ่อนเพียงเท่านั้น รถม้าคันใหญ่พาสองชายหญิงเดินทางอยู่เป็นเวลานาน หลี่ซ่งหมินและหงเหม่ยหลงมิได้กล่าวสิ่งใดต่อกันอีกเลย ชายหนุ่มเพียงนั่งนิ่งๆท่าทางเขร่งขรึมระวังตัวตลอดเวลา ส่วนหงเหม่ยหลงนั้นนางเพียงเผลอหลับไปอยู่ข้างๆหลี่ซ่งหมิน ในขณะที่ชายหนุ่มเพียงนั่งนิ่งๆให้หญิงสาวได้อาศัยไหล่ของเขาได้พักผ่อน เขาสังเกตเห็นรอยเลือดติดอยู่ตามพวงแก้มและลำคอของหญิงสาว เขาจึงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดให้นางอย่างเบามือ หลี่ซ่งหมินค่อยๆใช้ผ้าลูบไล้ไปตามพวงแก้มนุ่มนิ่มก่อนจะค่อยๆเลื่อนลงตามลำคอระหง เขาพยายามเช็ดคราบเลือดที่ติดอยู่ตามบริเวณนั้นอย่างบรรจงและเบามือด้วยเกรงว่าจะเป็นการรบกวนการพักผ่อนของนาง ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างเริ่มก่อตัว เขานั่งพิศมองใบหน้าของหญิงสาวอยู่อย่างนั้น ใบหน้าของนางยามหลับไหลแลดูอ่อนเยาว์ เป็นเพียงเด็กสาวแรกรุ่นคนหนึ่ง รูปร่างของนางบางระหงอรชนอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอม หญิงสาวยามนี้ช่างแตกต่าง นางช่างแตกต่างจากตอนที่นางตื่นลืมตา และ ยามฆ่าคน อย่างสิ้นเชิง... ชายหนุ่มนั่งพิศมองใบหน้าของหญิงสาวอยู่อย่างนั้น นิ่งนาน… นางเป็นใคร? นางเป็นใครกัน? นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอยากทำความรู้จักกับสตรีแปลกหน้าอย่างจริงจัง นางช่างน่าสนใจยิ่งนัก เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่มิรู้ได้ หงเหม่ยหลงลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองยังอยู่ในรถม้าคันเดิม แต่ตอนนี้รอบนอกของรถม้าไม่ใช่ในป่าแต่เป็นในเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง หญิงสาวหันซ้ายหันขวามองไม่เห็นบุรุษหนุ่มคนที่นั่งอยู่ข้างๆกันในเวลาก่อนหน้านี้ เขาไปไหน? ทิ้งกันไปแล้วหรืออย่างไร? หญิงสาวถามตนเองในใจ ก่อนจะออกจากรถม้าไปอย่างรวดเร็ว “คุณชาย” ทหารนายหนึ่งอยู่ในชุดธรรมดามิใช่ชุดทหาร รีบรุดเข้ามาบอกกล่าวกับหลี่ซ่งหมิน ตอนนี้สรรพนามที่ใช้เรียกเปลี่ยนจากองค์ชายเป็นคุณชายแล้ว “แม่นางน้อยหายไปแล้ว ขอรับ” หลี่ซ่งหมินผินใบหน้าออกจากผ้าที่ตนกำลังเลือกอยู่พลางขมวดคิ้วคมขึ้นก่อนถามเสียงเข้ม “หายไปได้อย่างไร ข้าสั่งให้เฝ้าไว้มิใช่รึ” “เอ่อ...เรียนคุณชาย” ทหารทำท่าอึกอักมิรู้ได้ว่าควรจะตอบอย่างไร ในเมื่อสตรีนางนั้นหายตัวไปอย่างรวดเร็ว “ได้แล้วเจ้าค่ะ” เสียงคนขายผ้าพลันดังขึ้นขัดจังหวะของพวกเขาในทันที “ชุดนี้เหมาะกับสตรีของคุณชายที่สุดเลยเจ้าค่ะ เอาชุดนี้เลยนะเจ้าคะ” คนขายกล่าวพลางจัดเก็บผ้าให้หลี่ซ่งหมินโดยไม่รอฟังคำตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ชายหนุ่มเพียงเดินหันหลังกลับไปยังรถม้าด้วยท่าทางหงุดหงิด ปล่อยให้นายทหารรับผ้าชิ้นนั้นมาอย่างฉงนงงงวย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม