หงเหม่ยหลงนั่งพักอยู่ในถ้ำอีกหลายชั่วยาม จนกระทั่งรู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาอยู่หลายส่วน จึงได้ตัดสินใจออกจากถ้ำมา
ยามนี้น่าจะเป็นเวลาคล้อยบ่ายแล้ว หญิงสาวเลือกที่จะเดินทางลัดเลาะอยู่ภายในป่ารกทึบไปเรื่อยๆไม่เร่งรีบแต่อย่างใด
ระหว่างทางเจอสมุนไพรหรืออาหารนางเพียงเก็บกินแต่มิได้พกพาให้หนักมือ
เมื่อรู้สึกเหนื่อยก็หยุดพักตามทางเรื่อยมา
หญิงสาวยังไม่รู้ทิศที่ตนจะไป นางยังไม่มีที่ใดให้ไป
แต่ถ้าจะให้กลับไปที่สำนักหมื่นโลกันต์บ้านของนาง
คงไม่มีทาง
เพราะความบาดหมางระหว่างตนกับบิดานั้น ยังไม่อาจสมานได้ในเร็ววัน
ภาพเหตุการณ์เมื่อครั้งที่บิดาฟาดพลังฝ่ามือใส่มารดาจนสิ้นชีพ มันยังคงฝังตรึงอยู่ในห้วงสำนึกของนาง
นางยังคงทำใจไม่ได้ในเร็ววัน
หงเหม่ยหลงเพียงนั่งหลับตานิ่งๆอยู่อย่างนั้น
เมื่อนั่งพักจนพอใจ นางจึงค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนถอนหายใจอีกครั้งแล้วลุกขึ้นยืน
ขณะนี้หญิงสาวออกจากป่าทึบมาแล้ว ข้างหน้ามีเส้นทางหนึ่งที่น่าจะนำนางไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง นางจึงเลือกเดินไปตามทางเส้นนั้น
ทันใดนั้น ประสาทสัมผัสของหงเหม่ยหลงรู้สึกได้ว่ามีชาวยุทธกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้กับคนอีกกลุ่มหนึ่งอยู่อย่างดุเดือด
สวบ สวบ!
เสียงของคนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางด้านหน้าของหงเหม่ยหลง
หญิงสาวมิได้ให้ความสนใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของตน นางไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผู้อื่น
แต่ความคิดของนางพลันเปลี่ยนไป
เมื่อเบื้องหน้าของนางปรากฎกลุ่มคนชุดดำที่มีวิชายุทธกำลังฟาดฟันอยู่กับกลุ่มของคนผู้หนึ่งอยู่
คนผู้นั้นเป็นคนเดียวกับบุรุษรูปงามที่หญิงสาวพานพบที่ริมแม่น้ำและนั่งพักอยู่ด้วยกันในถ้ำเป็นเวลานานหลายชั่วยามก่อนหน้านี้
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเคยช่วยนางไว้
จากลูกธนูดอกนั้น
นางคงไม่อาจยุ่ง
หงเหม่ยหลงเพียงยืนดูอยู่นิ่งๆเพื่อประเมินสถานการณ์ ประเมินกลุ่มที่ถูกล่าและกลุ่มที่เป็นผู้ล่า
“องค์ชาย” เสียงทหารนายหนึ่งที่กำลังต่อสู้อยู่ข้างๆหลี่ซ่งหมินเอ่ยขึ้นเมื่อหันไปเห็นหงเหม่ยหลงยืนดูอยู่ไม่ไกลพวกตน
“สตรีนางนั้น เป็นพวกเดียวกับมือสังหาร” ทหารคนเดิมกล่าวขึ้นอย่างคาดเดาจากท่าทางการยืนชมนิ่งๆของหญิงสาว ขณะเงื้อดาบป้องกันตนเองจากชายชุดดำ เห็นได้ชัดว่าตกเป็นรองฝ่ายตรงข้าม
หลี่ซ่งหมินที่กำลังต่อสู้อยู่กับชายชุดดำก็หันไปเห็นเป็นหงเหม่ยหลงเช่นเดียวกัน หญิงสาวนางนั้นยังอยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้มชุดเดียวกันกับตอนที่เจอกันตรงริมแม่น้ำและในถ้ำ
หลี่ซ่งหมินหรี่ตามองและวิเคราะห์นางอย่างฉงน เขาไม่อยากเชื่อ ว่านางจะเป็นพวกเดียวกับมือสังหารกลุ่มนี้
ถ้าเป็นอย่างนั้น
ถ้าเช่นนั้น
นางจะช่วยเหลือเขาก่อนหน้านี้ทำไมกัน
ทั้งจัดการกับโจรป่า
ทั้งทำแผลที่แผ่นหลัง
ทั้งยังนั่งเคียงข้างกันอยู่ภายในถ้ำเป็นเวลาเนิ่นนาน
ในขณะที่หลี่ซ่งหมินกำลังใคร่ครวญและต่อสู้อยู่ เขาเหมือนเสียสมาธิไปที่หงเหม่ยหลง ทำให้ชายชุดดำผู้หนึ่งได้จังหวะฟันเข้าที่ด้านหน้าของหลี่ซ่งหมิน แต่ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบได้ทัน คมดาบจึงพลาดไป เพียงแค่ฝากรอยแผลไว้บนไหล่ของเขา ในจังหวะเดียวกันชายชุดดำอีกสองคนก็เข้ามาประชิดตัวของชายหนุ่มในทันที
หงเหม่ยหลงมองเหตุการณ์อยู่จึงตัดสินใจเข้าไปในจังหวะนั้น
หญิงสาวไม่มีอาวุธใดๆในมือ จะใช้พลังฝ่ามือก็ยังไม่สามารถทำได้ จึงทำได้เพียงใช้ความเร็วเข้าประชิดคู่ต่อสู้ที่แรงเหลือน้อยสุดจากการประเมินเหตุการณ์เมื่อครู่ ก่อนแย่งชิงดาบในมือของฝ่ายตรงข้ามมา
ฉัวะ! ฉับ! ฉับ!
สิ้นเสียงดาบ ชายชุดดำทั้งสามที่รุมหลี่ซ่งหมินอยู่ถึงกับล้มทั้งยืน หัวขาดหลุดกระเด็น ต่อหน้าต่อตาของหลี่ซ่งหมิน
ชายหนุ่มถึงกับตะลึงงันกับภาพตรงหน้า
หญิงสาวอ่อนเยาว์ ถือดาบฟาดฟัน?
หงเหม่ยหลงไม่รอช้า ไม่เสียเวลากับบุรุษคุ้นตา รีบหันหลังกลับไปจัดการกับชายชุดดำที่เหลือในทันที
จากการประเมินคู่ต่อสู้ก่อนลงสนามฟาดฟันนั้น เป็น กลยุทธ์ของหญิงสาวที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นเวลานานรวมกับความรวดเร็วและฝีมือการใช้ดาบของนางที่ไม่เป็นสองรองใคร
นางเป็นถึงบุตรสาวหนึ่งเดียวของหงซือกวน เจ้าแห่งสำหนักหมื่นโลกันต์กลุ่มอิทธิพลมืดที่ใหญ่ที่สุด การฝึกฝนอันแสนหฤโหดทุกรูปแบบล้วนแล้วแต่ถูกกำหนดให้นางตั้งแต่จำความได้
การสังหารของนางจึงเป็นไปอย่างโหดเหี้ยม รวดเร็ว รวบรัด มิได้ผิดแผกไปจากการฝึกฝนมาเนิ่นนานปีแต่อย่างใด
ชายชุดดำแต่ละคน ร่างกายฉีกขาดหลุดลอยกระเด็นไม่มีชิ้นดี เลือดสีแดงสด สาดกระจุยกระจาย ความโหดเหี้ยมเกินจะบรรยายเกิดขึ้นจากสตรีนางนี้
เพียงไม่นานกลุ่มชายชุดดำที่ทำให้ฝ่ายหลี่ซ่งหมินตกเป็นรองก็ล้มตายไปจนหมด ท่ามกลางสายตาจ้องมองของหลี่ซ่งหมินและสายตาตกตะลึงพรึงเพริดของเหล่าทหารที่เหลือรอดไม่กี่คน
หงเหม่ยหลงเพียงยืนอยู่ท่ามกลางซากศพด้วยสีหน้าดุดันเย็นยะเยือก ภาพของนางยามนี้ช่างน่าทึ่ง
แต่หญิงสาวไม่เสียเวลายืนมองผลงานของตนเอง นางต้องรีบออกไปจากตรงนี้ ก่อนที่นางจะล้มไปต่อหน้าบุรุษกลุ่มนี้ นางไม่ชอบให้ใครเห็นเวลานางอ่อนแอ
ถึงแม้ว่านางจะมีเรี่ยวแรงพอที่จะฆ่าคนได้
แต่ร่างกายที่ยังบอบช้ำภายในอยู่หลายส่วนทำให้นางยังคงอ่อนแออยู่
เพียงครู่เดียวร่างบางของหญิงสาวก็หายไป
นางหายไปจากสายตาของหลี่ซ่งหมินที่ยังคงจ้องมองนางอยู่อย่างไม่วางตา