แค้นซ่อนสวาท
ตอนที่9 ภาพในอดีต
____________________
"ฉันจะยอมปล่อยครอบครัวของเธอไป ถ้าเธอยอมอ้าขานอนแผ่หลาให้ฉันเอาทุกคืน"คีย์รินทร์ยิ้มร้าย สำรวจเครื่องหน้าคนตัวเล็กไปพลาง ๆ ยอมรับว่าเพลินตา แต่ไม่ได้เพลินใจ หรือรู้สึกอยากครอบครอง ดูท่าคงง่าย และเจนเรื่องอย่างว่าเต็มทน คีย์รินทร์คิดอย่างมีอคติ
"หนูอัยตกลงค่ะ"อัยวาเพิ่งรู้ว่าผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร มีนิสัยร้ายกาจและน่าขยะแขยงที่สุด
"หึ! งานถนัดของเธอสินะ ตกลงง่ายโดยไม่ลังเลสักนิด"คีย์รินทร์ดูแคลนอย่างย่ามใจ
ชายหนุ่มยิ้มหยัน ใช้สายตาไล่มองอีกคนตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความชิงชังและสุกแสนจะดูถูก เขาไม่ได้รู้สึกพิศวาสสักนิด แต่ในเมื่อเธอไม่ได้ปฏิเสธก็ถือเสียว่านี่คือกำไรในการแก้แค้นแล้วกัน
"…"อัยวาเม้มปากแน่น เธอรู้ว่าอีกคนคงดูถูกดูแคลน ตัดสินใจเธอไปในทางเสียหายไปแล้ว แต่เธอไม่สนหลอก เมื่อไหร่ที่ชดใช้ให้หมดเธอก็จะไป
"ศักดิ์ศรี ยางอาย คงไม่มีแล้วสินะ"คำดูถูกที่พูดขึ้น ทิ่มแทงจิตใจคนฟังได้เป็นอย่างดี
ครั้งแรกที่ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรี ไร้อย่างอาย ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นเด็กดีมาตลอด ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำใสเอ่อขังทำเอาคีย์รินทร์หน่วงใจอย่างบอกไม่ถูก
อัยวาเงยหน้าขึ้นฟ้าเพื่อไล่น้ำตา คนตรงหน้าไม่มีค่าพอที่จะทำให้เธอเสียน้ำตา เธอต้องไม่อ่อนแอ ต้องไม่ทำตัวให้ใครบางคนรู้สึกสมเพช แม้ใจจะร้าวรานแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี
"นานเท่าไรคะ หนูอัยถึงจะหลุดพ้น"เธอกลั้นใจถาม แม้จะมองไม่เห็นหนทางสว่างข้างหน้าก็ตาม
"จนกว่าฉันจะพอใจ"เสียงเข้มตอบกลับด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว ไร้ซึ่งความเมตตาไม่เหมือนพี่คีที่ใจดีเมื่อหลายปีก่อน
"จะ ใจร้าย"คนตัวเล็กว่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"อย่าปากดีให้มันมาก"คีย์รินทร์ส่งมือหนาบีบคางเล็ก จนเธอเบ้หน้าด้วยความเจ็บ เจ็บแต่ไม่อ้อนวอน เจ็บแต่ไม่ร้องขอ อยากป่าเถื่อนแบบไหนกับเธอก็เชิญ
"ถ้าหนูอัยปากดีแล้วคุณจะทำไม จะผลักหนูอัยตกบันไดงั้นเหรอคะ"
"อุ๊บ อื้อ "
คีย์รินทร์กระชากท้ายทอยเล็กด้วยความหยาบคาย กระแทกปากหยักบดขยี้เด็กอวดดีเพื่อลงโทษ อยากให้เธอได้รับรู้ว่าไม่ควรต่อล้อต่อเถียง หรือพยศเหมือนม้าป่าให้มันมาก เพราะสุดท้ายคนที่จะเจ็บปางตายก็คือเธอ
ร่างหนาใช้ปากหยักดึงดูดขบกัด รู้สึกโกรธที่อีกคนก้าวร้าวใส่ ยอมรับว่าไม่พอใจที่เธอเถียงฉอด ๆ คุมคนเป็นร้อยเป็นพันไม่มีเลยสักครั้งที่ใครจะกล้าขัดหรือขึ้นเสียงใส่แบบนี้ จากที่อารมณ์ขึ้นสูงสุด ใจแกร่งค่อย ๆ สงบลง เมื่อได้ดื่มด่ำกับรสหวานของปากอิ่ม
ร่างบางดิ้นขลุกขลักด้วยความทรมาน จูบที่สามารถกระชากวิญญาณให้ออกจากร่างมันเป็นแบบนี้นี่เอง ภาพในอดีตฉายชัดเหมือนเทปเก่าถูกกรอขึ้นมาใหม่ รสจูบแสนหวานแม้จะผ่านมาหลายปีแต่อัยวากลับไม่เคยลืม
"พี่คีหนูอัยขอโทษด้วยนะคะ ที่ไม่มีของขวัญมาให้พี่คีในวันเกิด"
"ไม่เป็นไรครับเด็กน้อย"ปากบอกว่าไม่เป็นไร แต่กลับดึงอีกคนเข้ามากอดจูบ อาจจะด้วยฤทธิ์เหล้าที่ดื่มเข้าไป ทำให้ชายหนุ่มทำอะไรโดยไม่ได้คิด ไม่ยั้งจิตใจ
อุ๊บ อื้อ!
ปากอิ่มถูกครอบครอง กลิ่นแอลกอฮอล์มอมเมาจนอัยวาเคลิบเคลิ้ม คีย์รินทร์จูบอย่างทะนุถนอมและเร่าร้อนในตอนท้าย อัยวารู้สึกวูบโหวงในช่วงท้องน้อย เธอทั้งตกใจทั้งตื่นเต้น สัมผัสแรกจากผู้ชายทำเอาใจดวงน้อยเต้นอย่างบ้าคลั่ง
"เด็กน้อยของพี่ปากหวาน"แม้นี่คือครั้งแรกที่ได้เจอแต่คีย์รินทร์กลับถูกใจคนตัวเล็ก ถูกใจตั้งแต่เห็นเธอเดินลงมาจากรถพร้อมบุรินทร์และอัญญาวีผู้เป็นพี่สาวของเธอ
"พะ พี่คี"
"นี่ไง ของขวัญวันเกิด หวานดีพี่ชอบนะ"
อัยวาทั้งทุบทั้งตี แรงอันน้อยนิดไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บ หรือระคายเคืองผิวสักนิด กลับกันเขากลับรู้สึกกระสันเมื่อร่างนุ่มนิ่มดิ้นไปดิ้นมา ทั้งหน้าอกใหญ่ทั้งกลางกายสาวมันเบียดเสียดจนคีย์รินทร์รู้สึก
เขาผละจูบอย่างอ้อยอิ่ง เมื่อรู้ว่าคนที่ถูกลงโทษกำลังจะไม่ไหว ปากอิ่มหวานล้ำจนเขารู้สึกเสียดาย แม้ภายในใจจะรู้สึกดีแค่ไหน แต่ปากก็มักจะไม่ตรงกับใจเสมอ
"เธอมันก็เหมือนอาหารที่จืดชืด ไร้ซึ่งรสชาติความอร่อย"