แค้นซ่อนสวาท
ตอนที่5 อ่อนแอ
____________________
"นายครับจะไปที่สุสานหรือกลับฉัตรบริพัตรเลยครับ"เหตุผลที่เดฟต้องถามเพราะเห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของผู้เป็นนายฉายชัดขึ้นบนกระจกที่ส่องสะท้อนไปยังด้านหลัง
ตั้งแต่คุณท่านสมพงษ์ผู้เป็นพ่อเสียชีวิตด้วยโรคร้าย ผู้เป็นนายต้องคอยแบกรับภาระอันใหญ่หลวง ดูแลกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศตั้งแต่อายุยังน้อย ช่วงวัยแห่งความสุขที่ใครหลายๆคนได้พบเจอในช่วงวัยรุ่น แต่คีย์รินทร์ผู้เป็นนายไม่เคยได้สัมผัส มีแต่งาน และงาน จนกลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล แต่ไร้ซึ่งความสุข
"กลับฉัตรบริพัตรเลย"ปากบอกแต่เปลือกตายังคงปิดสนิท และเพียงไม่นานลมหายใจหนัก ๆ ผ่อนเข้าผ่อนออก และสุดท้ายก็ค่อยๆ สม่ำเสมอ
เดฟขับรถบนท้องถนนด้วยความช้า ปกติขับเหมือนม้าคลั่งวิ่งแข่งในสนาม เขาอยากให้นายได้พักผ่อนสักนิดเพราะวันนี้ทั้งวันมีแต่เรื่องให้ผู้เป็นนายปวดหัวถึงขั้นต้องทานยาพาราไปสองเม็ดเพื่อระงับอาการ
@คฤหาสน์ฉัตรบริพัตร
"นายครับถึงแล้วครับ"เดฟปลดสายเบลต์ ปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นขึ้นสักหน่อย มือหนาค่อยๆเปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถ เขายืนรอนายผู้เป็นเหนือหัวห่างออกไปสองถึงสามก้าว สักพักร่างหนาก็เคลื่อนตัวลงมา ใบหน้าที่เคยดูล้ากลับดีขึ้นจนเดฟเองหายกังวลใจ
เดฟเดินไปรับกระเป๋าทำงาน ในนั้นมีเอกสารสำคัญที่นายต้องอ่านอย่างละเอียด เสื้อสูทสีเข้มตัวใหญ่เดฟรับมาพาดไว้บนแขนอันแข็งแกร่งของตัวเอง
คีย์รินทร์พับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอก เส้นเลือดที่ขึ้นตามลำแขนบ่งบอกถึงความแข็งแรง ทว่ากลับแฝงไปด้วยความเซ็กซี่ร้อนแรง และในขณะเดียวกันเผยให้เห็นนาฬิกาเรือนหรูที่หลังข้อมือหนา ใครหลายคนอาจจะอยากครอบครองของนอกกาย แต่สำหรับคีย์รินทร์ไม่เคยอยากได้ แต่จำเป็นต้องสวมใส่มันเพื่อบ่งบอกถึงฐานะทางสังคม
เขาปลดเม็ดดุมสองถึงสามเม็ดเพื่อระบายความอึดอัด โชว์แผงอกล่ำที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อที่ได้มาจากการออกกำลังกายอย่างมีวินัย แผงอกสะอาดสะอ้านไร้ซึ่งขนดกดำให้ดูรำคาญตา
คีย์รินทร์หมุนปลายเท้าเดินไปยังสวนด้านหลังของคฤหาสน์หลังใหญ่ เขาทำแบบนี้เป็นประจำหลังจากเลิกงาน เหมือนว่านี่คือกฎที่ต้องปฏิบัติ บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจี แปลงดอกกุหลาบสีขาวนับพันต้นส่งกลิ่นหอมโชยยามลมพัด ใบไม้ปลิดปลิวพริ้วไหวลู่ลมให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
"น้ำเย็นๆ ค่ะคุณหนู"เสียงอบอุ่นของคนที่คีรินทร์เคารพ ฉุดรั้งห้วงความคิดที่ดำดิ่งให้ออกจากภวังค์ ชายหนุ่มยื่นมือมารับน้ำ ความเย็นของมันทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อยในยามที่ดื่มลงคง
"ขอบคุณครับนมแสง"
"วันนี้อาหารเย็นมีแต่ของโปรดคุณหนูทั้งนั้นเลยนะคะ"คีย์รินทร์วางแก้วลง เขาเดินเข้าไปสวมกอดนมแสงด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ประโยคนี้ทำให้เขาคิดถึงครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แล้วคุณแม่ก็จะเดินมาบอกว่า *คีวันนี้อาหารเย็นมีแต่ของโปรดลูกทั้งนั้นเลยนะลูก*
"ผมคิดถึงครอบครัวครับนม"ความอ่อนแอ หรือแม้แต่น้ำตา จะมีแค่นมแสง ทศกัณฐ์ เดฟ เค เท่านั้นที่จะได้เห็น
เดฟถอยออกจากตรงนี้ ก้มหน้ามองพื้นทันทีเมื่อเห็นผู้เป็นนายอ่อนแอ น้ำตาลูกผู้ชายอกสามศอกถ้าไม่ถึงขั้นสุดจริงๆไม่มีทางที่จะหลั่งออกมาให้ใครได้เห็นอย่างง่ายดาย และเขาก็ไม่ควรที่อยู่เพื่อมองเห็นความอ่อนแอของนาย เขาหมุนเท้าแล้วยืนหันหลังคงเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
"เข้าไปทานข้าวนะคะจะได้พักผ่อน"มือเหี่ยวที่ย่นไปตามกาลเวลาลูบแผ่นหลังหนาที่ท่านเลี้ยงมาตั้งแต่ยังแบเบาะอย่างให้กำลังใจ สงสารจนจับใจเวลาที่เห็นชายหนุ่มโหยหาครอบครัว สิ่งที่ทำได้ก็แค่ปลอบโยนเพียงแค่นั้น
"ผมไม่อยากมีเงินทองมากมาย ผมไม่อยากมีบ้านหลังใหญ่ แต่ผมอยากมีครอบครัว ผมอยากให้ทุกคนยังมีชีวิตอยู่แล้วอยู่ข้างๆผม คอยโอบกอดผมในวันที่ผมเหนื่อยล้าครับนม"เสียงหนาสั่นเครือ นมแสงรับรู้และสงสารจับใจ สุดท้ายก็ต้องทำใจและเผชิญอยู่กับความเป็นจริง ความเป็นจริงที่ทุกคนจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
"คุณหนูของนม"นมแสงถึงกับมีน้ำตา ได้แต่มอบกอดแน่นๆส่งผ่านความรักความอบอุ่นแทนคุณท่านทั้งสอง นมแสงรู้ว่าคุณหนูของท่านเป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง แต่ก็ใช่ว่าจะเข้มแข็งได้ตลอดเวลา ทุกคนมีช่วงเวลาที่อ่อนล้าอ่อนแรง และกำลังใจคือสิ่งสำคัญที่สุด
หลังจากที่ชายหนุ่มทานอาหารเรียบร้อย เขาเดินขึ้นไปยังห้องนอนที่อยู่ทางด้านปีกซ้ายของบ้าน ส่วนห้องที่อยู่ทางด้านขวามือ เป็นห้องของผู้ให้กำเนิดและน้องชายสุดที่รัก แม้ท่านจะไม่อยู่แต่คีย์รินทร์ก็คอยให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทุกวันในช่วงเช้า เมื่อก่อนบ้านหลังนี้มีแต่เสียงหัวเราะ เสียงหยอกล้อ ทุกวันนี้เหลือเพียงความทรงจำและความรักที่มันฝังแน่นอยู่ในหัวใจแกร่งอย่างไม่วันลืม และไม่คิดที่จะลืมเลือน
ประตูบานหนาถูกผลักเข้าไปอย่างไม่ออกแรง ความเย็นภายในห้องกระทบเข้ากับร่างหนาที่อ่อนล้าเต็มทน คีรินทร์ก้าวเท้าผ่านขอบประตูเข้ามาภายในห้องนอน ทุกอย่างถูกออกแบบไว้อย่างทันสมัย ภายในห้องคุมโทนตามที่เจ้าของต้องการ
คีย์รินทร์คว้าบุหรี่พร้อมกับไฟแช็กที่วางอยู่ข้างหัวเตียงเดินตรงไปยังระเบียง รู้สึกอยากคลายเครียดสักสองสามมวน แต่พอนึกถึงคำขอร้องของคุณหญิงดาหวันผู้เป็นแม่ บุหรี่และไฟแช็กถูกโยนทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ลังเล
คีย์รินทร์ปลดเปลื้องเสื้อผ้า คว้าผ้าขนหนูพันเข้าที่เอวสอบอย่างหมิ่นเหม่ เดินตรงไปยังห้องน้ำที่เขาออกแบบด้วยตัวเอง หลังคาที่เหมือนซันรูฟทำให้ช่วงเวลาที่ชายหนุ่มอาบน้ำในตอนกลางคืน เห็นดวงดาว พระจันทร์ ท้องฟ้าได้อย่างเต็มตา
คีย์รินทร์แช่ตัวในอ่างที่มีมวลน้ำอุ่นโอบอุ้มเรือนกาย เขาแหงนมองดูผืนฟ้าในยามค่ำคืนอย่างหลงใหล แม้ชีวิตต้องอยู่อย่างเดียวดาย แต่อย่างน้อย ก็ยังมีนมแสงคอยให้กำลังใจหลังจากที่อ่อนแรง และคีย์ย์รินทร์ไม่เคยลืมว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาต้องเดียวดายบนโลกใบใหญ่ ยิ่งคิดยิ่งแค้น ยิ่งจำความแค้นยิ่งแน่นอก
"อีกสองวันเพียงเท่านั้นเกมแค้นก็จะเริ่มขึ้นแล้วสินะ"