แค้นซ่อนสวาท
ตอนที่4 ศัตรู
____________________
บริษัทฉัตรบริพัตร
"นายครับ เอ่อ คือคุณวิลเลียมมาขอพบครับ"เดฟถึงกับอึกอัก ศัตรูของนายหมายเลขหนึ่งที่ไม่ใช่ทางธุรกิจมาเหยียบถึงถิ่นอย่างไม่เกรงกลัว ที่ไหนมีวิลเลียมที่นั่นต้องไม่มีคีย์รินทร์ เสือสองตัวไม่อาจอยู่ในถ้ำเดียวกันได้เหมือนดั่งคำโบราณได้ว่าไว้
"หึ เชิญไอ้ตัวเหี้ยเข้ามาได้"เสียงเข้มสั่งขึ้น ตั้งใจกระแทกคำหยาบให้คนที่ยืนหน้าห้องได้ยิน สัตว์ป่าคุ้มครองเหมาะกับแขกผู้มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญเป็นที่สุดแล้ว
"อ๊า! ต้อนรับแขกด้วยถ้อยคำที่หยาบคายเกินไปนะครับคุณคีย์รินทร์"วิลเลียมยิ้มขึ้นอย่างยียวน ทิ้งร่างกายกำยำของตัวเองลงบนโซฟาอย่างไม่มีใครอนุญาต นั่งไขว่ห้างรับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศอย่างสบายใจ
"มึงมีอะไรว่ามา"คีย์รินทร์ไม่อยากเสวนา หรือให้ค่ากับคนที่ไม่มีความรับผิด
"ใจเย็นสิเพื่อนรัก"ปลายนิ้วยกขึ้นลูบคาง พลางบอกเพื่อนอย่างใจเย็น
"เมื่อก่อนใช่แต่ตอนนี้ไม่ใช่"คีย์รินทร์มองอีกคนด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง คำว่าเพื่อนรักมันทำให้เขาอยากเอากำปั้นหนักๆกระแทกเข้าใบหน้าอีกคนนัก เพื่อนงั้นเหรอ เขาไม่มีเพื่อนชั่วๆที่ทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบอย่างมันหรอก ผู้หญิงที่ว่าก็คือเอญ่าเพื่อนสนิทของเขาที่ตอนนี้เธอท้องโย้ได้หลายเดือน
"รีบพูดเรื่องของมึงมา กูจะรีบให้แม่บ้านเอาน้ำยามาฆ่าเชื้อโรคอันโสโครกที่ออกมาจากตัวมึง"คีย์รินทร์มองวิลเลียมด้วยสายตาหยาบกระด้าง
"กูอยากร่วมลงทุนกับบริษัทของมึงที่ประเทศไทย"วิลเลียมพูดอย่างจริงจังตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม ต้องประเทศไทยเท่านั้นที่จะทำให้เอญ่าและลูกน้อยของเขาปลอดภัย ธุรกิจที่ต่างประเทศเขาจะวางมือแล้วย้ายมาอยู่ที่ไทยอย่างถาวร
วิลเลียมอยากสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยสองมือของตัวเอง ถึงแม้ตระกูลจะร่ำรวยแต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้สร้างมันขึ้นมา เขาไม่อยากใช้ชีวิตอยู่บนความหวาดระแวง
"กูไม่ร่วมลงทุนกับสัตว์เดรัจฉาน"ใบหน้าอันเยือกเย็นน้ำเสียงแข็งกร้าวของคีย์รินทร์ไม่ได้ทำให้วิลเลียมอกสั่นขวัญแขวน มีเพียงลูกน้องทั้งสองฝ่ายที่ยืนก้มหน้าก้มตาด้วยความกลัว ขนลุก ฉี่แทบราด
"กูมีความจำเป็นนะไอ้คี ไม่ใช่กูไม่อยากรับผิดชอบแต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา"วิลเลียมไม่สามารถบอกหรือพูดอะไรในตอนนี้ได้มาก เหตุผลที่บอกไม่ได้นี่ไงถึงทำให้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาจนมาถึงทุกวันนี้
ถ้าเมื่อไรที่เขายื่นมือเข้าไปปกป้องหรือรับผิดชอบเอญ่าและเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเธอจะได้รับอันตราย คุณปู่ผู้เป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียไม่มีทางปล่อยเอญ่ากับลูกไว้แน่นอน ท่านต้องใช้เอญ่าเป็นเครื่องต่อรองให้เขารับเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียแทนท่าน ก่อนที่ท่านจะวางมือในช่วงปั้นปลายของชีวิต
"หึ! มึงเคยได้ยินประโยคนี้ไหม? คนดีชอบแก้ไขคนจังไรชอบแก้ตัว"วิลเลียมรู้สึกเหมือนการมาเยือนครั้งนี้คุ้มเหลือเกิน ทั้งได้เป็นสัตว์คุ้มครอง ทั้งได้เป็นคนจัญไร เป็นการชมที่เขาไม่อยากจะได้มันสักนิด ไอ้เพื่อนเฮงซวยนี่ก็ขยันด่าจัง
หนังหน้าหล่อๆกลายเป็นสัตว์เลื้อยคลานไปหมดแล้วตอนนี้...
"แต่นายมีเหตุผลที่ไม่สามารถพูดได้นะครับคุณคีย์รินทร์"เสียงของลูกน้องผู้จงรักภักดีบอกถึงเหตุผล และนั่นก็ทำให้คิ้วเข้มที่พาดเฉียงไปตามแนวโค้งดวงตาของคีรินทร์เคลื่อนตัวเข้าหากันด้วยความสงสัย มีอะไรที่เขายังไม่รู้งั้นเหรอ คีย์รินทร์ยังคงมีคำถามภายในใจ
"ไอ้เบย์มึงเงียบปาก"วิลเลียมตวาดขึ้น เสียงแข็งของเจ้านายทำเอาเบย์รู้สึกเสียวสันหลังจนต้องถอยไปอยู่ด้านหลัง
"งั้นกูรบกวนมึงพาเอญ่ามาอยู่ที่ไทยด้วยได้ไหม?"คีรินทร์รู้สึกเหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากล แววตาและน้ำเสียงจริงจังของวิลเลียมเหมือนกำลังมีความกังวลภายในใจอย่างเห็นได้ชัด อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"มีอะไรที่กูยังไม่รู้ใช่ไหม?"คีย์รินทร์ยอมรับว่าตั้งแต่เกิดเรื่องไม่เคยได้เปิดอกคุยกันแบบนี้สักครั้ง เมื่อก่อนเขาถามวิลเลียมถึงเหตุผลทำไมถึงไม่รับผิดชอบ วิลเลียมไม่ปริปากพูดบอกปัดเพียงแค่ว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขา วิลเลียมควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้ามาให้เอญ่าได้เห็น เธอร้องไห้เสียใจแต่สุดท้ายวิลเลียมก็ไม่เหลียวแล นี่คือจุดแตกหักของคำว่าเพื่อนรักจนกลายมาเป็นศัตรู
"เมื่อถึงเวลากูจะบอกมึงทุกอย่างไอ้คี แต่ตอนนี้ช่วยพาเอญ่ามาอยู่ที่ไทยก่อน"วิลเลียมร้องขอ และสิ่งที่ร้องขอไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อเอญ่าและลูกน้อย
"ถ้าเหตุผลของมึงฟังไม่ขึ้น กูรับรองเลยหัวกะบาลมึงกระจุย"