บิดาอยากให้เซดริกมีแฟน อยากให้แต่งงาน เพื่อจะได้มีทายาทไว้สืบสกุล เพราะทั้งตระกูลก็เหลือเซดริกเพียงคนเดียวที่เป็นลูกชาย และจะคงไว้ซึ่งนามสกุล ส่วนน้องสาวต้องแต่งงานออกเรือนไปใช้นามสกุลสามี ประเด็นสำคัญมันก็แค่อยากได้ผู้สืบทายาท ไม่ได้สนหัวจิตหัวใจลูก ว่าปรารถนาหรือต้องการหรือเปล่า ฉะนั้นนี่คือสิ่งที่ทำให้เครียด เบื่อหน่าย เพราะกำลังจะมีคนมาให้เขาดูตัว มาถึงเมืองไทยได้ไม่นาน บิดาก็หาลูกสาวของคนดังไฮโซมาแนะนำให้รู้จัก 4-5 คนแล้ว คนมันไม่ชอบทำอย่างไรก็ไม่ชอบอยู่ดี ไม่มีเมีย ไม่ได้แต่งงานมีทายาท ก็ไม่เห็นจะแย่ตรงไหน ทว่าหลังจากผ่านมาถึงคืนนี้ มันกลับทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไป เขาพบคนถูกใจแล้ว ควรสานสัมพันธ์กับเธอคนนั้น เพื่อครอบครัวจะได้เลิกยุ่งกับชีวิตคู่ของเขาเสียที
เซดริกคิดใคร่ครวญ ด้วยอารมณ์ที่กำลังเมา ลืมตาไม่ขึ้น แต่ในห้วงของความทรงจำแสนหวาน กำลังนึกถึงใบหน้างดงามของเธอคนนั้น ซึ่งอยู่ๆ มันค่อยๆ จางหายไป เขาจึงพยายามสลัดศีรษะเพื่อคลายความมึนเบลอ หวังจะจำใบหน้าของเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทว่าความรู้สึกที่ชัดเจนที่สุดคือสัมผัสวามหวาม เร่าร้อน และกลิ่นตัวอันหอมละมุน เป็นกลิ่นน้ำหอมที่เขาไม่รู้จักยี่ห้อ แต่จำกลิ่นได้ดี
“เม อืม เมจ๋า” เขาหลับตาแล้วเรียกชื่อเธอเบาๆ สุดท้ายผลอยหลับไปในที่สุด และหลับสนิทยันเช้า กระทั่งเสียงเคาะประตูดังรัวๆ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“พี่เซด! พี่เซด! ตื่นหรือยัง ได้ยินไหมคะเนี่ย” เสียงของซินดี้ดังเข้าไปในห้อง ทว่าคนถูกเรียกยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง ไม่ไหวติ่ง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ซินดี้เคาะรัวๆ อีกครั้ง คราวนี้เธอตะโกนดังลั่น ต้นกล้าก็วิ่งขึ้นมาสมทบ เพราะคิดว่าเจ้านายไม่น่าจะลุกไหวแน่ๆ
“พี่เซด! พี่เซด! ตื่นได้แล้วววว เปิดประตูเดี๋ยวนี้” ซินดี้ตะโกนลั่นบ้าน สุดท้ายเซดริกก็งัวเงียค่อย ๆ ลืมตาและพลิกตัวนอนหงาย พลางขมวดคิ้วด้วยความปวดหัวหนักมาก ลามไปจนถึงท้ายทอย จนต้องเอานิ้วนวดคลึงขมับ จะลุกก็ลุกไม่ไหวอ่อนเพลียเหมือนใช้แรงมาตลอดทั้งคืน ให้ตายสิ
“พี่เซด ได้ยินไหม นั่นนอนหรือซ้อมตายเนี่ย หกโมงเช้าแล้วค่ะ” เสียงของน้องสาวสุดที่รักเรียกอีกครั้ง ทำให้เขาต้องพยุงสังขารไปเปิดประตูให้ พร้อมกับยืนเอาหลังพิงผนัง ไม่ได้มองน้องสาวแต่อย่างใด
“ให้ตายสิ เห็นไหมบอกแล้วว่าอย่าดื่ม เป็นไงล่ะทีนี้ เมาค้าง” น้องสาวออกปากบ่น
“ลุกแล้วเนี่ย ขอสามสิบนาทีเดี๋ยวตามไป” เขาบอกแบบขอไปที น้ำเสียงเบาคล้ายกับยังไม่ตื่นดี
“เหลือพี่เซดคนเดียวแล้วนะคะ คนอื่นเสร็จหมดแล้ว ให้ต้นกล้าช่วยจัดการดีไหมจะได้เสร็จเร็ว” ซินดี้จัดแจงราวกับเป็นแม่เลยทีเดียว แต่งานนี้เขาก็ต้องยอมเพราะไม่มีแรงจริงๆ
“อือๆ ไปก่อนไปก่อน พิธีเช้าก็แต่งที่บ้านจะไปซีเรียสทำไมเนี่ย”
“ก็ไปรับแขกไงคะ งานเริ่มเจ็ดโมงเช้าตักบาตร ตอนนี้แขกเริ่มมาแล้วด้วย”
“เราเป็นคนแต่งไม่ใช่เหรอ ก็ไปรับสิ มายืนบ่นทำไม ขาดพี่แล้วแต่งไม่ได้หรือไง” เขาว่ากลับ ทำให้ซินดี้หน้าเจื่อนเล็กน้อย
“ก็แต่งได้ แต่วันสำคัญก็อยากให้พี่อยู่ ไม่ใช่เมินเฉย”
“ไม่ได้เมินเฉย แต่ไม่ชอบภารกิจแอบแฝง” เขาว่าอย่างรู้ทัน
“ภารกิจอะไรเล่า ใครจะแอบแฝง” ซินดี้แสร้งทำไขสือ
“ไปคิดเอาเอง” พูดจบเขาก็ถอยหลังเข้าห้อง
“ให้ทันพิธีนะคะ” ซินดี้ย้ำอีกครั้ง ขณะที่ต้นกล้าตามเข้าไปและปิดประตูให้เรียบร้อย
“ให้ผมจัดชุดให้นะครับ” ต้นกล้าบอกพร้อมกับเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดสูทที่เตรียมเอาไว้เรียบร้อยสำหรับพิธีตอนเช้า เซดริกไม่ชอบใส่ชุดไทย แต่เลือกแบบชุดสูทสีขาว เสื้อเชิ้ตด้านในสีฟ้าแทน ขณะที่ต้นกล้าคนรับใช้คนสนิทกำลังจัดชุดอยู่นั้น เซดริกก็เข้าไปอาบน้ำให้สร่างเมา แต่เขาปวดหัวแทบจะระเบิด ไม่รู้ว่างานเช้านี้เขาจะไหวหรือเปล่า
“อื้อ ปวดชิบ” เขาสบถพลางเอามือบีบขมับเอาไว้ งานนี้ต้องโทษตัวเองล้วนๆ เพราะไม่เคยต้องดื่มหนักขนาดนี้มาก่อน ระหว่างนี้ก็นึกถึงตอนที่ดื่มก็ยิ่งทำให้ปวดหัว สุดท้ายก็ต้องรีบอาบน้ำให้เสร็จ แล้วค่อยๆ เดินออกจากห้องน้ำ เสื้อผ้าถูกจัดวางเอาไว้บนที่นอนเรียบร้อยแล้ว เซดริกเดินอย่างเชื่องช้าเพื่อไปเสริมหล่อที่หน้ากระจก
“ไหวไหมครับเจ้านาย” ต้นกล้าถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ไหวว่ะ” พูดพลางทาครีม และหวีผม กว่าจะเสร็จต้นกล้าก็ลุ้นอยู่นาน กระทั่งถึงเวลาใส่เสื้อผ้าก็เข้าไปแต่งตัวช่วยเจ้านายเป็นอย่างดี เพราะดูท่าจะหนักอยู่เหมือนกัน เมื่อเสร็จแล้วได้จึงลงมาชั้นล่าง สิ่งที่เห็นคือแขกเหรื่อเต็มไปหมด แต่บิดามารดาของเขาไปไหนก็ไม่รู้
“พ่อกับแม่ไปไหน” เซดริกเอ่ยถามขึ้น
“ไปเตรียมตัวตักบาตรครับ” ต้นกล้าตอบ
“งั้นฉันขอกาแฟดำไม่ต้องใส่น้ำตาล ขอร้อนๆ สักแก้วนะ ตอนนี้ไม่ไหว เดี๋ยวจะไปนั่งรอที่ห้องรับแขก”
“ได้ครับเจ้านาย” ต้นกล้ารับคำแล้วรีบวิ่งเข้าครัวทันที ส่วนเซดริกก็เดินโซเซไปนั่งรอที่ห้องรับแขก สายตามองออกไปนอกบ้านผ่านหน้าผ่านกระจกใส ทุกคนคงตื่นเต้นกับพิธีแต่งงานแบบไทยๆ แต่ทำไมเขาดูหมองเศร้าเหลือเกิน ขณะเดียวกันสุชาติคนขับรถ ซึ่งถือว่าเป็นคนสนิทอีกคนก็วิ่งเข้ามาหา คล้ายกับจะมาตาม
“งานจะเริ่มแล้วครับคุณเซด” สุชาติเอ่ยขึ้น แต่สังเกตเจ้านายแล้วน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
“ไปไม่ไหว ขอดื่มกาแฟก่อนนะ” เซดริกตอบแบบไม่ได้หันไปมอง พร้อมกับเอนหลังพิงเบาะแล้วหลับตา
“เฮ้อ ก็ดื่มหนักเลยนี่ครับ ออกจากผับก็มาดื่มต่อ ถ้าไหวก็แปลกแล้ว” สุชาติให้ความเห็น
“มึนไปหมด ไม่คิดว่าจะปวดหัวขนาดนี้ นี่แทบจะไม่อยากลืมตา”
“ทนหน่อยนะครับให้ผ่านพิธีเช้าไปก่อน แล้วค่อยขึ้นนอนพัก”
“ทำได้ด้วยเหรอ ขนาดฉันปฏิเสธยังไม่ได้เลย”
“เป็นวันสำคัญของคุณซินดี้นี่ครับ เอ่อ ได้ข่าวว่าวันนี้เจ้าบ่าวมีญาติ ๆ มาแนะนำให้ไม่ใช่เหรอครับ หรือว่าเจ้าสัวพามาด้วย”
“จริงดิ เอาข่าวมาจากไหน” เซดริกทำเป็นแสร้งถามไปอย่างนั้นเอง
“เจ้านายก็รู้ทำเป็นแสร้งถาม”
“ก็คงจะมาหลายคนมั้ง นี่ก็อะไรนักหนาไม่รู้กับเรื่องพวกนี้ ไร้สาระ”
“กาแฟมาแล้วครับเจ้านาย” เสียงต้นกล้าดังขึ้นพร้อมกับถือแก้วกาแฟแก้วใหญ่ นำมาวางเอาไว้ตรงโต๊ะกลางเบื้องหน้า
“โอเค” เซดริกขยับตัวไปหยิบกาแฟขึ้นมาเป่าก่อนจะจิบ
“อื้อหือ” เซดริกอุทานในลำคอเพราะขม แต่ต้องทนดื่มมันเข้าไป
“พอได้ไหมครับ” ต้นกล้าถาม
“เกินกว่าพอได้ ขมชิบหาย”
“ถ้าไม่ไหวก็ยาแก้ปวดนะครับเจ้านาย นี่ท่าทางจะหนักหนาเหมือนกันนะเนี่ย” สุชาติแนะนำด้วยความเป็นห่วง
“อื้อ ถ้าไม่หายก็จะกินยา ไม่งั่นคงเป็นแบบนี้ข้ามวันแน่ เฮ้อ”
“ถึงกับต้องถอนหายใจกันเลยทีเดียว” สุชาติแซวยิ้มๆ
พยายามจะให้เจ้านายดีขึ้นแต่ดูเหมือนจะยากหน่อย ไม่ใช่แค่เมาค้าง แต่หลายสิ่งหลายอย่างในใจ ทำให้เซดริกแสดงออกทางสีหน้า
“ขอเวลาสักสิบนาทีนะเดี๋ยวออกไป ไปบอกข้างนอกว่าไม่ต้องรอหรอก ฉันอยากเป็นผู้ร่วมงาน ไม่ได้อยากเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ว่าขาดฉันแล้วจะทำอะไรไม่ได้”
“ครับ งั้นคุณเซดก็ออกไปกับต้นกล้านะ ผมจะออกไปก่อน”
“อืม” พอเซดริกรับคำแล้วสุชาติจึงได้ออกไป ส่วนเซดริกก็ดื่มกาแฟดำต่อ เขาดื่มได้ทีละนิดเพราะขมมาก ดูเวลาแล้วไม่รู้ว่าพิธีด้านนอกถึงขั้นตอนไหนแล้ว
“ไปกันเถอะกล้า” เซดริกเอ่ยขึ้นหลังจากที่ดื่มหมดแก้วแล้ว
“ให้ผมประคองนะเจ้านาย” ต้นกล้าบอกพร้อมกับเดินเข้าไปพยุง
“อืม” ตอนนี้เซดริกแทบจะไม่ปฏิเสธอะไรเลย ยอมให้ต้นกล้าเข้ามาประคอง จนกระทั่งเดินออกมาจนถึงงาน ที่จัดตรงสวนหน้าบ้าน มองไปก็จะเข้าสู่พิธีรดน้ำสังข์แล้ว แขกเหรื่อก็เยอะแยะเห็นแล้วเวียนหัว ทว่าขณะที่เดินเข้าไปในงาน แน่นอนว่าเขาเป็นลูกชายเจ้าภาพ ทุกคนก็ต้องหันมาให้ความสนใจเป็นธรรมดา เพราะเพิ่งจะเห็นเขาออกมา จังหวะเดียวกันบิดานั้นก็เห็นก่อนจึงรีบเดินมาหา