ช่วงเวลาเดียวกัน หลังจากที่เซดริกไปส่งเมรินทร์เรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่ได้เถลไถลไปไหน เพราะหมดอารมณ์สนุก จึงได้ให้คนขับรถพากลับบ้านและถึงอย่างปลอดภัย แต่... ทันทีที่ก้าวลงจากรถกลับเวียนหัวและขาอ่อนแรง จนทรุดลงไปนั่งที่บันไดทางขึ้นบ้าน คนขับรถเห็นดังนั้นจึงวิ่งเข้ามารับเอาไว้ด้วยความตกใจ ขณะเดียวกันคนรับใช้อีกคนก็วิ่งออกมาพอดี เพราะรออยู่นานแล้ว
“โอ้โฮ คุณเซด นี่เมาขนาดนี้เลยเหรอครับ” ต้นกล้า คนรับใช้คนสนิทถามด้วยความตกใจและช่วยกันประคองเจ้านายเข้าบ้าน
“ตอนแรกก็ว่าไม่ได้เมา เพราะนั่งเฉยๆ แต่พอลงจากรถทำไมบ้านหมุนก็ไม่รู้” เซดริกบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย
“เป็นแบบนี้กันทุกคนนั่นแหละครับ ไม่น่าเมามายขนาดนี้ รู้งี้ผมไปด้วยดีกว่า” ต้นกล้าพูดเชิงตำหนิเล็กน้อย
“ฉันไปคนเดียวอ่ะดีแล้ว รำคาญ ไปเอาเหล้ามาไป” เซดริกเรียกหาเหล้าเพิ่ม และบอกให้ต้นกล้ากับคนขับรถไปที่ห้องนั่งเล่น
“ผมว่าขึ้นบ้านไปนอนได้แล้วนะครับพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” ต้นกล้าบอกด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง
“ใช่ครับ พรุ่งนี้ก็มีงานเช้าอีก” สุชาติคนขับรถเสริมขึ้น
“แกเอารถไปเก็บไป ส่วนแกไปเอาเหล้า” เซดริกสั่งทั้งสองคน ทว่าสุชาติทำตามก่อน โดยปล่อยให้เจ้านายกับต้นกล้าอยู่ด้วยกัน
“เครียดอะไรครับเนี่ย ถึงกับดื่มหนัก กลับมาก็ยังขออีก”
“อืม เมาไม่รู้เรื่องเลยยิ่งดี ฉันไม่ได้อยากไปหรอกนะงานพรุ่งนี้น่ะ” ว่ากันว่าคนเมาพูดตรง และนี่ก็ตรงจริงๆ หากน้องสาวของเขามาได้ยินคงน้อยใจไม่เบา
“พอได้แล้วครับ ไม่ต้องดื่มแล้วล่ะคุณเซด เมามากแล้ว” ต้นกล้าบอกอีกครั้ง ทว่าเซดริกกลับมองตาขวาง
“ยังไม่เมา ไปเอามาเดี๋ยวนี้ ขัดคำสั่งเหรอ ฉันจะไล่แกออกเดี๋ยวนี้เลย” เซดริกขู่พร้อมกับชี้หน้าคนรับใช้คนสนิท และเพราะความกลัวทำให้ต้นกล้ารีบไปนำเหล้ามาให้ จัดการรินใส่แก้วให้กับเจ้านายขี้เมาอย่างรวดเร็ว
“แล้วแกก็กลับไปนอนได้แล้วไป” เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการเซดริกก็ออกปากไล่ทันที
“ใครจะกล้าปล่อยคุณเซดอยู่ลำพัง นี่ผมก็รอจนคุณเซดกลับมา” ต้นกล้าบอก
“ฉันอยากอยู่ลำพัง ออกไป” เซดริกออกปากไล่อีกครั้ง
“เดี๋ยวก็เดินขึ้นบ้านไม่ไหวนะครับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไม่ไหวฉันก็นอนมันตรงนี้แหละ จะยากอะไร เอาล่ะ” สิ้นคำว่าเอาล่ะ เซดริกก็ตวัดมือไล่ทันที ต้นกล้าก็ไม่กล้าถกเถียง นอกเสียจากทำตามที่เจ้านายสั่ง
เมื่อเซดริกอยู่เพียงลำพัง ก็นั่งดื่มเพื่อดับความกลัดกลุ้ม ที่คุกรุ่นอยู่ในหัวใจ ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอก นึกว่าจะมีอะไรให้สบายใจเสียหน่อย ที่ไหนได้กลับถูกกดดันจากหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะเรื่องมีเมีย พร้อมทั้งหอบความหวังของครอบครัวอีกต่างหาก เขาไม่ใช่คนหัวดื้อหัวรั้นเสียทีเดียว ติดจะตามใจบิดามารดาด้วยซ้ำ แต่เรื่องของคู่ชีวิตเขารับไม่ได้ ไม่ทน ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ไหนจะบอกว่าไม่ยกมรดกหรือธุรกิจให้อีก มันน่าเบื่อหน่ายจนต้องไปปลดปล่อยกับเพื่อน
และสุดท้ายแทนที่จะได้สนุกสุดเหวี่ยง หลังจากไปสนุกกลับมาแล้ว แต่กลับต้องมานั่งคิดถึงเจ้าของจูบไร้เดียงสาอีก เธอตัวเล็ก ร่างบาง อรชร อ้อนแอ้น กระชากทีเดียวก็ปลิว แต่เรียวปากเอิบอิ่มจูบตอบได้อย่างร้อนแรงน่าประหลาดใจ อดถามตัวเองไม่ได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต่างฝ่ายต่างเมาอย่างนั้นหรือเปล่า และหากพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาเธอจะลืมเขาไหม เพราะอาการของเธอคล้ายสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ส่วนเขาก็กลัวไม่ต่าง กลัวลืมหน้าเธอเพราะตอนนี้เบลอมาก แต่จะดื่มและดื่มเอาให้พรุ่งนี้ลุกไม่ไหว เมาค้างไปเลยคอยดู เซดริกคิดพลาง ยกเอายกเอา จนเหล้าหมดเกินครึ่งขวด ดื่มไปใจก็นึกถึงแต่เธอ เหมือนคนเพ้อ คนบ้า คุ้มคลั่ง ใช่ มันเกิดเพราะความคลั่งแท้ ๆ เลย
“พี่เซด นึกแล้วเชียวว่าต้องเมากลับมา” ซินดี้น้องสาวสุดที่รักของเขา เดินลงมาจากบ้านด้วยความเป็นห่วง เพราะคิดว่าพี่ชายต้องไปเที่ยวและกลับมาพร้อมกับความเมาแน่ ๆ ซึ่งก็จริงเสียด้วย แถมยังมานั่งดื่มที่บ้านต่ออีก
“แล้วเราลงมาทำไม” เซดริกถามกลับด้วยน้ำเสียงแบบคนลิ้นพันกัน ตาปรือเล็กน้อย
“ก็เป็นห่วง เห็นบอกเมื่อหัวค่ำไปปาร์ตี้กับเพื่อน ต้องเมาแน่ ๆ เลยให้นายกล้ารอ นี่น้องเดาถูกนะเนี่ย แต่ตอนซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้างนะ”
“บ่นเหมือนเป็นแม่ นี่สงสารแฟนเรานะ แต่งเมียเข้าบ้านหรือแต่งแม่เข้าบ้านก็ไม่รู้”
“พี่เซด น้องเป็นห่วง ยังจะหาว่าบ่นเหมือนเป็นแม่ได้ยังไงคะ ก็มีพี่อยู่คนเดียว”
“ก็ไม่ต้องบ่นสิ ไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอกน่า พี่โตมากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้จะต้องเข้าพิธีแต่เช้า”
“งั้นขึ้นบ้านพร้อมกันนะคะ เหล้าน่ะพอแล้ว หมดเยอะมากเลยเนี่ย เอาไว้อาฟเตอร์ปาร์ตี้ค่อยดื่มอีกที น้องจะยอมให้พี่ดื่มเต็มที่เลย” พูดจบซินดี้ก็เดินไปคว้าแก้วเหล้า แล้ววางไว้ที่โต๊ะกลาง จากนั้นจึงหันมาพยุงให้เซดริกลุก ซึ่งเขาก็ยอมเพราะไม่อยากเถียงด้วย แต่ถึงกระนั้นก็ทุลักทุเลเพราะเขาตัวสูงใหญ่ เวลาเมาก็ยิ่งตัวหนัก เดินไปหน้าสามก้าว ถอยหลังอีกหนึ่งก้าวอย่างกับปู
“ถ้าน้องแต่งงานแล้ว พี่เมาแบบนี้ทุกวันใครจะดูแลคะเนี่ย แม่ก็แก่แล้ว”
“ปกติอยู่เมืองนอกพี่ก็ดูแลตัวเองนะ เราแค่ดูแลพี่ตอนกลับไทยเท่านั้นเอง แต่พูดแบบนี้คืออะไร จะหาคนมาดูแลพี่เหรอ อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้”
“แน่นอนค่ะ จะได้มีคนดูแล เอาไหมคะ เพื่อน ๆ น้อง เยอะแยะไฮโซทั้งนั้น พรุ่งนี้เพื่อนเจ้าสาวเพียบไปเลือกเอา”
“น่าจะเรียกว่าเลือกคู่นอน ไม่ได้เลือกเมีย หรือไม่ก็ตามใจพ่อ”
“ถ้าถูกใจก็คบสินะ ขึ้นอยู่กับพี่ว่าอยากได้แบบไหน”
“ไม่อ่ะ ยังไม่อยากได้ตอนนี้” เขาตอบตรงๆ
“ให้มันจริงเถอะค่ะ กลัวแต่จะลากผู้หญิงเข้าบ้านไม่ซ้ำหน้า”
“อย่าประชด เพราะถ้าพี่ทำจริงๆ แล้วจะหนาว”
“หึ หนาวไม่กลัว กลัวไม่หนาวน่ะสิคะ แต่เลือกคนที่คุณพ่อหามาให้ก็ดีนะคะ โปรไฟล์ดี”
“ไม่อ่ะ ไม่ชอบ” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง ซึ่งเคยบอกไปแล้วหนหนึ่ง
“ไม่ลองคบจะรู้ได้ยังไงว่าไม่ดี”
“ซินดี้ พี่อายุสามสิบเจ็ดนะ ไม่ใช่สิบเจ็ดที่จะมองผู้หญิงไม่ออก เราน่ะมันหลับหูหลับตายัดเยียดไปเรื่อย ตัวตนจริงๆ กับสิ่งที่เห็นน่ะ ใช่ว่าจะเหมือนกัน” เขาบ่นซะน้องรู้สึกผิดเชียว
“ลองคุยดูก็ไม่เห็นเสียหลายนี่คะ”
“เราเลิกพูดเรื่องพวกนี้ได้แล้ว พี่เบื่อหน่าย” เขาบอก ขณะที่เดินมาถึงห้องพร้อมกับสะบัดตัวออกจากการประคองของน้องสาว เปิดประตูห้องแล้วเดินไปทิ้งตัวบนเตียงเลย ซินดี้ก็ได้แต่ถอนใจแล้วเดินตาม เพื่อจะได้ถอดเสื้อสูทออกให้เขา ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกนิดหน่อย เข็มขัดรองเท้าถุงเท้าก็ถอดให้หมด จะได้ไม่อึดอัด
“ราตรีสวัสดิ์นะคะพี่ชาย” เธออวยพรแต่เขาหลับตาไปแล้ว พอเห็นว่าเขาเงียบ เธอจึงออกไปจากห้อง และปิดประตูให้เรียบร้อย มาถึงตอนนี้เซดริกก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ด้วยความหงุดหงิดใจ อุตส่าห์ไม่อยากได้ยินเรื่องผู้หญิงแล้วเชียว แต่น้องสาวก็ดันมาย้ำให้รำคาญใจอีก เขาไม่คิดถึงใครอีกแล้วนอกจากเธอคนนั้น ที่เขาได้เป็นเจ้าของคนแรก ทว่าก็ฉุกคิดถึงคำพูดของน้องสาว คู่นอน... หาเมีย