“หล่อ? ไม่อ่ะ มองตรงไหนว่าคนอย่างบอสจะหล่อ” รมิตาส่ายศีรษะไปมาอีกครั้ง ในขณะที่เธอกำลังดึงสายคาดเบลมาพาดลำตัวแล้วล็อก
“ระวังจะตกหลุมรักผมไม่รู้ตัวนะคุณตา” ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“ฝันไปเถอะยะคุณบอส” เธอสะบัดหน้าใส่เขา พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง “บอสเองนั่นแหละ อย่ามาหลงรักฉันก็แล้วกัน” สิ้นเสียงรมิตา เธอก็ค่อยปิดเปลือกตาลง เนื่องด้วยเธอเหนื่อยจากงานมาหลายวัน โดยที่นอนหลับพักผ่อนไม่เต็มที่
“หึ ๆ” เขาเหลือบสายตามองคนที่นั่งข้าง ๆ ในขณะที่ตนกำลังขับรถ เพื่อไปยังร้านอาหารที่เขานัดคุยกับลูกค้า
.. ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งในใจกลางเมืองกรุง ..
“อาหารยังไม่มาอีกเหรอบอส หิวจะแย่แล้วเนี่ย” รมิตาเริ่มบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว พลางนำฝ่ามือมาลูบที่หน้าท้องว่าเธอหิวขนาดไหน
“จะรีบไปไหนคุณตา เราเพิ่งจะสั่งอาหารไปยังไม่ถึงห้านาทีเลยนะ” ชัชนนท์กล่าวในขณะที่เพิ่งดื่มน้ำจากแก้วไปมาด ๆ
“ก็ตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่ได้ทานอะไรเลย ไม่ใช่บอสทานได้ทั้งวัน เรียกใช้อย่างกับคนใช้ส่วนตัว แถมคนบ้าอะไรกินจุอย่างกับหมู” เรียวปากที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกสี่ชมพูอ่อนว่าชัชนนท์ปาว ๆ
“คุณตาเป็นผู้หญิงที่ใช้ปากเก่งนะครับ” ชัชนนท์แสยะยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์และมีเลศนัย
“นี่บอส ทะลึ่ง พูดอะไรน่าเกลียด” รมิตาแทบอยากจะเข้าไปบีบคอชายหนุ่มให้รู้แล้วรู้รอด การพูดการจาของเขามันไม่น่าฟังเอาเสียเลย
“อะไร ทะลึ่งอะไร ผมหมายถึงว่าคุณตาด่าผมซึ่งเป็นบอสฉอด ๆ โดยที่ไม่เกรงว่าผมจะไล่ออก” เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วเปิดปากพูดอีกครั้ง “อ๋อ นี่คุณตาแอบคิดอะไรอยู่ที่หาว่าผมทะลึ่ง คิดลึกนะครับเนี่ย” ชัชนนท์ใช้ปลายนิ้วชี้ไปทางหญิงสาว แต่ทว่าเธอกับก้มหน้าก้มตาว่าเมื่อชั่วครู่ตนเองพูดอะไรออกไป
“บ้า! ไอ้บอสบ้า ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ทาน ๆ อาหารมาพอดีเลย” ประโยคแรกเธอเงยหน้าว่าชัชนนท์ พอดีกับที่พนักงานมาเสิร์ฟอาหาร เธอเลยเปลี่ยนเรื่องแทน พลางตักอาหารเข้าปากด้วยความหิวโหย
“นี่ ๆ คุณตาทานเบา ๆ หน่อยซิครับ ไม่มีใครแย่งคุณทานหรอก” ชัชนนท์ห้ามปรามหญิงสาวที่กำลังตักอาหารเข้าปากอย่างมูมมาม จนเศษอาหารติดอยู่ที่มุมปาก
“ง่ำ ๆ ก็คนมันหิวนี่ งึม ๆ จะให้มานั่งทานแบบผู้ดีอย่างบอสไม่ได้หรอก ง่ำ ๆ” รมิตากล่าวออกมาทั้งที่มียังเคี้ยวอาหารอยู่ในปาก
แต่ทว่าชัชนนท์กลับใช้ปลายนิ้วปาดเศษอาหารที่ติดอยู่มุมปาก พร้อมกับผุดรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า ส่วนเจ้าตัวทำได้แค่ย่นคิ้วเรียวเข้าหากัน
“ทานเบา ๆ หน่อยซิคุณตา ไม่ใช้เด็กสองสามขวบ ที่ต้องให้ผู้ปกครองมาคอยเช็ดเศษอาหารที่หกตามโต๊ะ หรือแม้แต่บนใบหน้า” เขาว่าพลางพร้อมกับในมือจับช้อนส้อมเพื่อจะทานอาหารเที่ยง
“คุณบอสคะ เวลาคนเขาหิว ไม่มีใครมาห่วงสวย ห่วงหน้า ห่วงตาหรอกค่ะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ตักอาหารคำสุดท้ายเข้าปาก ภายในพริบตา ซึ่งเธอใช้เวลาทานอาหารไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ
“มีซิครับ ผู้หญิงที่ทานอาหารกับผู้ชายสองต่อสองก็ต้องสงวนท่าทีและความสง่าเอาไว้ แต่ผมไม่เคยเจอผู้หญิงแบบคุณตาที่ทานอาหารเหมือนเด็กหิวโซ ทั้งที่เมื่อก่อนคุณออกจะห่วงภาพลักษณ์ขนาดไหน” ชัชนนท์วางช้อนส้อมลงบนจานอาหาร ทั้งที่เขายังไม่ได้ตักอาหารเข้าปากเลยสักคำ พร้อมกับเท้าแขนลงบนโต๊ะอาหารและกำมือไว้ใต้คาง
“หื้อ? เมื่อกี้บอสว่าอะไรนะคะ เมื่อก่อนเหรอ เมื่อไหน?” หญิงสาววางช้อนส้อมให้เข้าที่ พร้อมกับใช้ผ้าเช็ดที่มุมปากอย่างผู้ดีตามที่เขากล่าว พลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่มโดยที่ดีดนิ้วก้อยขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
ทว่าในระหว่างที่รมิตายกแก้วน้ำขึ้นดื่ม สายตาของเธอสอดส่องไปยังนัยน์ตาของเขาว่าต้องการจะสื่อถึงอะไร
“ก็ไม่รู้ซิครับว่าเมื่อไหน” เขาว่าพลางก้มหน้าก้มตาทานอาหารตามเดิม และปล่อยให้หญิงสาวงงงวยต่อไป ทั้งที่เขาแอบยิ้มที่มุมปาก ส่วนรมิตาเมื่อดื่มน้ำจากแก้วเรียบร้อยแล้ว เธอก็ได้วางแก้วน้ำลงตามเดิม พร้อมกับนั่งไขว่ห้าง โดยที่เท้าของเธอบังเอิญแตะไปโดนหน้าขาของเขา
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะบอส ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ” ว่าแล้วเธอก็กล่าวคำขอโทษออกมา ในขณะที่ฝ่ามือทั้งสองข้างยกมาป้องปากของตนเอาไว้ โดยที่เธอแอบแสยะยิ้มมันออกมา
“คุณตา ไม่ต้องมาเสแสร้งขอโทษ แค่คุณอ้าปาก ผมก็เห็นลิ้นไก่ของคุณแล้ว” เขารู้ทันเธอแทบจะทุกอย่าง ว่าเลขาของตนอยากจะแกล้งเขา
“อะไรคะบอส ฉันออกจะสวย เพอร์เฟค นิสัยดี ไม่ได้เสแสร้งเลยนะคะ” คำพูดคำจาและท่าทางของเธอ ในสายตาของชัชนนท์มันดูออกว่าเธอมันสตรอว์เบอร์รีไม่มีผิด
“คุณตา ผมจะอ้วก ผมขอทานอาหารเงียบ ๆ หน่อยไม่ได้หรือไงกัน ไม่ต้องมากวนบาทาเบื้องล่างผมเลย” ว่าแล้วเขาก็ตักอาหารเข้าปากทันที โดยไม่สนใจรมิตา ที่นั่งฟืดฟาด พ่นลมหายใจออกมาอย่างรุนแรง เพื่อบอกให้เขารู้ว่า เธอเองก็ไม่พอใจเขาด้วยเช่นกัน