“ความคิดของคุณก็ดีนะ ถ้างั้นคุณมาเป็นเลขาให้ผมซิ ส่วนตำแหน่งของคุณก็รับพนักงานใหม่เข้ามา ผมก็ว่าดีนะ” เขาคิดเสร็จสรรพก็หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงราคาแพงขึ้นมา พร้อมกับกดเบอร์โทรเข้าออฟฟิศ
‘ค่ะบอส มีอะไรให้มลรับใช้คะ’ เสียงปลายสายแจ้ว ๆ เข้ามา ทำให้รมิตาหูผึ่ง ดวงตาเบิกกว้าง ไม่คิดว่าเขาจะจัดการเดี๋ยวนั้นเลย
“นี่!!! ไอ้บอสสส” รมิตากัดฟันกรอด ในมือกำหมัดแน่น แต่เธอถูกชัชนนท์เอื้อมแขนเอามือปิดปากเธอด้วยแรงที่เขามี แต่มีหรือที่รมิตาจะสิ้นฤทธิ์
“ผมรบกวนคุณมลช่วยประกาศผ่านอินเทอร์เน็ตให้ผมหน่อย ผมต้องการรับคนเข้ามาทำงานเพิ่ม ในตำแหน่งบัญชีเพราะคุณตาจะมาทำงานเป็นเลขาให้กับผม” เสียงทุ้มต่ำด้วยความหนักแน่นกล่าวกลับปลายสาย
“อือ...” รมิตาส่งเสียงจากในลำคอ พลางกระทืบเท้าปึงปัง เพราะเธอสู้แรงเขาไม่ได้แน่นอน เขาออกจะตัวใหญ่และสูงกว่าเธออยู่หลายเซนติเมตร
‘คะ? คะ รับพนักงานใหม่หรือคะ ให้ยายวาทำแทนก็ได้ค่ะ ไม่เห็นจะต้องรับมาเพิ่มเลย’ สุวิมลออกความคิดเห็น พร้อมกับตะลึงที่จู่ ๆ เพื่อนของตนกลายไปเป็นเลขาของบอส ทั้งที่รมิตาเกลียดขี้หน้าเขาขนาดไหน
“ไม่ดีกว่าครับ ผมให้วาเรียนรู้งานจากคุณแล้วกัน เพราะวาเองก็เพิ่งเรียนจบ ผมอยากให้น้องค่อย ๆ เรียนรู้งานในหลาย ๆ ด้าน” เขาบอกเหตุผล และข้ออ้างให้กับสุวิมล
“อ่อยนะ (ปล่อยนะ) อือ...” เสียงร้องของรมิตาก็ไม่เป็นผลต่อเขา จนเธอยอมเงียบและให้เขาปล่อยเธอเอง
‘ก็ได้ค่ะบอส เดี๋ยวมลจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ ว่าแต่บอสจำกัดอายุที่เท่าไหร่คะ’ เสียงจากปลายสายรับคำสั่ง พร้อมกับคำถาม
“ผมขออายุไม่เกินห้าสิบครับ เพราะผมไม่อยากจำกัดอายุพนักงานและปิดกั้นคนที่มีประสบการณ์ ยังไงก็จัดการให้ด้วยนะครับ”
‘ได้ค่ะบอส สวัสดีค่ะ’ สิ้นเสียงจากปลายสายชัชนนท์ก็ตัดสายทันที
ปึก!
“โอ๊ย!”
เสียงอุทานของชัชนนท์ดังขึ้น จนเขาต้องปล่อยมือที่ปิดปากของ รมิตาอัตโนมัติ พร้อมกับสะบัดแขนไล่ความเจ็บที่เธอทำกับเขา
“อะไรของบอสเนี่ย มือก็เค็ม แล้วเนี่ยดูซิ หน้าฉันเละหมดแล้วมั่ง แบบนี้ฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปพบลูกค้า ไอ้บอสบ้า” ปากเรียวบางแต้มด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อน สวมชุดเซตขายาวสีครีม รองเท้าส้นสูง ถึงอย่างไรเธอก็สูงสู้ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ดี
ในระหว่างนั้นรมิตาได้เอื้อมแขนไปกระชากกระเป๋าของเธอ ซึ่งเขาสะพายอยู่ที่ไหล่ โดยที่เธอไม่สนใจว่าเขาจะเจ็บมากแค่ไหน
“ผมเจ็บอยู่นะคุณตา ทำไมยังห่วงสวย ผมโดนคุณกระทืบเท้ามามาด ๆ จะไม่ถามผมบ้างเหรอ” เอาจริง ๆ เขาก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย เพียงแค่ส้นรองเท้าโดนเนื้อเขาไม่ลึกมาก ดีหน่อยที่คัทชูของเขาหนาพอควร แต่ชายหนุ่มแค่อยากเรียกร้องความสนใจจากเธอก็เท่านั้น
“อย่ามาสำออย ไอ้บอส รองเท้าหนังบอสออกจะหนาแทบจะตบคนได้ แค่นี้มันไม่ทำให้บอสเจ็บหรอก แต่ดูหน้าฉันเนี่ย เครื่องสำอางหลุดไปบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้” เธอว่าพลางค้นกระเป๋าหากระจกไปพลาง เพื่อจะนำมาสอดส่องว่าหน้าเธอเละขนาดไหน
ชัชนนท์เหลือบสายตามองหญิงสาวตรงหน้า พลางส่ายศีรษะไปมากับพฤติกรรมของเธอ ในขณะที่ใบหน้าของเขาแอบอมยิ้มมันออกมา เผยให้เห็นลักยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ที่สาว ๆ เห็นแล้วเป็นต้องใจละลายไปตาม ๆ กัน
“ไปกันครับ ลิฟต์เปิดแล้ว” สิ้นเสียง ชัชนนท์ได้เอื้อมแขนไปคว้าแขนเล็ก ๆ ของเธอให้เดินตามเขาไป ในขณะที่หญิงสาวกำลังล้วงหากระจกในกระเป๋า ยังไม่ทันได้สำรวจใบหน้าของตนว่าเรียบร้อยแล้วหรือไม่
“นี่!!! ไอ้บอสสส ฉันเจ็บ ปล่อยมือเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันเดินเองได้” เขากึ่งลากกึ่งจูงรมิตามาเกือบตลอดทางเดิน สายตานับสิบ มองมาที่พวกเขาทั้งสอง จนถึงที่ลานจอดรถชั้นใต้ตึก เขาถึงจะปล่อยแขนเธอให้เป็นอิสระ
“คุณเป็นผู้หญิงที่ชอบใช้เสียงซินะ วัน ๆ เอาแต่ด่า เอาแต่ว่าผม ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง คุณไม่เหนื่อยบ้างหรือไงคุณตา” เขาว่าพลางล้วงกุญแจรถที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับกดปุ่มรีโมทเพื่อปลดล๊อกประตู จากนั้นชายหนุ่มก็เปิดประตูรถและก้าวขาลงไปนั่งประจำที่คนขับ
ส่วนทางด้านรมิตาเองได้แต่ทำหน้ามุ่ย พร้อมกับกระแทกตัวเองลงนั่งในรถของเขาด้วยเช่นกัน และไม่วายที่จะควานหากระจกที่เธอหามันมานานสองนาน จนหญิงสาวตัดสินใจ เอื้อมแขนไปบิดกระจกมองหลังที่อยู่เหนือศีรษะเพียงเล็กน้อย พลางพินิจพิเคราะห์ว่าเครื่องสำอางหลุดลอกไปบ้างหรือไม่
“ฉันมีปากไว้พูด ไม่ได้มีไว้ทานข้าวอย่างเดียวนะบอส ถ้ารับฉันไม่ได้ก็ออก เพราะฉันจะไม่ออก” รมิตาว่าพลางเม้มปากบนและปากล่างเข้าหากัน ในขณะที่มือของเธอจัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อย
“ผมไม่ออก เพราะผมเป็นลูกเจ้าของบริษัท” สิ้นเสียงชัชนนท์ หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สะบัดศีรษะไปหาเขาอย่างรุนแรงจนคอเธอเกือบจะหัก
“หะ? บอสเนี่ยนะ เป็นลูกของคุณธารากับคุณดุจดาว ไม่ใช่มั่ง หน้าตาไม่เห็นจะเหมือน แถมนิสัยไม่ต้องพูดถึง ไม่เหมือนกันเข้าไปใหญ่” รมิตาส่วนศีรษะไปมา พร้อมกับจัดตัวเองให้เรียบร้อย พร้อมที่จะได้เจอลูกค้าได้ทุกเมื่อ
“แล้วผมมันเป็นยังไง ไม่หล่อ นิสัยไม่ดีว่างั้น” ชัชนนท์กล่าวในขณะที่กำลังขับรถไปตามท้องถนน