คริสต์เอ่ยอีกครั้งเสียงเครียดกว่าเดิมและน้ำเสียงนั้นกระตุกสำนึกของหญิงสาว ถึงตอนนี้ใช่แต่เขาที่ประหลาดใจแม้แต่เธอเองก็ยังสับสนกับตัวเองไม่หาย ทุกอย่างราวกับตกลงไปในแรงหมุนและถูกเหวี่ยงแตกกระจาย เป็นเพราะ คนคนนั้น เพียงคนเดียว
“ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรอกนะคะคริสต์ ฉันยังทำงานของฉันและคุณก็ยังคงดำเนินชีวิตของคุณไปตามปกติ จริง ๆ แล้วเราต่างไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกันด้วยซ้ำ”
“ผมก็แค่อยากรู้เท่านั้นว่าคุณเป็นยังไงบ้าง มันจะไม่ได้เชียวหรือกับการที่ผมอยากรู้ว่าคนที่ผมเคย...รัก...ตอนนี้เป็นยังไง”
“คุณก็ได้เห็นแล้วนี่คะ” ภิณไลย์ญาบังคับเสียงไม่ให้สั่น “ฉันก็คือฉัน เป็นพริตตี้ที่ต้องทำงานทุกวัน นี่เป็นงานของฉันนะคะ...ขอโทษค่ะคริสต์ ฉันต้องขอตัวก่อน นี่ก็สายมากแล้ว”
“ผมได้ข่าวว่าน้องชายของคุณประสบอุบัติเหตุ”
ชายหนุ่มกล่าวไล่หลังร่างบางที่ก้าวเดินไปเกือบสุดโถงทางเดินและทำให้เธอหยุดนิ่ง คริสต์เดินตามไปก่อนดึงแขนเรียวให้ภิณไลย์ญาหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา
“คริสต์!”
หญิงสาวร้องออกมาเบา ๆ เมื่อเขาดันตัวเธอชิดผนัง มือหนาทั้งสองกดไหล่บางไว้ ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยคำถามและทำให้เธอหวั่นกลัว
“คริสต์...ปล่อยนะคะ ฉันจะรีบไปทำงาน”
“คุณอาจจะไม่สนใจเรื่องของผมอีกแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ผมยังคิดถึงแต่เรื่องของคุณ...เนเน่”
“ไม่มีอะไรหรอกนะคะ พิทย์พ้นขีดอันตรายแล้วและเขาก็ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล”
“ผมรู้เรื่องนี้จากบี เจ้าของเอเยนซี่ของคุณ เธอบอกว่าคุณต้องทำงานหนักเพื่อหาค่ารักษาพิทย์ ทำไมไม่บอกผมว่าคุณกำลังเดือดร้อนในเมื่อผมยินดีที่จะช่วยคุณทุกอย่าง”
“ไม่ค่ะ” ภิณไลย์ญาส่ายหน้าและไม่อาจเก็บกลั้นน้ำตาได้อีก “ฉันคงไม่รบกวนคุณ เราไม่ได้เป็นเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้วนะคะ ที่สำคัญฉันยังทำงานได้ ฉันพึ่งตัวเองได้ค่ะ”
“บีบอกผมว่าค่ารักษาน้องชายคุณสูงมาก ให้คุณรับงานมากกว่านี้ก็คงไม่พอค่าใช้จ่าย เนเน่...หรือว่า...คุณมีใครให้ความช่วยเหลือแล้ว...อย่างนั้นหรือ”
“ค่ะ”
หญิงสาวตอบกลับแบบไม่ต้องหยุดคิดและทำให้คริสต์ชะงัก น้ำตาของเธอยังไหลอาบแก้ม ภิณไลย์ญายิ้มขื่นกับการตัดสินใจสุดท้ายเมื่อมันสุดทางแห่งความหวังของเธอแล้ว เธอตอบเขาอย่างชัดถ้อย
“มีคนให้ความช่วยเหลือค่ารักษาพิทย์... ใช่ค่ะ...ค่าผ่าตัดสูงตั้งสามล้านเหรียญและฉันก็ไม่มีปัญญาจะหามาได้ทัน เขายื่นข้อเสนอที่จะ...เลี้ยงดูฉัน”
“เนเน่...”
“และฉัน...ก็ตอบตกลงเขาไปแล้ว”
“เป็นอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ...ไอ้มหาเศรษฐีคนนั้นมันเป็นใคร!”
“เขาจะเป็นใครคุณไม่จำเป็นต้องรู้นี่คะ”
“ทำไมผมจะรู้ไม่ได้ ในเมื่อเรา...”
“ไม่ได้เป็นแฟนกันอีกต่อไปแล้วนะคะ!”
ภิณไลย์ญาผลักร่างสูงที่พยายามคาดคั้นเธอทั้งคำพูดและการกระทำออกห่าง คริสต์หน้าเคียดขึ้ง แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อก็ได้ยินเสียงดังขึ้นด้านหลัง
“คริสต์....คริสต์คะ”
เจ้าของเสียงนั้นเดินเข้ามาหาชายหนุ่มซึ่งภิณไลย์ญาได้เห็นชัดเจนว่าเป็นหญิงสาวร่างระหงใบหน้าสวยใสหมดจดใต้กรอบเรือนผมเป็นคลื่นอ่อนประกายน้ำตาลอมแดงในชุดกระโปรงผ้าทวีดตัดเย็บเรียบกริบ เธอดูไม่เหมือนชาวอเมริกัน แม้ผิวขาวเหมือนหยวกแต่เค้าหน้าคลับคล้ายชาวเอเชียและรูปร่างเล็กบอบบางกว่ามาตรฐานผู้หญิงยุโรปทั่วไป พริตตี้สาวนึกโล่งใจเล็กน้อยที่ขณะนั้นคริสต์ยืนห่างจากเธอในระยะที่ดูไม่น่าเกลียดจนเกินไปนักและอาจไม่เป็นที่สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอและเขาก่อนหน้า ชายหนุ่มหันกลับไปยังหญิงสาวผู้นั้นก่อนเอ่ยว่า
“ลาริสา...”
“คริสต์...คุณมาอยู่ที่นี่เองเหรอคะ ฉันตามหาคุณทั่วงานเลย”
หญิงสาวผู้ซึ่งคริสต์เรียกเธอว่า ลาริสา กล่าวจบก็เหลือบมองภิณไลย์ญาที่ยืนนิ่งด้วยสายตาบ่งบอกอะไรบางอย่างที่พริตตี้สาวอ่านออกว่าเธอไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เมื่อเห็นเช่นนั้นภิณไลย์ญาจึงแสร้งยิ้มและเอ่ยว่า
“เอ้อ...พอดีว่า...คุณคนนี้มาถามทางไปห้องน้ำน่ะค่ะ ฉันเลยบอกแล้ว ในตึกนี้มันค่อนข้างจะซับซ้อน เขาไม่ชินทาง”
“ขอบคุณมากนะคะที่ให้ความกรุณาคู่หมั้นของฉัน”
ลาริสาดึงแขนของคริสต์มากอดไว้แน่นและมองพริตตี้สาวหัวจรดเท้า แววตาคู่นั้นไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาปวดใจเท่ากับภาพที่คนรักเก่าอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ตรงหน้า และคริสต์เองเมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เขากลับไม่พูดอะไรสักคำ แม้บอกตัวเองสักพันหนว่าลืมเขาได้แล้วและไม่คิดอะไรแต่เมื่อเห็นภาพบาดใจก็มิวายทำให้หญิงสาวยิ่งหดหู่มากกว่าเดิม ทว่าถึงอย่างไรเสียเธอก็ต้องยิ้ม
“ค่ะ...เอ้อ...เชิญพวกคุณตามสบายนะคะ ฉันต้องรีบไปแล้วล่ะค่ะ...บาย”
บทที่ 5 The prisoner เกมกักขัง
ภิณไลย์ญาโบกไม้โบกมือและรีบถอยฉากออกไปโดยที่คริสต์ไม่มีโอกาสได้เห็นหยดน้ำไหลลงบนแก้มของเธออีกครั้ง เธอรีบปาดน้ำตาและบอกตัวเองว่า...ไม่มีวันที่เขากับเธอจะเหมือนเดิมอีกแล้ว คริสต์มีคู่หมั้นและเธอได้เห็นผู้หญิงคนนั้นอย่างเต็มตา