และเมื่อถึงวันนั้นเขาอาจปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ...จะได้ต่างคนต่างไปเสียที
ภิณไลย์ญาคิดวนไปวนมาอยู่เช่นนั้นท่ามกลางบรรยากาศการเดินทางที่ตึงเครียดตลอดเวลาและไม่รู้ว่าผลอยหลับตอนไหนหลังลงจากเครื่องบินส่วนตัวของเขาและเดินตามหลังนักธุรกิจหมื่นล้านต้อย ๆ เพื่อขึ้นรถเอสยูวีที่มาคอยรับ หญิงสาวหลับ ๆ ตื่นๆ และเห็นหน้าคนเย็นชาถมึงทึง เขาไม่หลับบ้างหรืออย่างไร กระทั่งเธอได้ยินเสียงห้าวหนักดังขึ้นว่า
“ถึงแล้ว...ลงมาสิ เนเน่”
ร่างบอบบางที่ขดตัวอยู่บนเบาะด้านหลังทั้งที่ยังอยู่ในชุดแสกดำสั้นลืมตาตื่น เธอร่างสูงใหญ่ของนิโคลัสยืนหน้าบึ้งที่ประตูรถซึ่งเปิดกว้าง สักครู่เขาจึงโยนอะไรบางอย่างให้หญิงสาว ภิณไลย์ญาสะดุ้งและหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเพราะมันเป็นเสื้อโค้ทตัวใหญ่สีเทาก่อนได้ยินเขาสั่งว่า
“สวมมันซะแล้วตามผมมา”
หญิงสาวไม่รอช้า เธอรีบทำตามที่เขาสั่งแล้วลงจากรถคันใหญ่และเดินตามเขาไปยังบ้านพักตากอากาศบนเนินเขาริมทะเลซึ่งเมื่อภิณไลย์ญาหันมองรอบ ๆ ก็ถึงกับตื่นตะลึง เพราะเธอไม่เคยมายังหมู่เกาะฮาวายและมันเป็นสถานที่ในฝันที่อยากให้มีงานติดต่อมาที่นี่แต่ก็ไม่เคยได้รับข่าวดีสักครั้งในชีวิต ขณะเดินพลางวิ่งตามหลังร่างสูงที่ก้าวยาว ๆ ข้างหน้าก็ได้ยินเสียงนิโคลัสกล่าวโดยเขาไม่ใส่ใจเลยว่าคนข้างหลังจะเดินตามทันหรือไม่
“ที่นี่คือเกาะคาไว...เคยมาหรือเปล่า?”
“ไม่ค่ะ ไม่เคยเลย...มันสวยมากเลยนะคะ”
“ผมจะมาที่นี่ทุกอาทิตย์...ต้องมาทุกสัปดาห์ เป็นเหตุผลที่ว่าผมต้องพาคุณมาที่นี่”
“คะ?”
หญิงสาวยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นด้านหน้า
“แดดี๊...แดดี๊มาล๊ะ...แดดี๊ขา”
มันเป็นเสียงเจื้อยแจ้วแหลมเล็กของเด็กผู้หญิงอายุราวสี่ขวบในเสื้อและกางเกงผ้าสำลีสีชมพูหวานที่วิ่งรี่เข้ามากอดขาร่างสูงสง่าซึ่งเขาก้มลงและยกร่างน้อยขึ้นไว้ในอ้อมแขนพร้อมกันนั้นที่เด็กหญิงตัวเล็กหอมแก้มสากระคายขนเคราของนิโคลัสทั้งซ้ายขวาและมันเป็นภาพที่ทำให้ภิณไลย์ญาถึงกับนิ่งอึ้งเธอได้ยินเสียงทั้งสองพูดคุยกัน
“แดดี๊ขา...แดดี๊มาช้า...มากๆๆๆๆ”
“แดดี้รีบที่สุดในชีวิตแล้วค่ะ รีบมาก...แต่เครื่องบินบินช้ามาก”
บทที่ 6 Deeply painted ซ่อนไว้ในความปวดร้าว
“ม่ายเชื่อๆ” หนูน้อยส่ายหน้า “แดดี๊โกหก เครื่องบินต้องบินเร็วสิคะ”
“แดดี้ไม่เคยโกหกหนู...แดดี้คิดถึงลูกมากที่สุดในชีวิตนะโซอี้”
ประโยคสุดท้ายทำให้ภิณไลย์ญาถึงกับชะงัก ลูก...นิโคลัสเรียกเด็กผู้หญิงที่เขากอดเธอไว้แนบแน่นและแสดงออกถึงความรักราวกับไม่ได้พบกันมาเนิ่นนานว่า...ลูก เด็กผู้หญิงคนนี้คือลูกของเขาอย่างนั้นหรือ เจ้าพ่อธุรกิจยานยนต์หมื่นล้านที่ทั้งหยิ่งผยองและเย็นชามีเมียแล้วอย่างนั้นหรือ เธอไม่เคยรู้มาก่อนและเรื่องนี้ก็ไม่เคยเป็นที่เปิดเผย คริสต์เองก็ไม่เคยพูดถึง...ขณะที่เธอกำลังสับสนก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
“โซอี้...แดดี้พาเพื่อนมาด้วย...เธอชื่อ...เนเน่”
พอเขาแนะนำเด็กหญิงให้รู้จักภิณไลย์ญาก็ก้าวเข้าไปยืนห่างจากนิโคลัสประมาณสองก้าว เมื่อได้อยู่ใกล้ๆ เธอถึงได้เห็นหน้าแม่หนูน้อยชัดๆ เธอเป็นเด็กหญิงร่างเล็กบอบบางผิวขาวจัด หน้าตาจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโต จมูกเล็กรั้น ปากบางสีชมพูอมแดงเหมือนเชอร์รี่ลูกเล็กๆ แก้มอิ่มใต้กรอบเรือนผมสีน้ำตาลแดงอบอุ่นเป็นคลื่น หญิงสาวยิ้มให้และยื่นมือไปหาอย่างเป็นมิตร
“ไฮ...สวัสดีค่ะ...ฉันชื่อเนเน่นะคะ...หนู...โซอี้”
ภิณไลย์ญาเรียกชื่อนั้นตามที่ได้ยิน เธอคิดว่าโซอี้จะตอบรับไมตรีด้วยการยื่นมือกลับมาแต่เด็กหญิงกลับซบหน้าลงกับบ่าของนิโคลัสและทำหน้าเบ้ หญิงสาวตกใจเมื่อเห็นหนูน้อยบิดปากและเริ่มร้องไห้พร้อมฟูมฟายขณะกอดชายหนุ่มไว้แน่น
“แดดี๊พาเพื่อนมา...พาเพื่อนมาแล้วแดดี๊จะไม่อยู่ที่นี่...แดดี๊จะไปไหน...จะไปไหน”
“ไม่...โซอี้...พ่อไม่ไปไหน พ่อยังอยู่กับลูกนี่ไง”
“ไม่ๆๆๆ...แดดี๊จะไป...แดดี๊จะไปอีก...แดดี๊หายไปทุกที...ไม่อยู่กับหนูเลย”
“โซอี้...ฟังแดดี้นะคะ แดดี้จะอยู่กับลูกนานๆ โอเคนะ ไม่งอแง หยุดร้องนะคนดี ทูนหัวของพ่อ”
นิโคลัสปลอบขณะโซอี้สะอึกสะอื้น ภาพนั้นทำให้ภิณไลย์ญายิ่งรู้สึกประหลาดใจ เธอกำลังจินตนาการต่อไปว่านิโคลัสแอบมีเมียไว้ที่นี่ พอลูกคลอดแล้วเขาก็เดินทางไปมาทำให้ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าครอบครัว แต่...เมียเขาล่ะ...เมียเขาอยู่ที่ไหน ขณะนั้นเธอได้ยินโซอี้สะอื้นกับบ่าของนิโคลัส
“สัญญา...สัญญา...ว่าแดดี๊ไม่ไปไหน...จะอยู่กับหนู...อยู่กับหนู”
“สัญญาค่ะ...ทูนหัวของพ่อ...แดดี๊สัญญาว่า...จะอยู่นานๆ”
เขาพยายามปลอบเด็กน้อยอีกชั่วครู่ภิณไลย์ญาก็เห็นว่าโซอี้สงบลง นิโคลัสกอดเด็กหญิงไว้แนบอก ปลอบอย่างอ่อนหวานอ่อนโยนซึ่งมันเป็นภาพที่เธอแทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นอีกมุมของผู้ชายเลือดเย็นอย่างเขา เขาก็รู้จัก ความรัก ด้วยหรือ และเมื่อโซอี้สะอื้นน้อยลงชายหนุ่มจึงหันมาพยักหน้ากับหญิงสาวให้เธอเดินตามเขาเข้าไปในบ้าน