“คงเห็นแล้วสินะเนเน่?”
เขาตั้งคำถามขึ้นเมื่อรถติดไฟแดงแรกหลังออกจากตึกออโต้โชว์ ภิณไลย์ญายังนั่งนิ่งและได้ยินเขาลั่นคำถามอีกครั้ง
“ผมถามไม่ได้ยินหรือไง?”
“คุณถามอะไร” เธอตอบเสียงสั่นแต่สายตายังจ้องไปเบื้องหน้าขณะตัวเกร็งตั้งแต่ลำคอถึงปลายเท้า
“คุณคงเห็นคู่หมั้นของคริสต์แล้วสินะ...ลาริสา...เธอเป็นลูกสาวของนักธุรกิจชื่อดังชาวรัสเซียและมีเชื้อสายเวียดนามกับฝรั่งเศส พึ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเยล สถาบันการศึกษาชื่อดังด้านกฎหมายของอเมริกา”
“ค่ะ...เธอสวยมาก”
“และเหมาะสมมากกับคริสต์”
“คุณเห็นพวกเราเมื่อกี๊”
ภิณไลย์ญาเหลียวมองคนข้าง ๆ ขณะกัดฟันแน่น เสี้ยวหน้าคมคายของเขามีรอยยิ้มที่หญิงสาวรู้สึกชังมันอย่างที่สุด มันเป็นรออยยิ้มแห่งชัยชนะและทับถม
“ใช่...ผมเห็นทุกอย่าง เห็นละครฉากใหญ่ที่นางเอกถูกคนรักของเธอเขี่ยทิ้งเพื่อไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ซึ่งเหมาะสมและคู่ควรกัน...เอ...ผมควรจะเรียกผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นว่าเป็นนางเอกของละครเรื่องนี้มันจะเหมาะสมดีหรือเปล่า”
“และละครฉากนี้ก็มีคุณ คนไร้ความรักและหัวใจเป็นคนจัดฉาก...อย่างนั้นสินะคะ!”
“ใช่!” นิโคลัสหันขวับมายังหญิงสาวนัยน์ตาเข้มคลั่ก “ผมชอบละครโศกนาฎกรรม ยิ่งนางเอกถูกทารุณและพบกับความต้องผิดหวังถึงขนาดเจ็บช้ำจนตายผมก็ยิ่งชอบ!”
“คุณมันโรคจิต วันหนึ่งคนเลือดเย็นอย่างคุณต้องพบกับความเสียใจเหมือนละครที่คุณจัดฉากให้คนอื่นต้องเจ็บเจียนตายนั่นล่ะ”
“ผมจะรอวันนั้น แต่คิดว่ามันคงไม่มีวันมาถึง แต่ตอนนี้ผมว่าคุณโทรกลับไปที่บ้านจะดีกว่า...โทรกลับไปหาแม่ของคุณ บอกท่านว่าไม่ต้องรอ”
“หมายความว่ายังไง...ไม่ต้องรอ”
“เพราะคุณอาจจะไม่ได้กลับไปหาท่านอีกนาน”
“นิโคลัส...พูดให้ชัดสิคะ คุณลากฉันออกมาจากงานออโต้โชว์แล้วคุณกำลังจะพาฉันไปไหน”
เขาเหลือบมองหญิงสาวเล็กน้อยซึ่งเป็นจังหวะไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี นิโคลัสออกรถ ใบหน้าคมเข้มที่เคียดขึ้งดูเหมือนเยือกเย็นลงแต่หญิงสาวรู้ดีว่าคนอย่างเขาไม่ต่างจากภูเขาไฟที่ดูเหมือนสงบแต่ความร้อนยังคุกรุ่นและพร้อมปะทุตลอดเวลา
“ผมยังไม่บอกอะไรคุณตอนนี้ และคุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาคาดคั้นผมด้วย”
“ฉันไม่ได้คาดคั้นคุณนะคะ...นิโคลัส...ได้โปรดเถอะค่ะ อย่าทำอย่างนี้ได้ไหม คุณจะแกล้งฉันไปถึงไหน ถึงยังไงฉันก็ไม่มีวันชนะคุณอยู่แล้ว”
“ยอมรับแล้วเหรอเนเน่ว่าคุณเอาชนะผมไม่ได้ หึ! เมื่อกี๊คุณยังปากดีกล้าสาปแช่งผม แต่ก็...โอเค...ถือว่านี่เป็นคำร้องขอจากคนหมดหนทาง ผมจะพาคุณไปฮาวาย”
“ฮาวาย!”
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น แค่ฮาวาย ปกติพวกที่ทำงานอย่างคุณต้องเดินทางบ่อยอยู่แล้วและมันก็ไม้ได้อยู่นอกแผ่นดินอเมริกาเสียหน่อย”
“ใช่ค่ะ...คุณพูดถูกว่ามันอยู่ในอเมริกา แต่ถ้าคุณพาฉันไปที่นั่นแล้วใครจะคอยดูแลน้องชายของฉันกันล่ะคะ เขาเป็นคนไข้ที่ยังอาการหนัก ฉันจะปล่อยให้เขาอยู่อย่างอนาถาไม่ได้หรอกค่ะ”
“คิดว่าการที่ผมจ่ายเงินถึงสามล้านดอลล่าห์สำหรับการรักษาน้องชายของคุณมันยังไม่พอเพียงสำหรับการรักษาคนไข้อย่างดีที่สุดอย่างนั้นเหรอ มันยอดเยี่ยมกว่าประกันถูก ๆ ที่คนชั้นล่างอย่างพวกคุณทำตั้งไม่รู้กี่เท่า เขาจะได้รับการดูแลจากพยาบาลพิเศษตลอดการรักษาจนกว่าจะหายดี”
“แต่ว่า...”
“โทรกลับไปหาแม่คุณแล้วไม่ต้องมาร้องขอหรือต่อรองอะไรกับผมทั้งนั้น!”
นิโคลัสตัดบทอย่างเด็ดขาดด้วยการโยนสมาร์ทโฟนของเขาลงบนตักหญิงสาวที่พยายามกดกลั้นตัวเองถึงที่สุด ภิณไลย์ญากำหมัดแน่น เธอก้มลงมองสิ่งที่เขาโยนให้เหมือนเธอเป็นสัตว์เลี้ยงที่เจ้าของขว้างอาหารใส่อย่างไม่ใยดี หญิงสาวทั้งหมดกำลังใจและเจ็บปวดแต่เธอต้องยอมรับชะตากรรมของตัวเองอย่างไม่อาจเลี่ยง
ทำไมเขาถึงได้แสดงความชิงชังรังเกียจเธอมากขนาดนี้ ทุกคำพูดของนิโคลัสไม่เคยแยแสใยดี มีแต่จะบีบบังคับและเหน็บว่าให้เจ็บช้ำยิ่งกว่ายาพิษที่เขาทิ่มแทงมันลงไปในเลือดเนื้อทะลุเข้าไปถึงกระดูกนั่นเลยทีเดียว หญิงสาวค่อย ๆ หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาทั้งน้ำตาหยดไหล เธอต่อสายหามารดาที่รอคอยอยู่ที่บ้าน รอฟังกระทั่งได้ยินเสียงตอบรับกลับมา
“แม่คะ...เนนะคะ...ค่ะ...เนอาจจะยังไม่ได้กลับบ้าน...ค่ะ...ผู้จัดการส่งเนไปทำงานที่...ฮาวายค่ะ...แล้วเนจะส่งเงินกลับไปให้แม่นะคะ...ค่ะ...ใช่ค่ะ...ฮาวาย”
การเดินทางไปยังเกาะฮาวายพร้อมกับนิโคลัสด้วยเครื่องบินส่วนตัวของเขาเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายสำหรับภิณไลย์ญา พริตตี้แสนสวยที่ต้องถอดคราบเงาของการเป็นสาวประจำรถโชว์เพื่อแลกกับการเป็นลูกหนี้ที่เธอไม่เต็มใจแต่ก็เพื่อช่วยรักษาไว้ซึ่งชีวิตของน้องชาย ตลอดการเดินทางที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงเธอไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีแม้แต่น้อยจากเจ้าหนี้ที่ทั้งดุดันและเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งขั้วโลก นิโคลัสแทบไม่คุยกับเธอ ก็แน่อยู่แล้ว เขาจะอยากคุยอะไรกับผู้หญิงที่ตัวเองเหยียดหยามว่าทั้งชั้นต่ำ ไร้สกุลและเหมาะควรจะอยู่ห่างจากน้องชายของเขาให้ไกลที่สุด เขาทำสำเร็จ ฉุดเธอออกจากชีวิตของคริสต์และเหวี่ยงของไร้ค่าเช่นเธอออกนอกวงโคจรชีวิตของน้องชายจนห่างไกลชนิดที่เรียกว่าทำยังไงคริสต์ก็หาเธอไม่เจอนับจากนี้ นิโคลัสคงหวังพาเธอไปอยู่ในที่ที่คริสต์จะไม่ได้พบเจอจวบจนกระทั่งถึงวันแต่งงานของเขากับลาริสา ลูกสาวนัธุรกิจที่คู่ควร