“คุณหนูแก้ว ลุกมากินข้าวนะคะ จะได้กินยา”
ป้าอ้วนเขย่าแขนนุ่มนิ่มหลายครั้งกว่าหญิงสาวจะสะลึมสะลือตื่นมามองตา คนดีของป้าอ้วนไอหลายครั้ง เจ็บปวดตามเนื้อตัวจนขยับไม่ได้ ป้าเข้าออกห้องบ่อยเพื่อแวะมาดูอาการ กลัวป้าติดไข้ใส่แมสค์นอนจนกลัวจะหายใจไม่ออก เกี่ยวสายออกจากหลังหูให้หล่อนหายใจคล่อง
“แก้วไม่หิวค่ะ” ริมฝีปากแห้งขาดน้ำขยับพูดช้าๆ ตาปรอยอยากจะนอนต่อมากกว่า
“ไม่หิวก็ต้องฝืนใจกินสักหน่อยนะคะ ป้าใช้ยัยแจ๋วออกไปซื้อยามาให้ ได้ปรอทวัดไข้มาด้วย มาค่ะ ป้าจะวัดไข้ให้”
ป้าอ้วนลดมืออวบสัมผัสหน้าผาก เช็ดตัวหลายครั้งอุณหภูมิควรจะลดลงกลับไม่ลดยังร้อนเหมือนเดิม ป้าอ้วนอยากพาไปหาหมอ เสียแต่คนแก่ไปไหนมาไหนเองไม่เป็น สามีที่เป็นคนขับรถก็ออกไปบริษัทกับคุณผู้หญิงคุณผู้ชายแต่เช้ายังไม่กลับ ในบ้านมีแค่ป้าอ้วนกับเด็กรับใช้ที่ช่วยหยิบจับงานบ้าน
ตาคู่อ่อนหวานกะพริบถี่มีน้ำตาไหลหยดลงบนปลอกหมอน คุณเกล้ามาเห็นสภาพลูกสาวจะรู้สึกยังไงกัน ป้าอ้วนไม่ใช่ญาติพี่น้องยังสงสารแทบขาดใจ วิธีใช้งานปรอทวัดไข้ตัวเล็กนิดเดียว เพ่งนานกว่าจะอ่านวิธีใช้เข้าใจ ผลออกมาสามสิบเก้า ไม่ใช่น้อยๆ
“ไปหาหมอไหมคะ ป้าพานั่งแท็กซี่ไปกันสองคน”
“ไม่เป็นไรค่ะ แก้วนอนพัก พรุ่งนี้ก็หาย ป้าไปพักเถอะนะคะ”
“ให้ป้าโทรบอกคุณตุลย์ไหม”
“อย่ารบกวนเขาเลยค่ะ” ปฏิเสธโดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิด
“ป้าอ้วนออกไปเถอะนะคะ แก้วเพลีย อยากนอนพัก”
“ยังไงก็อย่าลืมกินข้าวนะคะ อีกหนึ่งชั่วโมงป้าจะมาดูใหม่”
ดวงตาคู่หม่นหมองหลับลง หลังจากเผลอชำเรืองสายตามองไปทางประตูเชื่อมกลางเข้าสู่ห้องนอนเล็ก ในเมื่อรำคาญนักก็จะไม่ง้อขอความช่วยเหลือ ใครว่าประกายแก้วอยากอยู่ในสถานะนี้ อดทนมาได้เพราะเกรงใจเกรงใจพ่อแม่เขาต่างหาก
พ่อแม่เขารักหล่อนไม่ต่างจากลูกในไส้ กลัวเงินเดือนเลขาฯ ไม่พอใช้ โอนส่วนตัวให้ทุกเดือนจนเกรงใจ พาไปกินอาหารดีๆ เห็นเสื้อผ้าร้องเท้ากระเป๋าสวยๆ ก็ซื้อมาฝาก เงินค่ารักษาพ่อหมดไปหลายล้าน ก็ได้จากพ่อตวนแม่พริ้ม จะมีพ่อแม่สามีคนไหน รักลูกสะใภ้ ให้หมดทุกอย่างอย่างท่านทั้งสอง
ประกายแก้วอยู่ปรนนิบัติรับใช้พวกท่าน ไม่ใช่ว่าอดทนอยู่ที่นี่ เพราะรอความรักจากตนุภัทร ความหวังลมๆ แล้งๆ หล่อนเลิกคิดไปนานแล้ว ใบหน้าพริ้มเพราหลับสนิทแนบไปกับหมอนใบสีขาว ผล็อยหลับทั้งที่ยังไม่ได้กินอาหารและยาที่ป้าอ้วนยกมาให้ รู้สึกตัวตื่นตอนที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ประกายแก้วโตแล้ว แต่ติดพ่อติดแม่เป็นเด็ก รีบรับสาย จะอ้อนแม่ว่าป่วย ทว่าเสียงแทรกฝั่งแม่กลับเป็นเสียงผู้ชาย
“เสียงเหมือนธันวา” เสียงทุ้ม ทื่อ ฟังคุ้นๆ ชอบกล แต่จะใช่จริงๆ เหรอ ธันวาได้ทุนเรียนฟรีจากรัฐบาลญี่ปุ่น เรียนจบและทำงานในบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยี กอปรกับช่วงนั้นโควิดแพร่ระบาด ไม่ได้เจอกันน่าจะสามปีเต็ม บ้านเกิดแม่เกล้าในเขตธนบุรีรั้วติดกับบ้านแม่ธันวา ตอนเด็กประกายแก้วไปที่นั่นบ่อยทำให้สนิทกันไปโดยปริยาย
‘เสียงเราออกจะมีเอกลักษณ์ แกล้งหรือเปล่า ถึงจำไม่ได้ ทีเรา ยังจำได้เลย ทั้งที่เสียงพูดของเธอตอนนี้แหบเหมือนเป็ด’ โปรแกรมเมอร์หนุ่มเนิร์ดตอบกลับมาเสียงแข็งไม่ต่างจากท่อนไม้
ใช่จริงๆ ด้วย! จะพูดกับเพื่อน แต่ไอหนักจนต้องดึงโทรศัพท์ออกชั่วคราว ไอเสียงดัง น้ำลายพุ่งกระจาย แพร่เชื้อโรคไปทั่วห้อง
‘อ้าวๆๆ ไหวไหม ทำไมเธอถึงได้ไอหนักขนาดนั้น’
“โทษที เราไม่ค่อยสบาย ไอไม่หยุดเลย ลางานนอนอยู่บ้าน”
‘เรื่องนั้นเรารู้แล้ว แม่สามีเธอโทรมาบอกแม่เธอ เราแวะมากินขนมจีน แม่เธอเล่าให้ฟัง เราก็เลยขอยืมโทรศัพท์โทรมาทักทาย’
“ขอบใจนะ กลับมาถึงนานหรือยัง ไม่บอกก่อนเลยว่าจะมา”
‘วันสองวันนี้เอง เราจะเปลี่ยนงาน เลยถือโอกาสกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ว่าจะอยู่สักเดือน กลับมาถึงก็ยุ่งๆ ช่วยพ่อขับรถส่งผลไม้’
“ขยันจังเลยนะ มาพักร้อน ก็น่าจะพักผ่อน”
‘เราชอบทำงานมากกว่า ว่างๆ จะมารับจ๊อบช่วยแม่เธอขายขนมจีน จ้างไหม วันนี้ลูกค้าเยอะมากเลยนะ แม่เธอแทบจะไม่มีเวลานั่งพัก ยังไม่เที่ยง แต่น้ำยากะทิหมดไปสองหม้อแล้ว’
“ใครจะมีเงินจ้างหนุ่มนักเรียนนอกอย่างเธอ”
‘ไออีกแล้ว มียาแก้ไอหรือเปล่า ทยอยจิบจะได้หายเร็วๆ
“อยากได้น้ำยาขนมจีนมาซดให้คล่องคอมากกว่า วันนี้แม่เราทำแกงเขียวหวานไหม ลองชิม ฝีมือแม่เราอร่อยมากเลยนะ”
‘มีสิ แต่ใกล้จะหมดแล้ว เรากำลังกิน แม่ตักมาให้เราถ้วยใหญ่ แถมผักอีกจานใหญ่’ เสียงทื่อๆ ของธันวาแกล้งพูดแซวแม่เกล้า
สตรีวัยกลางคนขายของคล่องแคล่ว หันมายิ้มให้ เดิมทีแม่เกล้าขายขนมจีนในตลาดแห่งนี้ ก่อนจะพบรักกับพ่อกรที่เป็นเศรษฐีเจ้าของตลาด พ่อแวะมาเก็บเงินค่าเช่าด้วยตัวเองทุกเดือน เพื่อจะได้เจอแม่และอุดหนุนขนมจีนแม่บ่อยจนรักกัน พ่อพาแม่ย้ายไปสร้างครอบครัวด้วยกันมีชีวิตที่สุขสบาย เพิ่งจะมีปัญหาการเงินช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ถึงขั้นต้องขายบ้าน ขายตลาด ตกระกำลำบากกลับมาขายขนมจีน
แม่เกล้าชอบขายของ แผงขายผลไม้ของแม่ธันวาอยู่ใกล้ๆ กัน มีเพื่อนคุย ไม่ต้องเหงานั่งๆ นอนๆ ดูแลสามีป่วยหนัก พ่อกรไม่ได้อยู่บ้านคนเดียว มาด้วยกันกับแม่ แต่พ่อจะนอนบนเปล นอนทั้งวันตั้งแต่เช้าจนถึงตอนกลับบ้าน ผลกระทบมาจากอาการป่วย หากตื่นพ่อจะคลื่นไส้ อาเจียน เดินไม่ตรง แม่จึงไม่ให้เขาปลุก
“ซดให้เบาๆ หน่อย อิจฉานะ เราก็อยากกินเหมือนกัน” เสียงซดน้ำยาขนมจีนดังซู้ดดด ข้ามมาถึงฝั่งนี้ น้ำยาแกงเขียวหวานของโปรดประกายแก้ว เอามาราดบนเส้นขนมจีน อร่อยหาที่เปรียบไม่ได้ กินวันสองถ้วยก็ไม่พอจัดมาสามจะได้อิ่ม
‘ธันวา ถามแก้วให้แม่หน่อยสิลูก อาการไข้ทุเลาลงหรือยัง’
“ฝากบอกแม่เราที ว่าเราดีขึ้นแล้ว ไม่อยากให้แม่เป็นห่วง แต่จริงๆ แล้วเราลุกไม่ไหว ไอจนเจ็บคอ ตัวก็ร้อน คนที่บ้านไปทำงานกันหมด ไม่มีใครว่างพาไปหาหมอ เราก็เลยต้องนอนพักผ่อนที่บ้าน”
‘สามีเธอ เขาจะกลับมาตอนไหน’ ธันวาถามเสียงกระซิบ
“เขาทำงาน แต่ถึงไม่ทำ เขาก็ไม่กลับมาหรอก เมื่อคืนเราไข้ขึ้น ร้องเรียกเขาแทบแย่ เขาไม่สนใจ ขับรถออกไปข้างนอกเฉยเลย”
งอนสามีจนน้ำตาแตก ถ้าตอนนี้มีเงินเยอะๆ ก็คงดี ประกายแก้วจะคืนหนี้ให้พ่อตวนแม่พริ้ม และกราบท่านทั้งสองขอแยกทางกับตนุภัทร แต่มีที่ไหนกันเล่า ทุกวันนี้ถ้าไม่มีข้าวฟรีที่บ้านกินก็คงจะเดือนชนเดือน ต้องช่วยแม่จ่ายหนี้ธนาคาร ที่เคยเอาโฉนดบ้านไปจำนองแลกเงินสดมาก้อนใหญ่ ในช่วงที่ทางบ้านไม่เหลือเงินใช้
“เธออย่าเล่าให้แม่เราฟังนะ เราไม่อยากให้แม่เราคิดมาก”
‘เข้าใจแล้ว เธอเนี่ย พูดถึงแต่เรื่องกิน อยากกินขนมจีนน้ำยาแกงเขียวหวานฝีมือแม่เกล้า ถ้าไม่ได้กินจะไม่หายป่วยใช่ไหม ได้ เดี๋ยวเราขับรถเอาไปส่งให้ถึงบ้านตอนนี้เลย แม่เกล้าครับ! มีคนอยากกินขนมจีน จัดให้ผมหนึ่งชุดใหญ่ เก็บเงินที่ลูกสาวแม่ได้ไหมครับ’
‘คนป่วยที่ไหนบ่นอยากกินขนมจีนน้ำยา ตะกละอยากกิน กับอยากให้ธันวาไปเล่นด้วยมากกว่ามั้ง’ เสียงของแม่เกล้าที่แทรกเข้ามา พอจะเรียกรอยยิ้มจากคนป่วยได้ ถึงจะโชคร้ายเลือกเส้นทางชีวิตคู่ของตัวเองผิด แต่หล่อนยังมีคนที่รักและหวังดี คอยอยู่เคียงข้างตั้งมากมาย