เสียงเครื่องยนต์จะพังแหล่ไม่พังแหล่สะกิดหูป้าอ้วนที่เฝ้าประกายแก้วในห้องรับแขก หญิงสาวบอกจะมีเพื่อนมารับไปหาหมอ ย้ายลงมานอนรอชั้นล่าง นอนพักยังไม่เคลิ้มหลับเพื่อนคนที่ว่าก็มาถึง ป้าเขย่าแขนคนตาปรอยบอกข่าวก่อนจะออกไปรับแขก
“สวัสดีครับ ผมธันวา เพื่อนแก้วครับ”
ชายหนุ่มวัยใกล้เคียงประกายแก้วลงจากรถกระบะมายกมือไหว้ การพูดจาแข็งทื่อไม่ต่างจากท่อนไม้ทั้งหน้าตาและน้ำเสียง ป้าอ้วนหลุดขำ ไม่คิดว่าตัวจริงจะหน้าตายขนาดนี้ ตอนที่ประกายแก้วเล่าลักษณะเพื่อนให้ฟัง ป้านึกว่าพูดเล่น ‘บอกพี่แจ๋วให้สังเกตหน้าตา ถ้าทื่อๆ ตายๆ คนนั้นเลยค่ะ’ มิน่าล่ะ แจ๋วเปิดประตูให้ถูกคน ตรงตามบรีฟเป๊ะ
“สวัสดีค่ะคุณธันวา ป้าอ้วน คนดูแลบ้านค่ะ”
“แก้วได้บอกหรือยังครับ ผมจะมารับไปข้างนอก”
“บอกแล้วค่ะ คุณหนูแก้วนอนรออยู่ใกล้ๆ นี้เอง เธอไม่สบาย จะลุกจะเดินจะนั่งจะนอนก็ไม่ค่อยไหว ป้าออกมาดูก่อนเผื่อว่าจะไม่ใช่แขกของคุณแก้ว แล้วนี่ นัดกันว่าจะไปไหนบ้างเหรอคะ”
“แค่พาไปหาหมอเท่านั้นครับ แก้วบอกไม่มีใครพาไป พอดีว่าผมอยู่ว่างๆ เลยอาสา ผมมีของมาฝากด้วยนะครับ แม่ผมขายผลไม้ในตลาด ให้เอาส้มมาฝากแก้ว แต่ป้ากับคนในบ้านจะกินด้วยก็ได้นะครับ” เขายกลังเบียร์บรรจุผลส้มลงจากท้ายกระบะ
“อุ๊ย! หนักไหมล่ะนั่น วางก่อนค่ะ วางไว้ตรงนี้ ป้าจะให้เด็กในบ้านมายกไปเก็บทีหลัง ขอบคุณนะคะที่มีน้ำใจ รอคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายกลับบ้าน ป้าจะเล่าให้ท่านทั้งสองฟัง ว่าคุณธันวาแวะมาที่นี่”
“ไม่ต้องเล่าก็ได้ครับ” หนุ่มหน้าตาแข็งทื่อยกลังเบียร์นำไปวางข้างประตูเข้าบ้าน ปัดมือเช็ดฝุ่น กลัวไม่สะอาดดึงมือมาเช็ดขากางเกง
“อ้อ! มีน้ำยาขนมจีนด้วยนะครับ”
มัวเหม่อถึงเพื่อนสาวลุ้นว่าจะออกมาตอนไหน เพิ่งนึกขึ้นได้ ป้าอ้วนยื่นมือมารับ แต่ธันวากลับลดมือลง เพราะสนใจประกายแก้ว หนุ่มหน้าตาแข็งทื่อเทความสนใจไปทางเพื่อนวัยเด็กที่เดินตัวอ่อนเปลี้ยออกมาเกือบถึงหน้าประตู หล่อนสวมแมสค์หนามือกุมท้องหยุดชั่วคราวเพื่อไอชุดใหญ่ ขมคอไปกับเสียงเสมหะแตกที่แตกปานพลุปีใหม่ จะเข้าไปช่วยพยุง แต่ช้ากว่าป้าแม่บ้านที่ถึงตัวประกายแก้วก่อน
“แก้ว เธอไหวหรือเปล่า”
“ไหวสิ แค่ไอ... นิดหน่อย”
“โธ่... ป้าเป็นห่วง คุณธันวาต้องดูแลคุณแก้วดีๆ นะคะ ถ้าคุณแก้วไม่ไหว ให้รีบโทรหาป้า ป้าจะโทรบอกคุณตุลย์ตามไปรับ”
“อย่าห่วงเลยครับ ผมจะรับส่งแก้วถึงบ้านอย่างปลอดภัย แก้ว ไปกันเถอะ จะได้ทันหาหมอตอนบ่ายโมง ขนมจีนครับ” จับใส่มือป้า ก่อนเปิดประตูระกระบะสีขาวกินสนิมให้เพื่อนวัยเด็กเข้าไปนั่ง
“ธันวา...” มือเล็กจับที่ขอบประตูยังไม่เข้าไป มองเพื่อนแววตาซาบซึ้ง “ขอบคุณนะ” เสียงฟังไม่ได้ ทั้งแหบและอู้อี้คล้ายกับจะร้องไห้ ระยะทางจากร้านแม่มาที่นี่ไม่ใช่ใกล้ๆ ธันวากลับมาถึงภายในครึ่งชั่วโมง บ่งบอกว่าหลังวางสายเขารีบตรงดิ่งมาทันที ความห่วงใยจากเพื่อนวัยเด็กมีให้มากกว่าคนที่ได้ชื่อว่าสามี
“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง อ้อ แม่เธอฝากขนมจีนน้ำยามาให้ แกงเขียวหวานที่เธอชอบ เราพาเธอไปหาหมอก่อน ค่อยกลับมากิน”
“รีบไปเถอะค่ะ ป้าจะเก็บไว้ให้ ไม่กินหมดก่อนแน่นอน” ป้าอ้วนยืนส่ง อยากไปด้วย แต่หน้ารถแคบ นั่งสามคนไม่ได้ ถ้าได้ ก็ต้องนั่งตักสถานเดียว ลูกเล็กเด็กแดงตัวน้อยๆ พอว่า ป้าอ้วนหนักไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบกิโลกรัม ขืนนั่งไปด้วยมีหวังประกายแก้วถูกเบียดตัวแบน
“เธอจะหมุนกระจกขึ้นก็ได้นะ เปิดไว้แค่พอมีลมเข้ามาก็ได้”
เพื่อนสาวเหม่อลอย แววตาเศร้า ธันวาเปิดกระจกวิ่งเพราะแอร์เสีย อย่าว่าแต่แอร์เลย เครื่องเสียง แผงควบคุม ทุกอย่างในรถพังหมด มีแค่ล้อเท่านั้นที่ใช้งานได้พาเจ้าของไปหาเงิน
“ไม่เป็นไร เปิดกระจกไว้แบบนี้ลมกำลังเย็นดีเลย เราปวดหัว ตัวร้อน ธันวาอย่าเข้าใกล้เรามากนะ เรากลัวเธอจะติดไข้จากเรา”
สำหรับประกายแก้ว รถจะเก่าหรือใหม่ขอแค่วิ่งได้และไม่ติดไฟแนนซ์ถือว่าวิเศษมาก ที่บ้านหล่อนก็กระบะเก่า มีใช้หนึ่งคัน แม่เตรียมน้ำยาที่บ้านก่อนยกขึ้นรถขับไปขาย แม่อายุเยอะ แต่แข็งแรง และสู้ชีวิต ต่างจากประกายแก้ว แค่ป่วยนิดๆ หน่อยๆ สามีไม่สนใจดูแล นอนร้องไห้ไปครึ่งวัน จะน้อยใจทำไม ทำเหมือนเขาเคยสนใจ
“แมสค์สองชั้นหนา ไข้ของเธอทำอะไรเราไม่ได้หรอก”
มุกนี้ตลกใช้ได้ ประกายแก้วลืมอาการป่วยไปชั่วคราว
“ธันวา... อย่าบอกแม่ได้ไหม ว่าพาเรามาหาหมอ”
“ทำไม กลัวแม่เธอจะมารับเธอกลับบ้าน เพราะโกรธที่สามีเธอดูแลลูกสาวแม่ไม่ดีงั้นเหรอ” ธันวาถามแทงใจดำ
“เปล่า เราแค่ไม่อยากให้แม่เก็บเรื่องเราไปคิดมาก”
ประกายแก้วเอียงกรอบหน้าสวยไม่เป็นสองรองใครไปทางถนนที่วุ่นวาย ปล่อยตัวปล่อยใจล่องลอยไม่คิดถึงตนุภัทรให้ปวดใจ
รถกระบะคันเก่าแล่นสวนเลนส์ไปโดดเด่นจนตนุภัทรต้องมองซ้ำผ่านกระจกหลัง จุดจุดจุดโทรมาอีกแล้ว ไม่ใช่พินต้าแต่เป็นบันทึกเบอร์คุณนายพริ้ม “ครับ กำลังกลับบ้าน จะรับลูกสะใภ้แม่จากเตียงบ้านถึงเตียงโรงพยาบาลเลยครับ ไม่ต้องเป็นห่วง” คุณนายพริ้มแว้ดๆ มาตามสาย เขาตามใจท่านกลับมาเกือบถึงบ้านแล้วยังบ่นไม่เลิกว่าชักช้านู้นนี่นั่น ตนุภัทรขี้เกียจฟังแม่บ่น แกล้งไม่ได้ยิน ก่อนจะกดวางสายไป
“เร็วๆ สิป้า หิวจะแย่แล้ว” สวนหลังคฤหาสน์ แจ๋วเร่งป้าอ้วน หยิบเส้นขนมจีนกับสารพัดผักใส่ถ้วย รอน้ำยาพร้อมตักมาราดท่วมเส้น
“ตะกละนัก กินเท่านี้ อย่าขโมยของคุณแก้วมากินเชียว”
“คุณเกล้าฝากมาให้ตั้งเยอะ คุณๆ เขากินไม่หมดหรอก”
“ยังไงก็ช่าง ยกเว้นแกงเขียวหวาน ของโปรดคุณแก้ว”
“รู้แล้วน่า ของฟรี จะน้ำยาอะไรฉันก็กินหมดนั่นแหละ”
“กินลงไป ฝีมือคุณเกล้า ไม่ใช่จะได้กินบ่อยๆ นะ”
ตั้งแต่ประกายแก้วแต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้บ้านนี้ บิดามารดาประกายแก้วไม่เคยมารบกวนหรือเยี่ยมลูกสาว คุณเกล้ายุ่งๆ กับการขายของ และดูแลสามีที่ป่วยหนัก ประกายแก้วเป็นฝ่ายเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน เดือนละ 1-2 ครั้งตามโอกาส หากวันหยุดคุณพริ้มคุณตวนไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ หญิงสาวมักจะเก็บกระเป๋าเอาไปทำงานในเช้าวันศุกร์ รอเลิกงานจะถือกระเป๋าไปบีทีเอสนั่งยาวถึงฝั่งธนบุรี
คุ้นชินกับการมีหญิงสาวเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ป้าอ้วนก็เหมือนคุณพริ้ม คงจะคิดถึงและเสียใจมาก ถ้าหากประกายแก้วหย่ากับตนุภัทรเก็บข้าวของย้ายกลับไปอยู่บ้านแม่ ถึงฝั่งธนจะใกล้แค่ข้ามแม่น้ำไป แต่คนแก่อยู่ติดบ้าน คงจะไม่มีโอกาสไปเยี่ยมหญิงสาว
ป้าอ้วนหยิบจับเส้นขนมจีนทะนุถนอมเพราะรักคนทำ จะคุณเกล้าหรือคุณแก้วก็รักทั้งนั้นจนเผลอทำหน้าเศร้า
“อื้ม! อร่อยจังเลย ป้า คุณแก้วทำงานได้เงินเดือนหลายหมื่น เขาไม่ส่งเงินให้แม่ใช้เหรอ ทำไมแม่ยังต้องลำบากขายขนมจีน ฉันทำงานบ้านได้เงินน้อยกว่ายังส่งให้แม่ แม่ฉันนะ สบายเป็นคุณนาย”
“แล้วพอใช้ไหมล่ะ ทำงานคนเดียวแต่ต้องเลี้ยงทั้งบ้าน”
“น่าจะพอนะป้า ยกเว้นเดือนไหนได้หวยดัง ถึงจะขอฉันเพิ่ม”
“คนเรานะ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เข้ามาในชีวิต จะชอบใช้ชีวิตประมาท มีวันนี้ ใช่ว่าวันหน้าจะมีไปตลอด ถ้ายังมีแรง จะงานเล็ก งานน้อย เงินมาก เงินน้อย ช่วยกันทำ ช่วยกันหา วันหนึ่งคนใดคนหนึ่งล้ม จะได้พยุงกันได้”
“จริงของป้า ถ้าฉันตกงาน มีหวังอดตายไปถึงพ่อแม่ ฉันกินอีกนะ” เลิกสงสัยชีวิตคนอื่น จับเส้นขนมจีนมาวางราดน้ำยาแกงกะทิกินอีกถ้วย “โห! อร่อยสุดยอด แม่ลูกคู่นี้ทำกับข้าวเก่งจังป้า”
“แน่นอน สะใภ้คุณพริ้มจะธรรมดาได้ไง”
คุณพริ้มเคยเป็นเชฟอาหารฝรั่งเศสมาก่อน ธุรกิจขนาดกลางของครอบครัวนี้ ส่วนมากเป็นร้านอาหารหลากหลายสัญชาติ
“ว่าที่อดีตสะใภ้มากกว่ามั้ง ฉันได้ยินมาว่าจะหย่ากันด้วยแหละป้า แยกห้องนอนมาตั้งสองปี ฉันคิดไว้แล้ว ว่ายังไงก็ไปกันไม่รอด”
“ปาก ปาก ปาก พูดมาก จะอยู่หรือหย่าก็เรื่องของเจ้านาย” ป้าอ้วนง้างมือเล็งจะฟาด แกล้งขู่ ไม่อยากให้แจ๋วพูดมาก
“ฉันรู้หรอกน่าว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควร ก็พูดแค่กับป้า”
“ป้าอ้วนอิ่มหรือยัง ช่วยตามผมเข้ามาในบ้านที”
“คุณตุลย์!” ทั้งคู่เกือบสำลักน้ำยาขนมจีน ตกใจที่ตนุภัทรมาไม่ให้สุ้มให้เสียง ทำหน้ายักษ์แอบฟังป้ากับแจ๋วคุยกั
“ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะคะ ป้านึกว่าคุณตุลย์จะกลับค่ำๆ”
“ผมเพลีย เลยเอางานกลับมาทำที่บ้าน ป้าขึ้นไปดูแก้วให้ผมที ถ้าแก้วตื่น บอกให้แต่งตัว ผมจะพาไปหาหมอ”
“คุณแก้วเหรอคะ เธอเพิ่งออกไปเมื่อครู่ค่ะ”
“ไปกับใคร” คอแข็ง เอี้ยวตัวกลับมาจ้องหน้า
“เพื่อนผู้ชายค่ะ ชื่อธันวา บอกว่าเป็นเพื่อนบ้านที่ฝั่งธน”
“แล้วป้าก็ปล่อยให้ไปด้วยกันง่ายๆ เหรอ มันไว้ใจได้หรือเปล่า ถ้ามันฉวยโอกาสตอนแก้วหลับลวนลามแบบไอ้อินล่ะ!”
“ป้า… ป้าไม่รู้ค่ะ คุณแก้วบอกว่าเป็นเพื่อน ป้าไม่ได้ถามต่อ” ป้าอ้วนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ลักษณะนางงามช็อตไมค์
“น่าจะไม่มีอะไรมั้งคะ คุณธันวาหน้าตาท่าทางเธอดูซื่อๆ ใจดีด้วยนะคะ เอาส้ม กับขนมจีนคุณเกล้ามาฝากเยอะเลย”
“ท่าทางป้าจะชอบนายธันวาคนนี้เอามากๆ เลยนะครับ ทำไมไม่จีบมันให้แก้วไปเลยล่ะ” เหน็บแนมป้าอ้วนน้ำเสียงหงุดหงิด ไม่รู้จักผู้ชายคนนั้นและหน้าตาของมัน แต่รู้ว่าจะตามหาทั้งสองเจอที่ไหน