คล้อยหลังรถตู้พ้นเขตบ้าน นาฬิกาปลุกในโทรศัพท์แผดเสียงจนตนุภัทรตื่นจากการหลับลึก เขาเพิ่งได้นอนตอนตีห้าจะเอาแรงจากไหนไปทำงาน ปวดหัวตุบ ตาแสบร้อนจากนอนไม่พอ ทิ้งดิ่งศีรษะลงหมอน แต่อึดใจเดียว เสียงแสบแก้วหูเสียงเดิมตามมาหลอกหลอน โอเค ตื่นก็ได้ เขายกตัวขึ้นพร้อมกับดึงแขนอีกข้างกลับมาแนบสีข้าง กลับรู้สึกเหมือนถูกทับด้วยบางอย่างที่หนัก และนุ่ม พบกลุ่มเส้นผมสีดำยาวของประกายแก้วอาศัยกล้ามแขนหนุนนอนแทนหมอน ใบหน้าสวยหมดจดอยู่ใกล้สันจมูกโด่งเพียงแค่คืบเดียว เครื่องหน้าประกายแก้วสวยจนเขาหยุดมองไม่ได้ หล่อนยังคงหลับสนิท หายใจเข้าออกมีไอร้อน ระหว่างพวกเขามีแค่ผ้าห่มผืนเดียว ที่ขวางกั้นไม่ให้เนื้อหนังมังสาแนบชิดติดกัน เรือนร่างของคนสองคนแตกต่างด้วยสรีระ ประกายแก้วตัวเล็กบอบบางน่าทะนุถนอม ผิวพรรณเรียบเนียนสะอาดสะอ้าน ถูกปกป้องโดยป้อมปราการขนาดใหญ่คือร่างกายเขา
หล่อนนอนในลักษณะตะแคงข้างหันหน้าเข้าหา วาดแขนกอดเขาจากใต้ผ้าห่ม ตนุภัทรสับสนว่ามานอนบนเตียงเดียวกับหญิงสาวได้ยังไง เขาควรจะนั่งหลับบนเก้าอี้ตัวนั้นไม่ใช่เหรอ ขมวดคิ้วยับย่น นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนที่ผ่านมา เขาออกไปหาพินต้า กลับมาถึงบ้านทะเลาะกับแม่ ไล่ทุบตีไอ้หมอหื่น ก่อนจะอยู่ดูแล็บระกายแก้วเกือบเช้า จำได้แค่นี้ ส่วนเรื่องที่ว่าปีนขึ้นมานอนบนเตียงได้ยังไงเขาจำไม่ได้
ขี้เซาชะมัด ทั้งที่นาฬิกาปลุกเสียงดังนรกแตกกลับไม่ตื่น ตนุภัทรมีรอยยิ้มอบอุ่น แนบมือบนหน้าผากตรวจวัดอุณหภูมิ ตัวยังร้อนอยู่เลย น่าจะไม่หายป่วยง่ายๆ ไปติดไข้มาจากไหนกันนะ แกล้งเอานิ้วจิ้มแก้มหลายครั้งจนหล่อนรำคาญ ส่งเสียงคล้ายลูกแมว พลิกตัวกลับไปนอนหงาย เปิดโอกาสให้ดึงแขนกลับมา
เขาทำหน้าบู้บี้ แขนชา เอามีดมาฟันยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บ ยกแขนขึ้นลงออกกำลังกาย ใช้มืออีกข้างส่งข้อความหาเลขาฯ เลขาฯ ท่านประธานอย่างประกายแก้วไม่ไปทำงานสักคน คนที่เหลือคงจะวิ่งวุ่นทำงานแทนในส่วนของหล่อนจนหัวหมุน
“คุณตุลย์ เพิ่งตื่นเหรอคะ” เสียงเปิดประตู ตามด้วยร่างกายอ้วนท้วนของป้าอ้วน
“ครับ ผมเพลีย เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน”
ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมถึงต้นคอประกายแก้ว ชุดนอนหล่อนไม่ไหวเลย วาบหวิวเกินไป ใส่นอนคนเดียวก็สบายดี แต่ในวันที่ป่วยแล้วมีคนนั้นคนนี้เข้านอกออกใน มันโป๊เกินไป เสื้อชั้นในไม่ใส่ พลิกตัวนิดหน่อยสายเสื้อหล่นลงใต้แขน นมหลุดออกมาครึ่งเต้า มีของสวยๆ งามๆ ให้ดูก็เพลินตาดี แต่หลุดบ่อยเกินไป ไม่ไหวนะ เขาผู้ชายทั้งแท่ง มีอารมณ์ มีความรู้สึกที่ยากจะควบคุม คอยบอกคอยเตือนตัวเองหลายครั้ง ว่านี่น้อง น้องสาว บอกตัวเองมาตลอดว่ามองหล่อนเป็นแค่น้องสาวไม่ใช่เหรอ อย่ากลืนน้ำลาย ไม่มีพี่ชายคนไหนจะคิดเรื่องลามก
“รีบไปจัดการตัวเองเถอะค่ะ สายมากแล้ว คุณพ่อคุณแม่คุณตุลย์ พวกท่านก็เพิ่งจะออกไปเมื่อครู่ คุณพริ้มบอกว่าต้องรีบเข้าบริษัทไปดูแลงานในส่วนของคุณหนูแก้ว”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พนักงานของเรามีเยอะ ไม่มีปัญหา ให้แก้วพักผ่อนให้หาย ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น”
“คุณตุลย์ประชุมเสร็จตอนเที่ยงจะกลับบ้านไหมคะ”
“งานผมเยอะมาก กว่าจะเสร็จก็คงจะห้าหกโมงเย็น”
ป้าอ้วนซ่อนแววตาผิดหวัง อยากให้ตนุภัทรกลับบ้านมาพาประกายแก้วไปหาหมอ ป้าเสียใจที่สอดรู้สอดเห็นจนบังเอิญไปได้ยินคุณพริ้มคุยกับคุณตวน ไม่ได้อยากให้ประกายแก้วหย่ากับตนุภัทรและย้ายออก แต่ได้ยินชายหนุ่มพูดจาแล้งน้ำใจ เริ่มจะคล้อยตามคุณพริ้ม ปล่อยให้ประกายแก้วไปพบเจอคนใหม่ที่รักหล่อนจะดีกว่ากักขังไว้ เมียป่วยหนัก ผัวดีๆ ที่ไหนจะคิดถึงแค่เรื่องงาน กับเรื่องผู้หญิงคนอื่น ป้าโกรธเจ้านาย แสร้งไปแตะตัวหญิงสาว
“ตัวยังร้อนอยู่เลย ไม่เป็นไรนะคะคนเก่ง ป้าจะเช็ดตัวให้”
“ฝากป้าอ้วนช่วยดูแลแล้วกันนะครับ”
เขาไม่รู้ตัวว่าถูกโกรธ ในหัวคิดแค่เรื่องงาน โฟกัสความสนใจไว้ที่ข้อความตอบกลับจากเลขานุการ เดินหน้าง่วงผ่านประตูเชื่อมกลับไปยังห้องเล็ก เดิมทีมันเคยเป็นห้องทำงานติดห้องนอนมาก่อน เขายกโต๊ะทำงาน ตู้หนังสือออกไป ยกเตียงนอน ตู้เสื้อผ้ามาจัดเข้ามุมง่ายๆ แค่พออยู่ได้ ใช้ชีวิตในห้องนี้เกือบสองปี
การประชุมจบลงด้วยเสียงปรบมือจากกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ ที่เข้ารับฟังผลประกอบการรายปีและแผนการดำเนินงานในปีหน้า ตนุภัทร ในนามรองประธานหนุ่มอนาคตไกลผู้ดูแลแผนการทำงานทั้งหมดได้รับคำชมล้นหลามจากผู้ใหญ่ทุกท่าน คุณตวนผู้พ่อยิ้มหน้าบาน ภาคภูมิใจในตัวลูกชายคนโตที่เอาการเอางาน และมีแววขึ้นนั่งตำแหน่งประธานบริษัทในอนาคต ต่างกันราวฟ้ากับเหวกับลูกอีกคน ติณณภพไม่เคยย่างกรายเข้ามาใกล้บริษัท รู้จักทางมาหรือเปล่าก็ไม่รู้ วันๆ เที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ ใช้ชีวิตไร้สาระกับเพื่อนสนิท จะด่าลูกคุณตวนก็ด่าได้ไม่เต็มปาก เพราะลูกชายถอดแบบนิสัยมาจากท่าน
ในวัยหนุ่มคุณตวนเจ้าชู้และเที่ยวเตร่ นอกใจภรรยาไปมีอะไรอะไรกับผู้หญิงคนอื่นจนท้องติณณภพ ภรรยาเสียใจจนเกือบจะถึงขั้นหย่าขาด คุณตวนตามง้อขั้นสูงสุด สัญญาว่าจะไม่ทำตัวเหลวไหล และแสดงความจริงใจด้วยการทำหมัน เป็นเหตุให้ท่านกับภรรยามีแต่ตนุภัทร เป็นลูกชายสายตรงคนเดียว
“ไม่ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันแน่เหรอ ลุงมีหลายอย่างอยากคุยด้วย จะถือโอกาสแนะนำลูกสาวคนเล็กให้รู้จัก เพิ่งเรียนจบจากเมืองนอก ไม่มีประสบการณ์ทำงาน เผื่อตุลย์เอ็นดูอยากสอนงานน้อง ลุงไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าจะให้ลูกสาวมาทำงานกับตุลย์”
เข้ามาแตะแขน รั้งไว้ไม่ให้เขาแยกตัวออกจากกลุ่มภายหลังจากจบการประชุม คนส่วนมากทยอยออกไปกันหมด จะเหลือก็แต่กลุ่มผู้ใหญ่กับคุณตวนคุณพริ้ม ที่รั้งท้าย นัดไปกินอาหารกลางวัน
“พูดอะไรอย่างนั้นท่านชูชัย ท่านไม่รู้หรอกเหรอ หลานชายคนเก่งของเราเป็นฝั่งเป็นฝาไปนานแล้ว ภรรยาของตุลย์ ก็หนูแก้ว ลูกสาวคุณภาสกรกับคุณแก้วเกล้า ที่เคยสนิทกับบ้านคุณตวน”
“แต่งงานแล้วเหรอ ผมไปอยู่ไหนมา ไม่เคยรู้มาก่อน” นักลงทุนคนนั้นหัวเราะ ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องอับอายกับการปล่อยไก่ ตาเฉียบแหลมเหลือบไปมองนิ้วนางข้างซ้ายตามสัญชาตญาณ
แสยะยิ้มใส่นิ้วที่ว่าง ไม่มีแม้กระทั่งรอยแหวน
“วันนี้ไปไหนล่ะ ปกติจะต้องนั่งหลังคุณตวนตลอด”
“ภรรยาผมเธอไม่สบายครับ ผมให้นอนพักที่บ้าน เมื่อคืนก็ดูแลกันทั้งคืนจนแทบไม่ได้นอน เกือบจะมาถึงห้องประชุมสาย”
อ่านสายตาฝ่ายนั้นขาด พลิกสถานการณ์ให้ผู้ใหญ่ท่านนั้นเข้าใจว่าเขาเร่งรีบ
“รักเมียขนาดนี้ เมื่อไหร่จะมีหลานให้พ่อแม่อุ้ม ระวังจะมีลูกไม่ทันใช้นะ ว่ายังไงคุณตวน คุณพริ้ม อายุก็ปูนนี้ ลูกชายสองคนหน้าตาดี กลับไม่มีลูก แบบนี้ ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ”
“อยากมีสักสองสามคนครับพี่ตู้ แต่เหนื่อยลุ้น ไม่มีหลาน ก็อยู่กันสองคนผัวเมียเนี่ยแหละ”
“โถ่ ท่านประธานใหญ่ของเราพูดจาซะน่าสงสาร”
“สรุปว่าเราจะไปกินอาหารเที่ยง ที่ห้องอาหารโรงแรมแกรนด์อรัญใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปกันเลย”
“พ่อกับแม่จะออกไปกินข้าวกับผู้ใหญ่ ตุลย์กลับไปพักเถอะ”
“ครับคุณพ่อ” ตนุภัทรโค้งคำนับบิดาในตำแหน่งประธาน ก่อนจะแยกทางจากกลุ่มผู้ใหญ่มาพักผ่อนในห้องทำงาน
รองประธานคนเก่งหมดสภาพ ปรับเบาะเอนนอนให้ระบบนวดไฟฟ้าขับไล่อาการปวดเมื่อย ใช้เวลาจัดเตรียมเอกสารนานเกือบหนึ่งเดือน ข้อมูลเยอะจนปวดหัว หลายครั้งหงุดหงิดที่ต้องทำงานทั้งหมดเพียงคนเดียว ทั้งที่เขามีน้องชายต่างแม่ อยากให้ติณณภพเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้ เข้ามาช่วยงานบริษัท ถ้ายังไม่เก่งก็ฝึกฝนตัวเองไปก่อน หรือถ้าทำอะไรไม่เป็น มาเป็นลูกมือหยิบจับงานช่วยเขา ยังดีกว่าลอยชายใช้ชีวิตไปวันๆ
เพราะมันไม่เอาไหน เจอหน้ากันทีไร สองพี่น้องไม่เคยพูดจาดีๆ มีแต่ด่าส่งสาปส่ง มันเกลียดเขา เขาก็เกลียดมัน ถึงขั้นที่ติณณภพเก็บของออกจากบ้าน ย้ายออกไปอยู่คอนโดตามลำพัง แต่ก็ดีแล้ว ออกไปอยู่ที่อื่นไกลมือไกลตีน จะได้ไม่ต้องทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้า กลับบ้านครั้งล่าสุด มันเป่าหูแม่ให้แม่ระแคะระคายเรื่องที่เขาติดต่อกับพินต้าจนแม่หลอนขึ้นสมอง จะป่วยเป็นโรคประสาท ไม่ไว้ใจเขา คอยหาเรื่องทุกครั้งที่สบโอกาส ระแวงถึงขั้นออกคำสั่งให้เขาหย่าขาดกับประกายแก้ว ทั้งที่แต่งงานกันช่วงหนึ่งปีแรก เขาคุยกับแม่ทุกวัน แต่แม่เด็ดขาดว่ายังไงก็ไม่ยอมให้หย่า
“เอกสารที่ท่านรองสั่งให้ดิฉันจัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
พิมพ์พลอยเอางานมาส่ง เจ้านายหล่อนบ้างาน ทำงานจันทร์ถึงเสาร์ มาถึงตรงเวลา เลิกงานช้ากว่าเวลา วันอาทิตย์ว่างๆ ถ้าไม่มีนัดหมายหรือเดินทางต่างประเทศก็มักจะหอบเอกสารกลับไปทำที่บ้าน เขาทำตัวเหมือนคนที่แต่งงานกับงาน มากกว่าแต่งงานกับสาวสวย
ตนุภัทรยืนหันหน้าเข้าหาหน้าต่างกระจก ชมวิวทิวทัศน์ยอดตึกจากชั้นห้าสิบ นิ้วคีบมวนบุหรี่ เขาเพิ่งจะดูดไปได้เล็กน้อย ชำเรืองสายตากลับมามอง ก่อนจะดับบุหรี่มวนนั้นและกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม รับลูกอมเป๊บเปอร์มินต์สูตรเย็นที่เลขาฯ ส่งให้มาแกะกิน
“ข้อวิจารณ์ ข้อเสนอแนะ ขอแสดงความคิดเห็น ครบไหม”
พิมพ์พลอยปรายสายตาไม่พอใจไปทางนักศึกษาฝึกงานที่ถือวิสาสะตามเข้ามาส่งเอกสาร ไม่ได้ลืม แต่ตั้งใจไม่เอามา ตอนบ่ายท่านรองมีนัด ไม่มีเวลาว่างมากพอจะตรวจเอกสาร แหนะ! ไม่รีบออกไป มีหน้าทิ้งสายตาอ่อยเหยื่อ ดีนะ ท่านรองสนใจสรุปการประชุม ขมวดคิ้วดุ เที่ยงครึ่งได้เวลาพักกลับไม่ยอมไป
“ว่ายังไงครับ” หางตารองประธานหนุ่มมองตามสาวน้อยนักศึกษา แต่ก็แค่นั้น เขามองผ่านกลับมารอฟังคำตอบ
“ครบค่ะ ผู้ช่วยสองคนสลับกันพิมพ์ ยังไงก็ไม่ตกหล่น ท่านรองจะอ่านที่นี่ หรือเอากลับไปอ่านที่บ้านคะ”
“ทำไม?”
“คุณพริ้มสั่งเคลียร์งานช่วงบ่าย ให้กลับไปดูแลคุณแก้วค่ะ”
“ครับ เข้าใจแล้ว คุณไปพักเถอะ”
มารดาต้องการให้เขาดูแล็บระกายแก้ว หากหล่อนอาการไม่ดีขึ้นก็ควรจะพาไปหาหมอ ตนุภัทรไม่ได้ตั้งใจจะกลับบ้านเร็ว ไม่ชอบให้มีงานค้าง เท่ากับว่าวันต่อไปต้องทำงานหนักมากขึ้นสองเท่า
แต่ถ้าเลขานุการเคลียร์งานช่วงบ่ายออกไปให้ทั้งหมดแล้ว คิดว่ากลับก็ดี เขาเองก็อยากจะพักผ่อน
“เกือบลืมรายงานไปเลยค่ะ”
รองประธานหนุ่มหยุดอ่านเอกสารชั่วคราว ช้อนขอบตาดำคล้ำ ไม่ต่างจากหมีแพนด้าขึ้นรอฟัง
“ตอนประชุม มีสายถึงท่านรองโทรเข้ามาที่เครื่องเลขาฯ”
“ป้าอ้วนหรือเปล่า” แค่ลองถามเผื่อจะใช่ ป้าอ้วนอาจจะโทรมารายงานอาการป่วยของประกายแก้ว แต่โทรหาเขาไม่ติดเพราะเขาปิดเครื่องมือถือตอนอยู่ในห้องประชุม อะไรทำนองนั้น
“เปล่าค่ะ” คำตอบผิดจากที่คาดการณ์ ตนุภัทรกลับมาอ่านเอกสารสรุปการประชุม ไม่ได้ตั้งใจฟัง เลขาฯ อยากพูดอะไรก็พูดไป
“ไม่ใช่ป้าอ้วน แต่เป็น... คุณพินต้า”
เลขาฯ สาวใหญ่ทำงานในบริษัทนี้มานาน คุ้นหน้าตาและชื่อเสียงผู้หญิงคนนี้ ต่อให้ฝ่ายหญิงจะเลิกรากับเจ้านายไปนานกว่าสองปี แต่เรื่องอะไรจะจำไม่ได้ ว่าเจ้าหล่อนเคยคบกับท่านรอง
“พนักงานฝ่ายบริหารคนที่รับสาย พูดกับเธอ บอกว่าเธอเป็น เอ่อ… ผู้หญิงโรคจิต ตอนที่เธอแนะนำตัวว่าเป็นแฟนท่านรอง คุณพินต้าเธอโกรธมากเลยค่ะ ร้องกรี๊ดๆ พูดตอบไม่ดี”
รองประธานหนุ่มปิดแฟ้มเอกสารแรง จนเลขาฯ ตกใจ เขาออกจากห้องประชุมหลังเปิดโทรศัพท์ ข้อความแรกและข้อความสุดท้ายมาจากพินต้า หล่อนกระหน่ำโทรหา ไลน์มา อีกทั้งยังตัดพ้อ น้อยใจว่าเขาจงใจปิดเครื่อง เข้าใจอารมณ์คนนอนไม่พอไหม เห็นอะไรก็หงุดหงิดขวางหูขวางตาไปหมด เขาทำงาน ไม่ได้มีเวลาว่างเล่นโทรศัพท์ทั้งวัน ว่าจะตรวจทานก่อนเอากลับไปอ่านที่บ้าน ไม่ตรวจมันแล้ว!