“เฮ้อ! เก๊าะด้าย เห็งแก่มามี้ก็แล้วกัน ฮึ่ม! ขัดใจนะเนี่ย!”
นิลอรยิ้มให้ลูกน้อยพร้อมกับยกมือยอมแพ้ เธอไม่ขอออกความคิดเห็นใดๆ กับเรื่องนี้ เพราะเห็นๆ กันอยู่ว่าเจคน้อยของเธอต้องเป็นผู้ชนะ อายุแค่สามขวบเศษแต่บุตรชายที่รักแก่แดดเหลือเกิน สมองพ่อลูกชายคงถูกแดดเมืองไทยเผาจนเกรียมไปแล้วกระมัง
“เอาละคนเก่ง มามี้ว่าเราเข้าบ้านดีกว่านะ ฝนมันปรอยๆ อีกแล้วเดี๋ยวไม่สบาย แล้วนี่เจสไปไหนทำไมไม่ออกมารับมามี้ครับ” นิลอรรุนหลังบุตรชายเข้าบ้านพร้อมถามถึงใครอีกคนที่ควรอยู่กับเจคน้อยในเวลานี้ แต่แทนที่เธอจะได้รับคำตอบ กลับได้รับคำถามจากคนที่ยืนอยู่ด้านหลังแทน
“ใครคือเจส?”
เขาถาม แต่นิลอรไม่ตอบและยิ้มเยาะอยู่ในที ตอนนี้เธอเดินเข้ามาในตัวบ้านแล้ว แต่โจนาธานยังยืนอยู่หน้าประตู
“กลับไปได้แล้วมิสเตอร์คิงส์ นี่มันค่ำมากแล้ว ฉันต้องการพักผ่อน”
เจ้าของบ้านเอ่ยปากไล่ แต่หนุ่มใหญ่กลับทำหน้ามึนงงสงสัย นี่เจ้าหล่อนไล่เขากลับทั้งๆ ที่เขาเพิ่งได้เจอหน้าลูกตัวเองเนี่ยนะ!
“ฉันจะไม่ไปไหนจนกว่าฉันจะได้รู้ว่าลูกฉันเป็นอยู่ยังไง และฉันอาจอยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงวันที่ฉันสามารถพาเจค็อบกลับสิงคโปร์ได้” เขาโต้กลับเสียงทุ้มนุ่มเย็น ตรงกันข้ามกลับหัวใจที่ร้อนรุ่มอย่างสิ้นเชิง
“ฝันไปเถอะ” นิลอรเชิดหน้าน้อยๆ ไม่ได้นึกกลัวเขาสักนิด โจนาธานอยากอยู่ที่นี่ต่ออย่างนั้นหรือ ได้สิ แต่มันก็ต้องมีข้อแม้นิดหน่อยๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนี่ “ห้องรับแขกบ้านฉันว่าง แต่ถ้าคุณจะมาอยู่ละก็ ฉันคิด 5000 โอเคหรือเปล่า”
โจนาธานยิ้มกริ่มก่อนจะพยักหน้ารับข้อเสนอ กะอีแค่เดือนละห้าพันบาท เขามีปัญญาจ่ายอยู่แล้ว สบายมาก
“ได้! 5000 บาท เดี๋ยวฉันจะจ่ายเธอทุกสิ้นเดือน โอเค...งั้นตอนนี้ฉันเข้าไปหาลูกได้แล้วใช่ไหม” เขาถามด้วยความตื่นเต้น เจ้าเงินเพียงไม่กี่บาทหากทำให้เขาได้เห็นหน้าลูกน้อยทุกวันละก็ เขายอม...
ร่างหนาที่สูงเกือบจะชนขอบประตูด้านบนทำท่าจะก้าวเข้ามา แต่เขาจำต้องหยุดชะงักเพราะนิ้วชี้ของเจ้าของบ้านจิ้มลงบนอกแกร่งเป็นเชิงบอกว่าอย่าบังอาจบุกรุกเข้ามาเชียว
“อะไร? ก็เธอตกลงแล้วนี่”
“ฉันบอกว่า 5000 แต่ไม่ใช่ 5000 บาท แต่เป็น 5000 ดอลล่าห์สิงคโปร์ แล้วก็ไม่ใช่ต่อเดือน แต่เป็น 5000 ดอลล่าห์สิงคโปร์ต่อคืนย่ะ! แต่ถ้าคุณจ่ายไม่ไหวละก็ เชิญเอาร่างคิงคองของตัวเองออกไปให้ห่างบ้านฉันไปเลย ชิ้วๆ” นิลอรยิ้มเย้ยอย่างสะใจเมื่อเห็นใบหน้าหนุ่มใหญ่ที่คิดว่าโชคชะตาจะเข้าข้างตัวเอง ฝันไปเถอะ ตอนนี้โชคชะตามันอยู่ในมือของเธอต่างหาก และเธอจะลิขิตมันด้วยสองมือของตัวเอง
“นิลอร! นี่เธอจะให้ฉันอยู่บ้านสับปะรังเคของเธอโดยต้องจ่ายค่าเช่าคืนละแสนเนี่ยนะ!?”
โจนาธานอยากบีบคอสีน้ำผึ้งยวนตานั่นนัก หล่อนเอาเครื่องคิดเลขยัดใส่สมองหรืออย่างไร ทำไมถึงได้เขี้ยวลากดินขนาดนี้ ห้าพันดอลล่าห์สิงคโปร์ถ้าเปลี่ยนเป็นเงินบาทไทยก็ตกอยู่ราวๆ แสนกว่าบาท ลูกเขาออกไข่ได้เหมือนห่านทองคำหรืออย่างไรถึงได้ตั้งเงื่อนไขการพบเจอได้เขี้ยวปานนี้ ยัยนางร้ายจอมงก กี่ปีๆ ความร้ายของหล่อนก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย มันน่าจับผูกติดกับเตียงจริงๆ เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่ความน่ารักของหล่อนจะสามารถเผยออกมาได้
“จะคิดอีกนานไหม ฉันจะปิดบ้านแล้วนะ!”
เจ้าของบ้านเริ่มรำคาญ เพราะเขาทำให้เธอเสียเวลา ระหว่างนั้นพี่เลี้ยงของบุตรชายก็เดินมาบอกว่าเจ้าหล่อนจะกลับบ้านแล้ว ความจริงเด็กสาววัยสิบแปดอย่างต้นตาลอยากถามเจ้านายสักคำว่าบุรุษหน้าฝรั่งที่ยืนขวางประตูอยู่เป็นใคร แต่เจ้าหล่อนก็ไม่กล้า ได้แต่ทำตาปริบๆ อย่างสงสัย
“พี่ตางพี่ตาง เจคมีแด็ดดีเป็นของตัวแล้วนะ นี่ไง แต่...ม่ายหวายจาเคียร์”
จอมแสบของนิลอรแนะนำบิดาให้พี่เลี้ยงสาวรู้จัก และนั่นทำให้ต้นตาลต้องยกมือไหว้หนุ่มใหญ่ แน่นอนว่าความประหลาดใจปนอยู่ในสีหน้าจนนิลอรอดขำไม่ได้ ต้นตาลคงแปลกใจกระมังที่เห็นบิดาของคุณหนูตัวน้อยๆ อายุมากกว่าที่คิด
“อ่า...พรุ่งนี้ตาลมีเรียน คงไม่ได้มานะคะคุณอร สงสัยจะหยุดยาวค่ะ น่าจะราวๆ สองอาทิตย์ คุณอรจะดูน้องเองหรือจะให้ตาลช่วยหาพี่เลี้ยงไหมคะ”
นิลอรยกมือกอดอกอย่างครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างถูกใจ
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ บางทีฉันอาจมีคนช่วยเลี้ยงลูกแล้วล่ะ ขอบใจมากจ้ะต้นตาล ขอให้สอบผ่านนะ แล้วก็กลับบ้านดีๆ มืดค่ำแล้ว” นิลอรอวยพรให้พี่เลี้ยงบุตรชายเสร็จสรรพซึ่งสาวน้อยก็ยกมือไหว้ ก่อนขอตัวกลับบ้านโดยที่โจนาธานถอยออกจากหน้าประตูเล็กน้อยเพื่อเปิดทาง และเมื่อลับร่างพี่เลี้ยงวัยละอ่อน โจนาธานก็กลับมาคุยเรื่องค่าเช่าที่ค้างอยู่
“เธอจะคิดค่าเช่าฉันวันละแสนจริงเหรอ เขี้ยวลากดินเกินไปนะ”
“ช่วยไม่ได้ ก็ลูกฉันต้องกินต้องใช้ จะเอาไม่เอา วันละห้าพันพร้อมอาหารเช้า และฉันอนุญาตให้คุณกอดลูกชายได้ตามสบาย...สนปะ?” นิลอรยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์ แค่แสนเดียวมันน้อยไปย่ะพ่อคุณ เดี๋ยวจะรู้สึก อีตาคิงคอง!
“โอเค! ก็ได้ เธอน่ะ มันตัวแสบตลอดกาลจริงๆ”
นิลอรเบะปาก แต่ถอยให้เขาได้เดินเข้ามาก่อนจะปิดประตูลง และทันทีที่ปิดประตูจนสนิท เสียงหยาดพิรุณที่พร่างพรมจากเบื้องบนก็แรงจนหลังคาสะเทือน ดีที่บ้านหลังน้อยแน่นหนาพอที่จะทำให้คนที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาปลอดภัยจากความเปียกปอนได้ กระนั้นกลิ่นน้ำฝนจางๆ ก็ยังลอยเข้ามาให้สูดเข้าปอด มันผสมอย่างลงตัวกลับกลิ่นดินกลิ่นหญ้าที่สนามเล็กๆ หน้าบ้าน
นิลอรหยุดยืนที่หน้าต่างบานหนึ่ง นั่งลงช้าๆ กับพื้นกระเบื้องเย็นๆ เฝ้ามองหยาดพิรุณที่พร่างพรมอยู่ด้านนอก ขณะที่โจนาธานกำลังตกลงอะไรบางอย่างกับเจ้าเจคตัวแสบ เธอหันไปมองพวกเขาแล้วยิ้มอย่างปลงๆ ในที่สุดโชคชะตาก็ชักพาให้สายเลือดเดียวกันได้กลับมาพบเจอ แล้วเธอเล่า จะทำอย่างไรต่อไปดี จะยอมให้เขาเอาลูกไปอย่างนั้นหรือ ไม่หรอก เธอทำไม่ได้...แต่ว่า...ถ้าลูกไปอยู่กับเขาจริงๆ อนาคตอันสวยหรูโจนาธานคงปูเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ปูทางไว้ให้ลูกน้อยในแบบที่คนจนๆ อย่างเธอไม่มีทางทำให้ลูกได้เลย...