“มามี้!” เสียงเล็กๆ ร้องเรียกมารดาพร้อมกับฝ่ามือน้อยเอื้อมมาแตะที่หัวไหล่เบาๆ
นิลอรยิ้มให้ ‘ลูกสาว’ ที่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อย
“ว่าไงคะคนเก่ง ไหนแม่ดูซิผื่นขึ้นหรือเปล่า” คุณแม่ลูกแฝดรั้งตัวบุตรสาวมานั่งตักแล้วจับแขนเสื้อเจ้าหล่อนถลกขึ้นเหนือศอก เพื่อดูว่าผื่นลมพิษเพราะอากาศเย็นๆ รุมเร้าลูกสาวบ้างหรือไม่ และก็ยิ้มออกมาได้เมื่อพบว่าเจ้าหญิงตัวน้อยยังปกติดี
“มามี้หายไปไหนมาคะ เจสงอนมามี้แล้ว เจส...หิวข้าว” หนูน้อยแจ้งแก่มารดาที่รัก นัยน์ตาสีฟ้าครามขึ้นสีเข้มราวท้องทะเลยามค่ำคืน สื่อให้รู้ว่าแม่หนูกำลังเง้างอน
“โอ...ตายแล้ว มามี้ขอโทษค่ะคนสวย ไปค่ะ เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า มามะมามี้อุ้มหน่อยไม่ได้อุ้มเจ้าหญิงนานแล้ว” เจสสิก้า หรือ เจส เด็กหญิงวัยสามขวบกว่าๆ ยิ้มแป้นขณะวาดแขนโอบรอบคอมารดาที่รัก
นิลอรอุ้มเจสสิก้าผ่านหน้าโจนาธานด้วยใบหน้ายิ้มๆ ขณะที่หนุ่มใหญ่นัยน์ตาเบิกโตราวกับถูกผีหลอก เพราะในขณะที่เขาพยายามเกลี้ยกล่อมเจ้าเจคตัวแสบให้ยอมให้เขาอุ้มสักครั้ง แต่นิลอรกลับอุ้มใครอีกคนผ่านหน้าเขาไปราวกับว่าหล่อนกำลังเยาะเย้ยเขาด้วยสิ่งที่เขาจะไม่มีวันรับรู้หากว่าหล่อนต้องการปิดบัง
“โอ...พระเจ้า! ฉัน...ฉันกำลังจะเป็นลม!” แล้วโจนาธานก็กระแทกแผ่นหลังกับโซฟาอย่างแรง ก่อนเอนศีรษะเกยกับพนักโซฟาแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงแต่นิลอรทำให้เขาหัวใจจะวายไปหลายรอบแล้วนะ หล่อนไม่ยอมปริปากบอกสักคำว่ามีลูกฝาแฝด!
‘ถ้าทำได้ฉันจะฆ่าเธอ ยัยตัวร้าย!’
โจนาธานสบถอยู่ในใจ และในขณะที่เขากำลังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงกับความจริงที่เพิ่งแลเห็น มือเล็กๆ อุ่นๆ ของใครบางคนก็วางแหมะลงกลางหน้าผาก เขาลืมตาขึ้นมา หัวใจข้างในบวมเป่งคับอก วงหน้าน้อยๆ ของบุตรชายอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงคืบ เจ้าหนูทำราวกับว่าเขาเป็นผู้ป่วยหนักที่ต้องได้รับการรักษาโดยด่วน
“แด็ดดีไม่’บายเอ๋อคับ เจคเปนหมอ เจคจาตรวจแด็ดดีนะ” เสียงเล็กๆ ที่เอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใย หนูน้อยเอียงศีรษะเพื่อแนบใบหูฟังเสียงหัวใจบิดาก่อนจะแจ้งอาการ “อ๋อ...เปนโลกขี้น้อยจาย ต้องให้ลูกชายกอดอย่างนี้ ฮึบ! กอดๆๆ เจคกอดแด็ดดีแล้วน้า แด็ดดีหายไวๆ น้า”
เจ้าเจคโอ๋บิดาด้วยการปีนขึ้นไปบนร่างใหญ่โตแล้วใช้สองแขนโอบรอบแผ่นอกหนา โจนาธานถึงกับน้ำตาซึม ลูกชายจอมแสบช่างน่ารักขี้อ้อนเหลือเกิน
“หายแล้วครับ แด็ดดีรักเจคที่ฉุดเลย ไหน...ให้หอมหน่อยคนเก่ง”
ฟอด! ฟอด! ฟอด!
หนูน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจเพราะไรหนวดแข็งๆ ของบิดาทิ่มลงบนแก้มนุ่มๆ ให้เขาจักจี้
“พอแล้วๆ สองคนนั้นน่ะมากินข้าวได้แล้ว”
นิลอรร้องฝ่าเสียงฝนที่ตกกระหน่ำอยู่ด้านนอก นัยน์ตาสองข้างคลอขังน้ำตายามได้เห็นลูกน้อยกอดกับผู้เป็นบิดาเช่นนี้ เธอรู้สึกเหมือนถูกแย่งชิงความรักไปอย่างไรก็ไม่รู้
โจนาธานอุ้มตัวแสบมาสมทบกับนิลอรและเจส...ลูกสาวอีกคนของเขา
หนุ่มใหญ่วางร่างเจ้าหนูลงตรงเก้าอี้ที่เจคน้อยร้องขอ ก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ตัวที่วางอยู่ข้างกัน แล้วเริ่มทักทายกับแม่หนูตาสีฟ้าที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“สวัสดีคนสวย ฉันชื่อโจนาธาน คิงส์ ยินดีที่ได้รู้จัก” โจนาธานเลื่อนมือไปเพื่อจับมือทักทาย แต่ว่าคนสวยไม่เล่นด้วย แม่หนูเจสดูเงียบขรึมไม่เหมือนเจ้าเจคเลย
“เจส! อย่าเฉียมา’ยาทน้า โจนาธานเปนแด็ดดีพวกเลา”
แฝดชายผู้เกิดก่อนปรามน้องสาวที่เกิดหลังเพียงสองนาที ด้วยสีหน้าขึงขัง และนั่นทำให้เจสสิก้าต้องเอื้อมมือมาเช็คแฮนกับบุรุษแปลกหน้าที่พี่ชายบอกว่าเป็นบิดาของเธอ
“เอ่อ...ฉันไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์นี้นะแองจี้ รู้สึกว่าเธอจะทำความยุ่งยากให้ฉันมากมายเหลือเกิน”
“ฉันเปล่านะคะ ฉันอยู่ของฉันดีๆ คุณต่างหากที่ลากฉันขึ้นรถมา แล้วเรื่องหลังจากนั้นมันก็เป็นแค่...โชคชะตา” นิลอรให้เหตุผลตามที่คิด ขณะยกชามแกงจืดเต้าหู้มาวางกลางโต๊ะอาหาร ตามด้วยกับข้าวอีกสองสามอย่างที่เอาออกมาจากตู้เย็นแล้วจัดการอุ่นอย่างรวดเร็วด้วยไมโครเวฟ ด้วยงานที่ยุ่งวุ่นวายทำให้เธอต้องพึ่งพาข้าวถุงแกงถุงที่มีขายทั่วไป แต่จะเลือกเจ้าที่ทำสะอาดและรสชาติถูกปากที่สุด
“ฉันไม่อยากเถียงกับเธอหรอก” เขาว่าแล้วหันไปมองเจ้าเจคที่พยายามตักข้าวสวยใส่จานให้น้องสาว “มามะเดี๋ยวแด็ดดีตักให้” เขาอาสาแต่ว่าเจคน้อยส่ายหน้าพรืด
“ม่ายด้าย เจคเป็นหัวหน้าคอบคัว เลื่องแค่นี้ฉะบายมาก ฮึบ!”
แล้วเจค็อบก็ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวตามความรู้สึกของเขา ด้วยการตักข้าวใส่จานให้น้องสาวและบิดา แน่นอนว่าไม่ลืมตักให้มารดาและตัวเองด้วย
โจนาธานมองเมล็ดข้าวที่หกเรี่ยราดแล้วน้ำตาซึม ความจริงนิลอรก็มีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่ไม่น้อย หล่อนเลี้ยงลูกโดยปลูกฝังให้ลูกทำอะไรๆ เอง แม้ว่ามันจะเลอะเทอะหรือไม่เรียบร้อย แต่นั่นก็เป็นการเรียนรู้ที่ดี
นิลอรยกกับข้าวอย่างสุดท้ายมาวางบนโต๊ะ เธอมองหนุ่มใหญ่ที่นั่งเงียบแล้วขมคอจนพูดอะไรไม่ออก ตาแก่โจนาธานมองลูกๆ เธอราวกับว่าทั้งสองเป็นเทวดานางฟ้ามาจากสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น
“ขอบใจนะแองจี้ ขอบใจที่เธอเลี้ยงพวกเขาแทนฉัน” โจนาธานเอ่ยขอบคุณแล้วเลื่อนมือมากอบกุมมือน้อยของแม่แองจี้ที่เขาเรียกขาน
นิลอรรีบชักมือออกเมื่อไออุ่นจากกายชายส่งผ่านผิวเนื้อเข้ามาให้เธอรู้สึก มันร้อนวูบวาบไปถึงท้องน้อยเลยทีเดียว
“กินข้าวเถอะค่ะ เสร็จแล้วเราจะได้คุยกัน”
นิลอรบอกเป็นการเป็นงานก่อนจะเริ่มรับประทานมื้อค่ำ และวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เก้าอี้รอบโต๊ะอาหารในบ้านหลังน้อย มีเจ้าของของมัน...ครบทุกตัว