คุณหญิงถลึงตาใส่ลูกชายก่อนจะเดินเข้ามาหาหญิงสาวลูบแผ่นหลังเอ่ยปลอบเสียงอ่อนโยน
"ของขวัญลูกหนูไม่ต้องไปอยู่ที่ไหนทั้งนั้นแหละ สร้อยลูกฉันมันต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ฉันจะให้หนูของขวัญแต่งงานกับคอปเตอร์ แกจะต้องรับผิดชอบน้องเข้าใจหรือเปล่า"
เขาทำหน้าเหวอด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อกี้แค่ประชดเองนะไม่ได้บอกจะแต่งสักหน่อย
"ทำไมจะต้องแต่งด้วยเล่า ก็..."
เขากำลังจะปฏิเสธคุณแม่ แต่ทว่าก็ต้องชะงักไปเมื่อท่านสวนกลับมาซะก่อน
"หยุดเลยนะถ้าแกไม่แต่งสมบัติทุกอย่างก็ไม่ต้องเอา รวมถึงมหาวิทยาลัยที่แกเรียนด้วย"
เขากลืนน้ำลายลงคอดังอึก เล่นขู่กันแบบนี้ถึงกับไปไม่เป็นเลย ความจริงคุณแม่ของเขาเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัย NRU ส่วนเขาเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่จะได้สืบทอดต่อจากท่าน ตอนแรกว่าจะเรียนบริหารธุรกิจเพื่อมาสานต่อ แต่ด้วยความเพื่อนรักที่สนิทสนมกันเรียนวิศวะหมด เขาก็เลยเลือกที่จะไปเรียนตาม ส่วนเรื่องงานบริหารคนฉลาดอย่างคอปเตอร์สามารถบริหารได้อยู่แล้วก็เลยไม่ได้ซีเรียสอะไร
"แม่อะ!"
เขาเงยหน้าขึ้นมองบนเพดานก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด โคตรรู้สึกหัวเสียเลยให้ตายสิ สรุุปเขาจะต้องเอาลูกแม่บ้านมาเป็นเมียเหรอเนี่ย
"จะแต่งหรือไม่แต่งแกเลือกเอาเองนะ"
เขาหันไปมองใบหน้าของขวัญซึ่งเป็นต้นเหตุของทุกเรื่อง ยัยบ้าเอ้ยจะเดินออกไปให้แม่ของเขาเห็นทำไมก็ไม่รู้
"หนูไม่อยากแต่งค่ะคุณท่าน แล้วหนูจะออกไปอยู่ที่อื่น แม่จ๋าเราไปอยู่ที่อื่นกันนะ ส่วนเรื่องนี้ช่างมันเถอะค่ะหนูไม่ติดใจเอาความอะไร"
เธอเอ่ยออกมาด้วยประโยคยาวเหยียด ใบหน้าดูน่าสงสารเหมือนคนถูกกระทำ เขาเห็นแบบนั้นก็เบ้ปากออกมาด้วยความหมั่นไส้
"ทำไม...แต่งกับฉันแล้วมันทำไม ใครก็อยากเป็นเมียฉัน เธอกล้าดียังไงมาเล่นตัว ไม่อยากเป็นคุณนายหรือไง"
เขายักคิ้วให้หญิงสาวด้วยความกวนประสาท ของขวัญมองหน้าของเขาด้วยสายตาตัดพ้อ ก่อนจะหันไปคุยกับคุณหญิงของบ้าน
"คุณท่านอย่าบังคับเราสองคนเลยนะคะ เราสองคนไม่ได้รักกันอยู่กันไปก็ไม่มีความสุขหรอกค่ะ"
เธอปาดน้ำตาด้วยใบหน้าที่ดูซีเรียส เป็นประโยคคำพูดที่ดูน่าหมั่นไส้มากสำหรับคอปเตอร์ จู่ ๆ เขาก็ยิ้มมุมปากออกมาเหมือนมีแผนร้ายอะไร ทำเอาหญิงสาวถึงกับอดระแวงไม่ได้
"โอเคแม่ผมแต่งก็ได้"
เธอได้ยินแบบนั้นก็หันขวับไปมองใบหน้าของชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ นี่เขาคิดที่จะทำอะไรกันแน่ หรือว่ายังกลั่นแกล้งกันไม่พอ 3 ปีที่ผ่านมามันยังไม่สาสมเหรอ คิดจะทรมานกันไปถึงไหน
"หนูของขวัญว่ายังไงลูกพี่เขายอมแต่งงานแล้วนะหนูจะแต่งหรือเปล่า"
ชายหนุ่มอดแปลกใจไม่น้อยเลยที่คุณแม่ของตัวเองดูเอ็นดูของขวัญเป็นพิเศษ แสดงออกว่ารักมากกว่าลูกในไส้อย่างเขาอีก ให้ทุนเรียนมหาวิทยาลัยจนจบ ทั้งที่เป็นเพียงแค่ลูกคนใช้เท่านั้น
"คือหนู... หนูไม่..."
"ขอคุยด้วยหน่อยมานี่"
เขาเดินไปดึงมือหญิงสาวให้ลุกขึ้นออกมาจากโซฟา จากนั้นก็พาเดินออกมาจากห้องรับแขกแล้วลากเข้าไปในห้องครัว
"แต่ง ๆ ไปเถอะน่าแล้วค่อยหย่า ฉันไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวเธอนักหรอก ก็แค่ไม่อยากเสียสมบัติก็เท่านั้น แล้วที่ฉันยอมแต่งงานกับเธอก็ดีมากแล้วนะจะเรื่องมากทำไม"
เธอได้ยินแบบนั้นก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง คอปเตอร์ที่เห็นก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะว่าไม่ชอบน้ำตาของผู้หญิง เห็นแล้วรำคาญ
"หยุดร้อง! แล้วเรามาทำข้อตกลงกันก่อนนะ"
"ฮึก! อะไรคะ"
เธอเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มก่อนจะค่อย ๆ ปาดน้ำตาที่มันเลอะอาบแก้ม
"แต่งงานครั้งนี้ต้องเป็นความลับห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้ทั้งนั้น เวลาอยู่นอกบ้านหรือมหาวิทยาลัยเธอกับฉันต้องไม่รู้จักกันเข้าใจไหม"
"ค่ะ"
หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ และนั่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
"ว่าง่ายอย่างนี้ก็ดี แล้วอย่ามาอวดเก่งกับฉันไม่อย่างนั้นเธอจะโดนดีแน่"
"ค่ะ"
หลังจากทั้งสองคนตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็พากันเดินกลับมายังห้องรับแขก ซึ่งทางผู้ใหญ่กำลังรอคำตอบจากทั้งคู่อยู่ และแน่นอนว่าทุกอย่างจบลงด้วยดีเพราะเต็มใจที่จะแต่งงานด้วยกันทั้งสองฝ่าย
"ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้นะ เดี๋ยวแม่จะไปจัดการเรื่องงานแต่งงานให้เร็วที่สุด จะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้าน"
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป...
และวันนี้ก็ถึงวันแต่งงานของของขวัญแล้วก็คอปเตอร์ ตั้งแต่วันนั้นที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา ชายหนุ่มก็ถูกคุณแม่กันท่าไม่ให้เข้ามายุ่งวุ่นวายกับว่าที่ภรรยา ก็ดีแล้วแหละเธอเองก็ไม่ได้อยากเข้าใกล้เขามากนัก ตัวอันตรายไม่มีใครอยากอยู่ด้วยหรอก
"ขวัญหนูโอเคไหมลูก"
เธอพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะมองคุณแม่ด้วยความเศร้าหมอง
"หนูไม่แต่งได้ไหมคะคุณแม่ คุณเขาไม่ได้รักหนูแต่งกันไปก็ไม่มีความสุข"
คุณแม่ลูบหัวลูกสาวอย่างแผ่วเบาก่อนจะส่งยิ้มมาด้วยความอ่อนโยน
"พูดอย่างกับว่าเรารักเขาข้างเดียวอย่างนั้นแหละ"
เธอได้ยินแบบนั้นก็ตาโตก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธทันที
"ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย คนใจร้ายแบบนั้นใครจะไปรักลงคะ หนูไม่คุยด้วยแล้ว"
เธอสะบัดหน้าใส่คุณแม่ด้วยความงอน ท่านเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมาขำขัน แต่ถ้าถามว่าตัวเธอเองรักเขาหรือเปล่า เอาจริงมันก็เป็นเวลา 3 ปีเลยนะที่เราสองคนทำอะไรด้วยกันตลอด และทุกเทศกาลเขาจะมีของขวัญมาให้เธอแม้จะบอกว่าเป็นค่าตัวก็เถอะ ถึงปากจะไม่ดีแต่บางมุมเขาก็อ่อนโยน บางครั้งก็ชอบดุ มันก็ต้องมีเผลอไปบ้างเป็นเรื่องปกติ อีกอย่างตอนที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยมีผู้ชายเข้ามาจีบตลอด และถ้าเกิดว่าเรื่องนี้รู้ถึงหูคอปเตอร์เมื่อไหร่เธอจะถูกเรียกมาลงโทษ โทษฐานที่ไปอ่อยผู้ชาย คงไม่ต้องบอกแล้วนะว่าถูกลงโทษแบบไหน ก็ไม่พ้นเรื่องบนเตียงนั่นแหละ
"ไปกันเถอะลูกถึงเวลาแล้ว มีแค่งานเช้าเองอดทนหน่อยนะเดี๋ยวก็จบแล้ว"
เธอพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นแล้วเดินตามคุณแม่ออกไปอย่างเงียบ ๆ ถอนตัวตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วแหละ มาถึงขั้นนี้แล้วด้วยเอายังไงก็เอาแล้วกัน...