ซ่าา!
วังน้ำวนขนาดเท่าลำตัวคนปรากฏขึ้นกลางลำคลองซึ่งเป็นที่สัญจรไปมาของชาวบ้าน รวมถึงเป็นแหล่งหาปลาของชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้ตีนเขาแห่งนี้ กลางดึกคืนนี้พระจันทร์สีเหลืองดวงโตกำลังส่องสว่างอยู่บนผืนฟ้า แน่นอนว่าอีกสองวันข้างหน้าจะเป็นคืนวันเพ็ญ คืนวันเพ็ญที่ตรงกับเดือนสิบสอง และเป็นวันลอยกระทง
“ว้าว” ดวงตากลมโตของสองพรายสาวส่องประกายยามจ้องมองพระจันทร์บนท้องฟ้าด้วยกัน
“สวยจังเลยสายชล” สายธารหันไปคุยกับน้องสาว
“สวยจริง ๆ ด้วยพี่สายธาร ว่าแต่เหมือนฝั่งโน้นมีเสียงอะไรเลย” ผู้เป็นน้องเอ่ยก่อนจะลอยคอนำหน้าพี่สาวไปตามเสียงเพลงที่ดังขึ้นอีกฝั่งของลำคลอง
“สายชล! เราต้องกลับแล้วนะ” พี่สาวร้องปรามพร้อมดำน้ำตามไป ไหนว่าจะโผล่หัวขึ้นมาแล้วกลับ แต่ไหงลอยหนีเธอไปแล้ว
“ขอไปดูก่อนนะเจ้าคะว่าทางนั้นเขาทำอะไรกัน มีไฟอยู่ไกล ๆ แถมยังมีเสียงเพลงด้วยนะเจ้าคะ ได้กลิ่นอะไรหอม ๆ ด้วยล่ะ” เสียงหวานหันไปคุยกับพี่สาวแล้วลอยคอนำหน้าไป ตอนนี้ชาวบ้านกำลังช่วยกันเตรียมงามวันลอยกระทงอยู่ ถึงวันลอยกระทงจะมีแค่วันเดียว แต่งานก็จัดขึ้นหลายวันให้ผู้คนได้ค้าขายและสนุกสนานกัน
“ถ้าจะอยู่ต่อเราต้องไปที่ที่หนึ่งก่อน ที่นั่นเป็นฐานลับพราย มีเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายของชาวมนุษย์ด้วย ไปแบบนี้ถ้าถูกจับได้เราจะแย่เอานะ” พอดำน้ำไปทันก็ดึงตัวน้องสาวลงมาคุยกันใต้น้ำ ในเมื่อห้ามไม่ได้ก็ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยไว้ก่อน
“เสื้อผ้า? อ๋อ ตอนนี้เราไม่ได้สวมเสื้อผ้านี่นา งั้นไปกันเถอะเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินผู้เป็นพี่ว่าอย่างนั้น สายชลก็ลอยตามสายธารไป เธอไม่รู้เรื่องฐานลับอะไรนี่เพราะไม่ได้เข้าพิธีบรรลุนิติภาวะ แต่พอจะรู้ว่าเมื่อขึ้นมาแล้วต้องสวมใส่เสื้อผ้าแล้วก็เปลี่ยนคำพูดคำจา
“ถึงแล้วเหรอเจ้าคะ” น้องสาวหันไปถามพี่หลังจากโผล่พ้นผืนน้ำ มือเรียวลูบน้ำออกจากดวงหน้าน้อยอย่างลวก ๆ จ้องมองพื้นที่รอบ ๆ ที่มืดทึบ ก่อนหน้านี้ยังพอมีเสียงเพลง เสียงของผู้คน และแสงไฟอยู่แท้ ๆ แต่ไหงตอนนี้พวกเธอถึงมาโผล่อยู่กลางคลองมืดทึบที่มีป่ารกขึ้นเต็มสองฝั่งคลองด้วย ที่สำคัญเหมือนคลองตรงนี้มันจะแคบกว่าคลองที่พวกเธอลอยคออยู่ก่อนหน้านี้ด้วย
“รู้สึกว่าจะเลยป่ากล้วยนี้ไปน่ะ” สายธารหันไปบอกน้อง “พอไปถึงแล้วพี่จะเข้าไปเอาเสื้อผ้า สายชลรอพี่อยู่ข้างนอกนะ”
“เจ้าค่ะ”
“อืม…” แต่ผู้เป็นพี่ก็รั้งข้อมือของน้องสาวที่ทำท่าจะว่ายน้ำไปเอาไว้ “พี่ว่าสายชลรอพี่อยู่แถวนี้ดีกว่า ที่นั่นมีพรายอาวุโสเฝ้าอยู่ ถ้าท่านรู้ว่ามีพรายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะแอบขึ้นมาละก็ เป็นเรื่องแน่”
“เอางั้นก็ได้เจ้าค่ะ น้องจะรอพี่อยู่แถวนี้”
เมื่อตกลงกันได้ ผู้เป็นพี่สาวก็แปลงกายเป็นปลาลอยไปตามสายน้ำ ฐานลับพรายนั้นมีเพียงพรายที่แปลงกายเป็นปลาเท่านั้นที่เข้าไปได้ และสัมผัสได้ถึงที่อยู่ของฐานลับ
“อะไรน่ะ?” พอพี่สาวจากไปได้สักพัก พรายน้อยที่ลอยคอเล่นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจุดเดิมก็เอียงคอมองสิ่งหนึ่ง มันกำลังขยับยุกยิกไปมาอยู่ใต้ผืนน้ำ
แห ในตำราเรียนของพรายมีบอกไว้แต่พรายสาวตัวน้อยคงจำไม่ได้
“หืม? สิ่งนี้เรียกว่าอะไรน่ะ ไอ้ตาข่ายผืนใหญ่ ๆ นี่” ตาแป๋วจ้องมองตาข่ายผืนสีน้ำตาลในมือ มันถูกใครบางคนกางเป็นทางยาวขวางทางน้ำเอาไว้
“มีอะไรติดอยู่เยอะแยะเลยเนี่ย” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยพร้อมขมวดคิ้วไปด้วย “สิ่งนี้เรียกว่าขยะหรือเปล่า ตำราบอกว่ามนุษย์ชอบทิ้งขยะลงแม่น้ำ ทำให้สัตว์น้ำตายเพราะขยะเป็นจำนวนมากทุกปี” ฮึ่ม! นึกได้อย่างนั้นมือเรียวก็ค่อย ๆ ช่วยปลาเล็กปลาน้อยออกจากแห เจ้าตัวลอยคอตามน้ำไล่ตามผืนแหกว้างที่ถูกกางขวางทางน้ำอยู่ไปเรื่อย ขณะเดียวกันก็ช่วยทุกชีวิตที่ติดแหออก
“แต่จะว่าไปแล้ว มนุษย์ก็กินปลาเป็นอาหารนี่นา” หลังจากช่วยทุกชีวิตที่ติดแหได้แล้ว สมองน้อย ๆ ก็นึกอะไรออก “หรือเจ้าสิ่งนี้มันจะเรียกว่าแห? มนุษย์ใช้มันจับปลาเพื่อนำไปทำอาหาร เฮือก!” มือเรียวป้องปากแน่นเมื่อนึกขึ้นได้ เอาล่ะ สมแล้วที่เธอสอบตก
“แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ ถ้ามนุษย์ไม่มีอาหารกินจะตายไหม” ตายแน่ ตายชัวร์ ตายแน่นอน พรายน้อยนึกด้วยความร้อนใจ เจ้าตัวกลับไปดำผุดดำว่ายเพื่อจับปลากลับมาเหมือนเดิม แต่ไม่ว่าจะหายังไงก็หาปลาไม่ได้แล้ว
>>> เอ้าหนูลูกกกก แหใครล่ะทีนี้ ><