ไป๋เว่ยซินไม่คิดอ้อมค้อม
“ข้าต้องการถอนหมั้น”
บุรุษแค่นเสียงเย็น “ไม่มีทาง!”
สายตาของไป๋เว่ยซินเจือด้วยประกายประหลาด “ข้าทำหยาบคายกับท่านขนาดนั้นและท่านก็ดูรักใคร่ห่วงใยญาติสาวออกปานนั้นแท้ๆ”
สุ้มเสียงเฉินเจียหมิงหนักแน่นยากสั่นคลอน
“ภรรยาของข้าต้องเป็นเจ้าผู้เดียว”
ไป๋เว่ยซินถึงกับพูดไม่ออก กระนั้นนางยังคงเชิดหน้า ส่งสายตาดุดันไม่สะทกสะท้าน ไร้ซึ่งท่าทีอ่อนหวานที่เคยมี ปราศจากซึ่งไมตรีและแววตารักใคร่ลึกซึ้งแบบเมื่อก่อน
ชายหนุ่มให้รู้สึกอึ้งในท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงนี้
เขานิ่วหน้าถามเสียงเครียด “เจ้าเป็นอะไรไป? เจ้าคล้ายเปลี่ยนไปไม่เหมือนคนเดิม แม้แต่แววตายังเปลี่ยนไป เมื่อก่อนเจ้าไม่เคยมองข้าเช่นนี้”
หญิงสาวแค่นเสียงเยียบเย็นค่อยๆ เอ่ยชัดถ้อยชัดคำ
“ไป๋เว่ยซินคนเดิมไม่อยู่แล้ว นางตายไปแล้วเมื่อครั้งที่นอนป่วยไม่มีใครเหลียวแล วันนั้นคู่หมั้นของนางยังเลือกไปเดินเล่นกับญาติสาวหลายชั่วยามก่อนมาเยี่ยมนาง” น้ำเสียงของไป๋เว่ยซินราบเรียบแต่เย็นเยียบราวน้ำแข็ง “แล้วทุกอย่างก็สายไป...”
วาจานี้แน่นอนว่าชัดเจนหากแต่คนฟังกลับรู้สึกว่าคลุมเครือไม่แน่ชัดซึ่งความนัย
ไป๋เว่ยซินหมายความว่าอะไร? เฉินเจียหมิงขมวดคิ้ว มองคู่หมั้นที่ไม่เหมือนคู่หมั้นของตนด้วยความรู้สึกสั่นคลอน เขารู้สึกหนาวเหน็บในหัวใจอย่างประหลาด
“เจ้าคิดประชดประชันข้าก็ให้มันน้อยๆ หน่อยเถิด เจ้ากลายเป็นคนหยาบคายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หญิงสาวเชิดหน้ายิ้มหยัน “ตั้งแต่รู้ว่าคู่หมั้นของตนแอบมีรักแท้กับญาติผู้น้องอย่างไรเล่า”
เฉินเจียหมิงส่ายหน้า แววตาฉายแววเหนื่อยหน่าย “ข้าจะพูดอีกแค่ครั้งเดียว ข้ากับญาติผู้น้องเราบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยมีสิ่งใดเกินเลยต่อกัน”
ไป๋เว่ยซินถอนหายใจเอือมระอา “เลิกโกหกเสียที ต่อให้ข้ายังเป็นไป๋เว่ยซินคนเดิมก็คงไม่แคล้วเปลี่ยนไปอยู่ดี สาเหตุที่พวกเราไม่อาจสานต่อความสัมพันธ์มิใช่เพราะข้า แต่เป็นเพราะท่านกำลังมีหญิงอื่นในใจ ยามนี้ท่านไม่ได้รักคู่หมั้นของตัวเองแล้ว ท่านรักหลัวลี่ลี่ผู้นั้น สมควรไปใช้ชีวิตกับคนที่ท่านรักอย่างแท้จริงถึงจะถูก”
ครั้นได้ยินดังนั้น เฉินเจียหมิงให้รู้สึกสับสนเล็กน้อย
เขารักหลัวลี่ลี่หรือ? ไม่น่าใช่ แค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายน่ารัก เปี่ยมเสน่ห์เย้ายวน ชวนให้ใจสั่นได้บางครั้งบางคราวเท่านั้น
ชายหนุ่มถอนหายใจ ทุกสิ่งถูกเก็บงำไว้แค่ภายในใจ
เฉินเจียหมิงเอ่ยตักเตือนคู่หมั้นสาวเสียงเรียบขรึมเฉกเช่นสามีอบรมภรรยา
“เว่ยซิน เจ้าคิดมากเกินไปกระมัง ทั้งทำตัวงี่เง่ายิ่ง เจ้าไม่เชื่อใจข้าที่เป็นคู่หมั้น จิตใจคับแคบเกินไปหรือไม่?”
เขาส่ายหน้าอ่อนใจ สุ้มเสียงเยือกเย็นมากขึ้น “อีกอย่าง ห้ามเจ้าทำร้ายหลัวลี่ลี่อีก นางเปรียบเหมือนน้องสาวข้า ในฐานะพี่ชายข้าต้องปกป้องนาง ส่วนเจ้า ในฐานะว่าที่ภรรยาของข้า ต้องเชื่อฟังให้มาก เข้าใจหรือไม่”
อีกครั้งที่ไป๋เว่ยซินต้องกะพริบตาพูดอันใดไม่ออก
นี่นางหมั้นหมายกับบุรุษแบบใด?
เฉินเจียหมิงหมุนตัวกลับออกไปอย่างเดือดดาล โดยทิ้งวาจาไว้อย่างเคร่งขรึมบึ้งตึงว่าไม่ถอนหมั้นเด็ดขาด เพราะคนที่เขารักมีเพียงนาง
ไป๋เว่ยซินต้องเป็นภรรยาของเขา เฉินเจียหมิงเท่านั้น
หญิงสาวสู้อุตส่าห์ทำตัวหยาบคายให้เฉินเจียหมิงเป็นฝ่ายออกปากถอนหมั้นอย่างไม่กลัวเสื่อมเสียชื่อเสียง
ทั้งยังทำให้หลัวลี่ลี่ตกอยู่ในสภาพที่เฉินเจียหมิงต้องรับผิดชอบขนาดนั้น นางทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะได้ขอถอนหมั้นอย่างชอบธรรม
แต่ท้ายที่สุดการถอนหมั้นก็ยังไม่เกิดขึ้น
ไป๋เว่ยซินให้รู้สึกกลัดกลุ้มเหลือจะกล่าว
ต่อให้เฉินเจียหมิงเป็นคนดี รักไป๋เว่ยซินอย่างใจจริง แล้วอย่างไร? นางไม่ใช่ไป๋เว่ยซิน นางไม่อาจทำใจแย่งชิงวาสนาจากร่างเดิม อีกทั้งนางไม่ได้รักเฉินเจียหมิง ให้ตายนางก็ไม่คิดเป็นภรรยาของเขา
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเฉินเจียหมิงเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวขนาดไหน ยังไม่ทันแต่งแต่เห็นแววรำไรแล้วว่าภายภาคหน้าเขารับอนุภรรยาเต็มเรือนแน่นอน
เขาบอกว่าไป๋เว่ยซินต้องเป็นภรรยาของเขาคนเดียว แต่ไม่ได้บอกว่าตัวเองจะเป็นสามีหนึ่งเดียวของไป๋เว่ยซิน เช่นนี้เขาย่อมเป็นสามีหญิงอื่นในขณะที่มีนางเป็นภรรยาแน่
ไป๋เว่ยซินครุ่นคิดจนศีรษะปวดร้าว