เฉินเจียหมิงพลันได้สติ เริ่มรู้แล้วว่ากำลังเกิดสิ่งใด หลัวลี่ลี่ก็เช่นกัน นางตกใจแทบสิ้นสติ
ทว่าไป๋เว่ยซินไม่ปล่อยเวลาให้ใครตั้งตัวได้ทัน นางจับกระโปรงขึ้นแล้วยกเท้าถีบโครมที่สะโพกของหลัวลี่ลี่
เสียงตู้มเกิดขึ้นทันที น้ำแตกกระจาย ปลาแหวกว่ายแตกกระเจิง
เฉินเจียหมิงเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง เขาตวาดลั่น “เว่ยซิน เจ้าทำบ้าอะไร ทำร้ายน้องลี่ทำไม?”
ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอย่างเหลือล้นทีเดียว จบคำก็รีบกระโจนตัวลงน้ำ กอดรัดหลัวลี่ลี่ขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็ว
หลัวลี่ลี่สำลักน้ำจนใบหน้าแดงก่ำ ซุกซบแผงอกของเฉินเจียหมิงแนบแน่น ร้องไห้กระซิกๆ ท่าทางน่าสงสารยิ่ง
สีหน้าของไป๋เว่ยซินยังคงราบเรียบเฉยชา นางปล่อยให้คู่ยวนยางขึ้นจากน้ำมานั่งตระกองกอดบนศาลาในท่วงท่าแนบชิดสนิทเนื้อเสื้อผ้าเปียกปอนเผยส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน
อืม...ยุคสมัยนี้ หากมีคนมาเห็นชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ในสภาพเช่นนี้ พวกเขามักจะต้องแต่งงานกันใช่หรือไม่?
“ยังไม่มีพยานเดินมาเห็นพวกเจ้าสักคนเลยนี่นา จะรีบขึ้นมาทำไม ข้าสงเคราะห์ให้อีกนะเจ้าคะ จะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีก รักกันต้องเปิดเผยถึงจะถูกเจ้าค่ะ”
กล่าวจบ ไป๋เว่ยซินก็ถีบชายหญิงที่ยังคงทุลักทุเลให้ตกน้ำไปอีกรอบ ให้พวกเขาได้กอดรัดกันนานๆ สักหน่อย
เสียงตู้มเกิดขึ้นอีกครั้ง ดังกว่าเดิม
จังหวะนั้น สาวใช้ติดตามของไป๋เว่ยซินก็ถือตะกร้าขนมเข้ามาพร้อมด้วยบ่าวไพร่ของจวนเฉินซึ่งช่วยกันยกกาน้ำชาและถ้วยชามาอย่างพร้อมเพรียง
ทุกคนพลันกรีดร้องโวยวาย
“คุณชายเฉิน! คุณหนูหลัว! โอ้!”
แน่นอนว่าไป๋เว่ยซินไม่มีสิทธิ์สั่งการบ่าวไพร่จวนผู้อื่น ทว่าสาวใช้ของนางถือข้าวของทั้งหมดมาคนเดียวมิได้นี่นา นางอุตส่าห์นำมาจากจวนไป๋เชียวนะ จึงต้องออกปากขอร้องให้คนอื่นช่วยถือมาส่งก็เท่านั้น
ทั้งหมดเดินเข้าใกล้ศาลาทันได้เห็นชายหญิงกอดกันด้วยท่วงท่าหมิ่นเหม่ เสื้อผ้าที่ใส่ก็เหมือนไม่ได้ใส่
การถูกถอนหมั้น อย่างไรผู้หญิงก็เป็นฝ่ายเสียหาย แต่หากผู้ชายเป็นฝ่ายทำผิดอย่างโจ่งแจ้งผลย่อมต่างกันแล้ว
ไป๋เว่ยซินจึงบีบน้ำตา ทำท่าทนเห็นภาพบัดสีไม่ไหว ก่อนวิ่งก้มหน้าร้องไห้ออกจากศาลาไปไม่เหลียวหลัง
เฉินเจียหมิงถึงกับพูดไม่ออก
ไป๋เว่ยซินร้ายกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
*****
ชายหนุ่มเลือกไปซื้อของกับญาติสาวผู้น้อง
ปล่อยคู่หมั้นตัวเองนอนป่วยจนสิ้นลมมิรู้เรื่องราว
ถึงคราวรู้ว่าสายไป จะเสียใจก็ยังไม่ทัน
‘ต่อให้เสียใจก็อย่าบังอาจเรียกหาคนเดิมของหัวใจ ในเมื่อตัวเองเปลี่ยนใจไม่เหมือนเดิมกับคนของตน...’
น้ำเสียงของนางราบเรียบ แต่คนฟังกลับเย็นเยียบราวถูกแช่แข็ง
ไป๋เว่ยซิน
ไป๋เว่ยซินร่ำไห้เสียใจต่อหน้าเฉินฮูหยินมารดาของเฉินเจียหมิง
“พี่เจียหมิงกับน้องลี่ พวกเขากอดรัดกันปานนั้น ท่าทางรักใคร่ห่วงใยกันปานนั้น ช่างหยามน้ำใจข้าเหลือเกิน ขอเฉินฮูหยินพิจารณาเรื่องการหมั้นของข้ากับพี่เจียหมิงใหม่ด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
หญิงสาวร่ำร้องน้ำตานองหน้าสุ้มเสียงสะอึกสะอื้นน่าสงสาร ชวนเวทนาจากคนมอง ในใจคิดว่าหมากตานี้ นางต้องได้ถอนหมั้นอย่างงดงามแน่นอน
ชายหญิงเนื้อตัวเปียกปอนเผยเรือนร่างชัดเจนยังคงตระกองกอดกันอยู่ในศาลาริมบึงมองนางอย่างอึ้งๆ
เฉินฮูหยินที่เดินมาตามเสียงโวยวายได้เห็นเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งเช่นกัน นางตวาดไปทางบุตรชาย
“หมิงเอ๋อร์ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
เฉินเจียหมิงรีบแก้ตัว “ท่านแม่ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้ากับน้องลี่ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ไม่เคยทำเรื่องเกินเลยอันใดด้วย นางพลัดตกน้ำข้าจึงกระโดดลงไปช่วยเท่านั้นเอง จะให้ข้าทนเห็นน้องสาวตายต่อหน้าได้อย่างไร”
นับว่ามีเหตุผล แต่คนสองคนตกน้ำด้วยกัน สัมผัสกันอย่างแนบชิดปานนั้น
เฉินฮูหยินชี้นิ้วสั่นเทา สุ้มเสียงสั่นพร่าชวนอึดอัดกระอักกระอ่วนใจ
“แต่พวกเจ้า...พวกเจ้าในสภาพเช่นนั้น เฮ้อ...”
ไป๋เว่ยซินรีบเอ่ย “เฉินฮูหยิน น้องสาวเสียหายแล้ว อย่างไรพี่เจียหมิงก็ต้องรับผิดชอบ เรื่องหมั้นควรถอน...”
ยังเอ่ยไม่จบประโยค เฉินเจียหมิงก็ตวาดลั่น
“เว่ยซิน! เพราะเจ้า...เจ้าเป็นคนผลักพวกเราตกน้ำ ยังจะพูดเหลวไหลเรื่องนอกใจ เรื่องถอนหมั้นอะไรอีก? พยานหลักฐานล้วนเกิดจากความคิดเพ้อเจ้อของเจ้าทั้งสิ้น เจ้าทำตัวแบบนี้ใช้ได้ที่ใด?”
หญิงสาวร้ำไห้โฮ สีหน้าเผยออกว่าเสียใจสุดซึ้ง ทั้งยังไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่งยวด “พี่เจียหมิงพูดอะไร? ข้าจะทำเช่นนั้นทำไม ข้าจะเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเจ้าคะ ท่านทำผิดต่อข้า นอกใจข้าแท้ๆ ยังกล่าวหาข้า ฮึก...ฮือ”
“เจ้า...เจ้าพูดอะไร ข้าไม่เคยนอกใจ”
วาจาของเฉินเจียหมิงหนักแน่นยิ่ง
“โฮ..”
เมื่อเฉินเจียหมิงไม่ยอมรับ ไป๋เว่ยซินยิ่งเสแสร้งร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดัง
เฉินเจียหมิงให้รู้สึกเลือดลมติดขัด คิดอยากลุกขึ้นไปจับตัวคู่หมั้นเขย่าเรียกสติเอาความคิดบ้าๆ ออกจากร่างนางให้รู้แล้วรู้รอด แต่ติดตรงที่หลัวลี่ลี่เกาะเกี่ยวไม่ยอมปล่อย ทั้งยังร้องไห้กระซิกๆ ซบอกเขาไม่ห่าง ท่าทางน่าสงสารที่สุด ชายหนุ่มจึงกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น มองคู่หมั้นของตนอย่างคาดโทษ
ไป๋เว่ยซินไม่ได้มองคู่หมั้นแต่มองหลัวลี่ลี่แวบหนึ่ง แค่แวบเดียวเท่านั้นแต่กลับเห็นอีกฝ่ายแอบยกยิ้มสาสมใจ เป็นรอยยิ้มของผู้ที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองได้กุมชัยชนะไว้ในมือ
ไป๋เว่ยซินร้องไห้น้ำตาไหลพรากแทบยืนไม่อยู่แล้ว สาวใช้รีบเข้ามาประคอง คุณหนูของนางร่างกายอ่อนแรงนัก เฉินฮูหยินเองก็เห็น นางหันไปตักเตือนบุตรชาย
“หมิงเอ๋อร์ เจ้าทำผิดยังใส่ความคู่หมั้นอีกรึ?”
“ท่านแม่ ข้ากับน้องลี่บริสุทธิ์ใจนะขอรับ”
เฉินฮูหยินให้รู้สึกอ่อนอกอ่อนใจเหลือเกิน
คำกล่าวที่ว่าถูกสตรีเรียบร้อยอ่อนหวานทั้งอ่อนแอบอบบางอย่างไป๋เว่ยซินตบหน้าและถีบตกน้ำ พูดให้ตายใครก็ไม่เชื่อ อีกทั้งหลัวลี่ลี่สบโอกาสจับบุรุษที่ตนหมายตา นางมีหรือจะเปิดเผย เพียงทำตัวคลุมเครือไปเช่นนั้น เฉินเจียหมิงจึงไม่พูดอีก
การหมั้นจึงยังคงไม่สิ้นสุดพันธะเพราะเหตุนี้
เขาหอบโทสะทั้งหมดมาหาไป๋เว่ยซินถึงจวนไป๋ทันที นับว่าโชคดีที่วันนี้นายท่านไป๋กับฮูหยินใหญ่ไม่อยู่ในจวน
“เจ้าทำบ้าอะไร? เว่ยซิน ทำแบบนั้นทำไม?”
เฉินเจียหมิงถามคู่หมั้นสาวอย่างเดือดดาล ทั้งสองอยู่ในห้องรับรองแขก ไม่มีใครอื่น
ไป๋เว่ยซินไม่คิดอ้อมค้อม “ข้าต้องการถอนหมั้น”
บุรุษแค่นเสียงเย็น “ไม่มีทาง!”
สายตาของไป๋เว่ยซินเจือด้วยประกายประหลาด “ข้าทำหยาบคายกับท่านขนาดนั้นและท่านก็ดูรักใคร่ห่วงใยญาติสาวออกปานนั้นแท้ๆ”
สุ้มเสียงเฉินเจียหมิงหนักแน่นยากสั่นคลอน
“ภรรยาของข้าต้องเป็นเจ้าผู้เดียว”
ไป๋เว่ยซินถึงกับพูดไม่ออก