“เป็นลูกผู้ชาย ทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบ” อดีตผู้บริหารอัศวกรุ๊ปกล่าวกับลูกชายคนเดียวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทว่าเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ
แน่นอนว่าต้องทำเช่นนั้น แต่จะรับผิดชอบเช่นไรนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง “ลูกเป็นลูกของผม ยังไงผมก็ต้องดูแล ส่วนแม่ของลูก ผมจะรับผิดชอบตามที่เห็นสมควร”
“แล้วแกเห็นสมควรจะรับผิดชอบหนูบุษเขายังไง”
“ให้เงินไปสักก้อน มอบอนาคตที่ดีให้กับเธอ ผมจะล้างเธอจนขาวสะอาด บุษจะไม่มีมลทินใดๆ ติดตัว” แต่เขาคิดว่าถึงไม่ทำเช่นนี้ บุษบาก็มีผู้ชายพร้อมอ้าแขนรับเจ้าหล่อนไปดูแลอยู่แล้ว
แววเยาะหยันฉายชัดในดวงตาธีทัตเมื่อชายหนุ่มนึกถึงเรื่องเจ้านายบุษบา
คุณหญิงแพรพลอยปรายตามองทายาทเพียงคนเดียวของตน ที่ผ่านมานางให้อิสระในการดำเนินชีวิตกับลูกชายมาโดยตลอด ไม่เคยมีสักครั้งที่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของหัวใจ ลูกจะรักใครชอบใคร แม่อย่างนางไม่เคยว่า ขอแค่ผู้หญิงที่ธีทัตรักเป็นคนดีและรักเขาจริงๆ เท่านั้นนางก็พอใจแล้ว
แต่เห็นทีว่าเรื่องของบุษบาจะไม่เข้าไปยุ่งไม่ได้ เพราะลูกชายของนางทำไม่ถูกต้อง “หมายความว่าจะเอาแค่ลูก แต่ไม่เอาแม่ของหลานฉันงั้นเหรอ”
“ผมกับบุษไม่ได้รักกัน เราคงอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกครับแม่ ต่อให้ฝืนอยู่ด้วยกันไป สักวันก็ต้องเลิกกันอยู่ดี สู้จบกับตอนนี้แล้วแยกย้ายกันไปมีชีวิตของใครของมันไม่ดีกว่าเหรอครับ บุษเองยังสาวยังสวย น้องยังมีทางเลือกอีกเยอะ”
หลังจากได้คิดทบทวนมาดีแล้ว เขาก็พบว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรกับบุษบาเลยแม้สักนิด ที่วันนั้นไม่พอใจเจ้าหล่อนเรื่องที่มีผู้ชายคนอื่นโทร. มากลางค่ำกลางคืน เพราะแค่หวงของเล่นตัวเองก็เท่านั้น
“ผมจะเลี้ยงลูกเองแล้วปล่อยให้บุษได้ไปใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยที่ไม่ต้องมีห่วงกับอะไรทั้งนั้น”
คิ้วเรียวที่โค้งไปตามดวงตาคมกริบของคุณหญิงแพรพลอยขมวดมุ่นเข้าหากัน “นี่แกคิดจะพรากลูกออกจากอกแม่อย่างนั้นเหรอไนซ์!”
ธีทัตคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นส่งผลดีกับทุกคนที่สุดแล้ว โดยเฉพาะลูก ลูกจะได้เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความพร้อมในทุกๆ ด้าน หากปล่อยให้เด็กอยู่กับแม่ รังแต่จะทำให้ลำบากด้วยกันทั้งคู่ เพราะเงินเดือนเด็กจบใหม่คงไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้มีชีวิตที่ดีได้ ส่วนบุษบาเองก็ได้ไปใช้ชีวิตเจ้าหล่อนเต็มที่ และตัวเขาเองก็ไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก
“แล้วแม่จะให้ผมทำยังไง ถ้าจะบอกให้ผมแต่งงานยกย่องยัยเด็กนั่นออกหน้าว่าคนนี้เป็นเมียเป็นแม่ของลูก ผมคงทำให้ไม่ได้ ผมให้ได้แค่นี้จริงๆ ” ธีทัตเบือนหน้าหนีสายตาของแม่ที่กำลังมองมาอย่างต่อว่าเขา “ผมรู้ว่ามันใจร้ายกับบุษมาก แต่ถ้าผมไม่ทำอย่างนี้ เรื่องทุกอย่างก็จะคาราคาซังไม่จบไม่สิ้นสักที ผมอยากให้บุษไปมีชีวิตใหม่ ไปมีชีวิตที่ดี มีความรักที่ดีกับผู้ชายที่เธอรักแล้วก็รักเธอ”
คุณหญิงแพรพลอยรู้สึกจุกในอก นางนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งต้องพบเจอแล้วสงสารบุษบาจับหัวใจ
“แกถามหนูบุษเขาสักคำหรือยังว่าอยากมีชีวิตแบบไหน เขาเต็มใจจะทิ้งลูกไว้แล้วไปใช้ชีวิตอิสระหรือเปล่า แกเคยถามเขาไหม หรือคิดเองเออเองทั้งหมด”
ธีทัตนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนแล้วแสยะยิ้มหยัน “ผมไม่เคยถาม แต่ผมมั่นใจว่าสิ่งที่ผมคิดไม่ผิดแน่นอน”
เสียงพูดคุยของบุษบากับไอ้ท่านประธานนั่นยังดังชัดก้องอยู่ในหัวเขา คราแรกกังวลเหมือนกันว่าชีวิตเจ้าหล่อนจะเป็นเช่นไรเมื่อถูกเขาพรากลูกไปจากอก แต่ยามนี้หมดห่วงแล้ว เพราะหญิงสาวคงเศร้าแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น พอมีความรักครั้งใหม่ เรื่องราวคราวก่อนหนหลังก็คงค่อยๆ เลือนรางและจางหายไปในที่สุด
“ผมทำทุกอย่างก็เพื่อทุกคน ที่ผมมาหาแม่วันนี้ นอกจากจะมาบอกแม่ว่ากำลังจะมีหลาน ผมมีอีกเรื่องอยากขอให้แม่ช่วย”
ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกเลื่อนมาตรงหน้านาง “อะไร?”
“เอกสารการยกสิทธิ์ในตัวบุตรให้เป็นของพ่อแต่เพียงผู้เดียว”
คุณหญิงแพรพลอยมองซองเอกสารสลับกับใบหน้าลูกชายโดยที่ไม่ได้หยิบมันขึ้นมาเปิดดู นางตัดสินใจได้ทันทีว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธคำขอของธีทัต
“ฉันไม่ช่วย”
เพียงแค่ได้ฟังเรื่องที่ลูกชายวางแผนจะทำกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งแล้วห้ามปรามไม่ได้ นางก็เสียใจมากพอแล้ว หากยื่นมือเข้าไปช่วยธีทัตจัดการเรื่องนี้อีกคน นางคงรู้สึกผิดจนไม่อาจให้อภัยตัวเองได้
“ในฐานะที่ฉันเป็นแม่ ต่อให้ต้องตาย ฉันก็ไม่ยอมให้ใครมาพรากลูกไปจากฉัน แล้วฉันจะบอกอะไรแกให้นะ ถ้าแกไม่อยากเสียใจ อะไรที่คิดจะทำก็หยุดซะ ถึงแกจะไม่ได้รักไม่ได้ชอบ แต่ก็นอนกับเขาจนท้อง แกควรจะคิดหาวิธีรับผิดชอบให้มันดีกว่านี้”
อะไรที่จะทำให้เขาเสียใจงั้นหรือ.. ฮึ! คิดหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ผู้หญิงอย่างบุษบาหาที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีเงินเท่านั้น เจ้าหล่อนไม่สมควรได้ฟูมฟักเลี้ยงดูเลือดเนื้อเชื้อไขเขา ไม่สมควรสักนิด
“นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วครับ ผมทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ ถ้าต้องดูแลลูกร่วมกันกับบุษ ลูกต้องมีแม่ที่ดีกว่านั้น ถ้าจะให้บุษบามาเป็นแม่ของลูก สู้ไม่มีซะยังดีกว่า”
“อะไรทำให้แกรังเกียจหนูบุษเขาได้ขนาดนั้น”
“ผมไม่ได้รังเกียจ แต่ผมแค่ไม่รัก อยู่ด้วยกันต่อไปก็รังแต่จะมีปัญหา เพราะบุษรักผม เธอพยายามที่จะผูกมัดผมตลอดเวลา ซึ่งมันทำให้ผมอึดอัด จนตอนนี้ผมมองเธอเป็นตัวปัญหาที่สมควรจะตัดให้ขาดจากชีวิต” เขาหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลขึ้นมาถือไว้ในมือแล้วลุกขึ้น “ที่ผมมาวันนี้เพราะอยากขอทนายมือดีสักคนเผื่อต้องสู้กับบุษบาในชั้นศาล แต่ถ้าแม่ยืนยันที่จะไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจัดการเอง ผมขอตัวนะครับ”
คุณหญิงแพรพลอยกุมขมับแล้วยัดยาดมเข้ารูจมูกข้างขวา นางพยายามคิดหาวิธีการช่วยเหลือบุษบา เพราะไม่อาจนิ่งเฉยแล้วทนมองลูกชายทำกับเจ้าหล่อนได้
“ไอ้ไนซ์ไอ้ลูกเวร ฉันล่ะปวดกบาลกับแกจริงๆ”