บทที่ 9

4098 คำ
รถยุโรปสีดำป้ายแดงเคลื่อนตัวเข้ามาจอดในโรงจอดรถที่ประจำเวลาสามทุ่มกว่า ซึ่งนี่หาใช่ครั้งแรกไม่ที่บุษบากลับมาถึงบ้านเวลานี้ เห็นทีต่อไปนี่คงเป็นเวลากลับบ้านปกติของเธอเสียแล้ว ธีทัตซึ่งยืนรับลมอยู่ที่ระเบียงห้องนอนมองตามเจ้าของร่างอรชรที่พึ่งลงจากรถยนต์แล้วก้าวเดินมายังประตูบ้าน คงเพราะระยะนี้เราสองคนไม่ค่อยได้พบหน้ากัน ทั้งที่อยู่ใต้ชายคาเดียวกันแท้ๆ แต่กลับต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างใช้ชีวิต เขาถึงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเจ้าหล่อนได้ บุษบาดูมีน้ำมีนวลขึ้น ใบหน้าสวยหวานก็สดใสเปล่งปลั่ง คงเป็นเพราะเธอตั้งท้องกระมัง เขาเคยได้ยินว่าคนท้องจะดูสวยขึ้น “กลับมาแล้วเหรอ” หญิงสาวชะงักเท้าแล้วเงยหน้าขึ้น เรียวปากอวบอิ่มฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้เขา “กลับมาแล้วค่า วันนี้บุษไปเลี้ยงลูกค้ามา ซื้อกุ้งแม่น้ำเผาที่พี่ไนซ์ชอบมาฝากด้วยนะ” เธอชูถุงที่ข้างในบรรจุกุ้งแม่น้ำเผาไซซ์ใหญ่ให้ธีทัตดู “ยังร้อนๆ อยู่เลยค่ะ พี่ไนซ์กินเลยไหมคะ” พึ่งนึกได้ว่าตั้งแต่กลับมาจากไปหาแม่ เขาก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย “ได้สิ” ทั้งคู่ยิ้มให้กันก่อนที่บุษบาจะเดินตรงไปยังประตูทางเข้าบ้าน ส่วนธีทัตก็พาตัวเองออกจากห้องนอนมาหาเจ้าหล่อน “มานี่ เดี๋ยวพี่ถือช่วย” เขารับของจากบุษบามาถือไว้ในมือ “ขอบคุณนะคะ” ธีทัตพยักหน้า เขาลอบมองสังเกตบุษบาอีกครั้ง “วันนี้แต่งตัวสวยเชียวนะ เลี้ยงลูกค้าคนสำคัญเหรอ” กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ตลอดจนเครื่องประดับ ล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์เนมราคาแพงทั้งนั้น ซึ่งแต่ก่อนเขาแทบไม่เคยเห็นเธอใช้ของเหล่านี้ “เป็นลูกค้ารายใหญ่น่ะค่ะ คนจีน สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ บุษเลยต้องไปเป็นล่ามจีนจำเป็นให้บอสน่ะค่ะ” “หืม.. บุษพูดจีนได้ด้วยเหรอ ทำไมพี่ไม่เคยรู้เลยล่ะ” เขาแปลกใจไม่น้อยกับข้อมูลใหม่เกี่ยวกับแม่ของลูกที่พึ่งรู้ นึกไม่ถึงเลยว่าบุษบาจะสามารถสื่อสารภาษาจีนได้ ไม่แปลกที่ธีทัตจะไม่รู้ เพราะเขาไม่เคยสนใจเธอเลย หากเป็นแต่ก่อนคงรู้สึกน้อยใจชะมัด แต่เวลานี้ไม่ใช่แล้ว วันเวลาที่ผันผ่านและประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้เรียนรู้ทำให้เธอเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทำให้รู้ว่าสิ่งไหนที่ควรปล่อยวาง และสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ ธีทัตคือสิ่งแรกที่เธอต้องปล่อยวาง และลูกคือคนที่เธอต้องให้ความสำคัญและทำทุกอย่างเพื่อเขา “ยังมีอีกหลายอย่างเกี่ยวกับบุษที่พี่ไนซ์ไม่เคยรู้ ไว้วันไหนว่างๆ จะเล่าให้ฟังนะคะ มาค่ะ บุษจัดกุ้งใส่จานให้ดีกว่า เอาไวน์สักแก้วด้วยไหมคะ” “สักแก้วก็ดีเหมือนกัน ขอบคุณครับ” ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่บุษบาที่เขาเคยรู้จัก ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพียงเพราะหญิงสาวเปลี่ยนรูปแบบการแต่งตัว แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น จริตจะก้าน ความมาดมั่น แววตา ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่เหมือนเดิม “มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอรู้สึกว่าถูกธีทัตจ้องมองมาสักพักแล้ว “เปล่าครับ กุ้งอร่อยดีนะ” ธีทัตเปลี่ยนเรื่องพูดและพยายามเปลี่ยนความสนใจตัวเองมาที่เมนูโปรดตรงหน้า “บุษกินกับพี่อีกไหม” บุษบาส่ายหน้าพลางลูบหน้าท้องตัวเองที่เริ่มป่องนูนเล็กน้อยตามอายุครรภ์ที่เพิ่มมากขึ้น “ไม่ไหวแล้วค่ะ บุษกินมาจนท้องไม่มีที่จะยัดแล้ว ขืนกินมากกว่านี้มีหวังลูกหายใจไม่ออกกันพอดี” พ่อของลูกบุษบาหัวเราะเสียงดังลั่น “ตัวเล็กอย่างกับลูกแมว จะกินได้แค่ไหนกันเชียว นี่ถ้าไม่เห็นว่าท้องอยู่ จะชวนดื่มด้วยแล้วนะเนี่ย” “อย่าดื่มเยอะนะคะ พรุ่งนี้ไปทำงานไม่ไหว บุษไม่รู้ด้วยนะ” หญิงสาวเหลือบมองแก้วชาร์ดอเนที่ธีทัตพึ่งรินไวน์ขาวใส่เป็นครั้งที่สาม สำหรับชายหนุ่มแล้วดื่มเพียงแก้วเดียวไม่เคยมีอยู่จริง “แค่นี้ไม่เมาหรอก บุษก็รู้นี่นาว่าพี่คอแข็ง” เธอพยักหน้าทว่าไม่ได้พูดอะไรกับธีทัตอีก หญิงสาวเลือกที่จะนั่งเงียบๆ ดูเขารับประทานกุ้งเผาและดื่มไวน์แทนการเปล่งคำพูดใดๆ ออกไป “ไวน์ยังเหลือไหม” เขาเอ่ยถามเพื่อนร่วมโต๊ะที่ไม่ยอมแตะอาหารสักคำ “เหลือค่ะ พี่ไนซ์จะดื่มอีกเหรอคะ” ชายหนุ่มพยักหน้า “แต่บุษว่าพี่ไนซ์ดื่มเยอะไปแล้วนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปทำงานไม่ไหวน้า” “ไม่เป็นไรหรอกน่า เอามาเถอะ พี่อยากดื่ม” แม้ปากจะพูดออกไปว่าสิ่งที่ตัวเองทำกับแม่ของลูกนั้นเป็นการดีกับทุกคนที่สุดแล้ว แต่ลึกๆ เขาเองก็รู้สึกผิดกับเธอไม่น้อย บุษบาดีกับเขามาก แต่ผลตอบแทนของความดีหาใช่ความรักไม่ เขาไม่ได้รักเธอ.. ไม่อาจฝืนตัวเองให้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงคนนี้ได้ และไม่ต้องการให้ลูกไปฉุดรั้งเธอไว้ เพราะฉะนั้นเสียใจเพียงระยะเวลาสั้นๆ ดีกว่าต้องคาราคาซังกันไปไม่รู้จบสิ้น “ก็ได้ค่ะ” เธอไปหยิบไวน์ขวดใหม่แล้วรินใส่แก้วให้เขา “อีกสักแก้วสองแก้วแล้วไปนอนนะคะ พี่ไนซ์ดูท่าทางจะเริ่มเมาแล้ว” ธีทัตมองจ้องหน้าบุษบา คงเป็นเช่นที่เจ้าหล่อนว่า เขาเริ่มเมาแล้ว “คิดไว้หรือยังว่าวันข้างหน้าจะเอายังไงกับชีวิต” แม้รู้สึกแปลกๆ ที่จู่ๆ ธีทัตก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา ทั้งที่ไม่ใช่วิสัย ชายหนุ่ม กระนั้นก็คิดไปว่าเขาคงหาเรื่องชวนคุยมากกว่ามีนัยแอบแฝง “ก็คิดไว้บ้างค่ะ” “คิดไว้ว่ายังไง อยากเรียนต่อไหม หรืออยากทำอะไรหรือเปล่า ถ้าบุษอยากทำอะไรบอกพี่ได้เลยนะ พี่พร้อมสนับสนุนบุษเต็มที่” ถึงไม่ได้รัก แต่เขาก็อยากเห็นบุษบามีความสุข อยากให้เธอพบพานแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ มีชีวิตที่สดใส “ก่อนมีลูกก็คิดเรื่องเรียนต่อไว้บ้างค่ะ แต่พอท้อง บุษก็เลิกคิดเรื่องพวกนั้น เพราะอยากอยู่กับลูก อยากทุ่มเทให้กับลูกมากกว่า บุษอยากหาเงินไว้เยอะๆ เก็บไว้ให้ลูกค่ะ” รู้หรอกว่าพ่อของลูกรวยล้นฟ้า แต่ที่รู้อีกอย่างคือวันข้างหน้าเป็นสิ่งไม่แน่นอน หากเมื่อใดที่ธีทัตมีครอบครัวของเขาแล้ว จะให้เธอเอาเรื่องลูกไปรบกวนบ่อยๆ ก็ไม่ควร เพราะอาจสร้างความไม่พอใจให้ภรรยาในอนาคตของชายหนุ่มได้ เพราะฉะนั้นมีเงินเป็นของตัวเองไว้คือดีที่สุด เธอมั่นใจว่าสามารถสร้างอนาคตดีๆ ให้กับลูกได้ด้วยสองมือของเธอเองโดยไม่ต้องหวังพึ่งใคร คำตอบของบุษบายิ่งเป็นการไปสนับสนุนความคิดธีทัตว่าเขาตัดสินใจถูกต้องแล้ว “หมายความว่าถ้าไม่มีลูกก็คงไปเรียนต่อแล้ว” “คงงั้นมั้งคะ” หลังเรียนจบมหาวิทยาลัยคุณหญิงแพรพลอยได้เสนอทุนให้เธอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่เธอขอเลื่อนเวลาออกไปเพราะเป็นห่วงผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้านี่แหละ ตอนนั้นสภาพจิตใจธีทัตย่ำแย่มาก ช่วงแรกที่อกหักจากอวัศยา ชายหนุ่มดื่มหนักทุกวัน ปล่อยงานปล่อยการทิ้งจนผู้เป็นแม่ต้องเข้ามาบริหารแทนทั้งที่เกษียณไปได้หลายปีแล้ว และที่สำคัญตอนนั้นอัศวกรุ๊ปอยู่ในช่วงวิกฤติเพราะเศรษฐกิจการค้าโลกตกต่ำ กว่าจะผ่านพ้นมาได้ก็เล่นเอาเธอและคุณหญิงแพรพลอยเหนื่อยแทบแย่ “แล้วอยากไปเรียนต่อที่ไหนล่ะ” “ตอนแรกก็คิดว่าจะเรียนต่อที่มหา’ ลัยในประเทศนี่แหละค่ะ แต่หลังเรียนจบมีบริษัทเอกชนเสนอทุนให้ไปเรียนต่อปริญญาโทจนจบปริญญาเอกที่ต่างประเทศ บุษขอเลื่อนการรับทุนออกไปก่อน เพราะตอนนั้นยังมีเรื่องที่ห่วงอยู่ แต่หลังจากคลอด บุษคงบอกปฏิเสธทุนเขาไปให้ค่ะ” ธีทัตไม่รู้เรื่องที่เธอทำงานให้คุณหญิงแพรพลอย และเธอก็ไม่ต้องการให้เขารู้ เพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มคิดว่าที่เธอทำเช่นนี้เพราะต้องการเข้าทางแม่เพื่อจับเขา และอีกอย่างเขาคงนึกขันมากกว่าชื่นชม ด้วยว่าในสายตาธีทัต เธอมันก็แค่ผู้หญิงความสามารถต่ำคนหนึ่งเท่านั้น บริษัทเอกชนเสนอทุนให้ไปเรียนต่อจนจบการศึกษาระดับปริญญาเอกเชียวหรือ เท่าที่รู้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศมีแต่คนแย่งชิงเพื่อที่จะได้มา แต่นี่บุษบากลับได้รับการเสนอจากบริษัทเอง และคนที่จะเป็นเช่นนี้ได้ ความสามารถต้องไม่ธรรมดา แล้วทำไมเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยล่ะ นับวันผู้หญิงที่เคยคิดว่าธรรมดาไม่มีความซับซ้อนใดๆ ยิ่งมีอะไรใหม่ๆ มาให้รู้สึกแปลกใจมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมากมายเสียจนอดคิดไม่ได้ว่านี่ใช่บุษบาที่เขารู้จักจริงๆ หรือไม่ “บุษนี่มีอะไรมาเซอร์ไพรส์พี่เสมอเลยนะ” “ก็บุษบอกแล้วไงว่ามีอีกหลายอย่างเกี่ยวกับบุษที่พี่ไนซ์ไม่เคยรู้” แววตาเขาที่กำลังมองมา คล้ายกับว่ากำลังค้นหาบางอย่างจากตัวเธอ “คงจริงอย่างที่บุษว่า นับวันบุษยิ่งไม่เหมือนบุษบาคนเดิมที่พี่เคยรู้จัก จนบางครั้งพี่ก็แอบคิดนะว่าตัวตนที่แท้จริงของบุษเป็นยังไงกันแน่ ใช่บุษแบบที่พี่เคยรู้จักหรือเปล่า” หญิงสาวยิ้ม บุษบาในวันวานที่ธีทัตรู้จักเป็นเช่นไร วันนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น ที่ไม่เหมือนเดิมก็แค่เธอหันกลับมารักและทุ่มเทให้ตัวเองมากขึ้นเท่านั้นเอง “บุษก็ยังเป็นบุษคนเดิมนั่นแหละค่ะ แต่ที่ดูไม่เหมือนเดิมคงเป็นเพราะบุษโตขึ้น แล้วก็เข้มแข็งขึ้นมั้งคะ” “ดีแล้วล่ะ” ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนดีแล้ว “พี่ดีใจนะที่เห็นบุษเข้มแข็งได้ขนาดนี้” “ขอบคุณนะคะ” เธอเอื้อมมือไปแตะเบาๆ ที่แขนพ่อของลูกก่อนที่เขาจะยกแก้วไวน์แตะริมฝีปากได้สำเร็จ “บุษว่าพี่ไนซ์พอก่อนดีไหมคะ พรุ่งนี้ต้องทำงานน้า ไปนอนดีกว่าค่ะ” เห็นสมควรตามที่เจ้าหล่อนว่า เขาวางแก้วไวน์ไว้บนโต๊ะแล้วลุกขึ้น “โอเคครับ” ทว่าก้าวขาไปข้างหน้าได้เพียงก้าวเดียว ธีทัตก็ทำท่าว่าจะทรงตัวไม่อยู่จนต้องหาที่ยึดเกาะ “บุษช่วยค่ะ” เธอช่วยพยุงพ่อของลูกพาเขาเดินขึ้นบันไดไปส่งที่ห้องนอน ผู้หญิงคนนี้ช่างอันตรายนัก เพียงแค่กลิ่นกายหอมๆ ของ เจ้าหล่อนที่โชยมาแตะปลายจมูกก็สามารถปลุกเร้าสัญชาติดิบเขาได้อย่างน่ากลัว “ขอบคุณครับ พี่ดื่มหนักไปหน่อย เลยต้องเป็นภาระให้บุษเลย” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้เอง” เธอส่งธีทัตจนถึงเตียงแล้วหันหลังเตรียมเดินออกไปจากห้องนอนของชายหนุ่ม แต่ดันซุ่มซ่ามเดินชนโต๊ะทำงานจนข้าวของหล่นกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นห้อง “ขอโทษค่ะพี่ไนซ์ เดี๋ยวบุษเก็บให้นะคะ” เธอรีบก้มเก็บของบนพื้นขึ้นวางบนโต๊ะ เก็บไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปหยุดชะงักอยู่ที่แผ่นกระดาษซึ่งโผล่พ้นซองสีน้ำตาลออกมาเพียงนิดเดียว ‘เอกสารการยก..’ บุษบาเห็นเพียงเท่านั้น เธอไม่รู้ว่าถ้อยความต่อไปที่เขียนไว้คืออะไร แต่จำได้ว่านี่เป็นซองสีน้ำตาลซองเดียวกันกับที่ธีทัตใช้บรรจุเอกสารการโอนลอยบ้าน เพราะที่ซองมีรอยลิปสติกที่วันนั้นเธอทำเปื้อนติดอยู่ ลางสังหรณ์บางอย่างบอกให้เธอเอื้อมมือไปหยิบซองนั่นขึ้นมาแล้วดูเอกสารข้างใน ทว่ายังไม่ทันได้ทำตามความตั้งใจ ธีทัตก็คว้ามันไปเสียก่อน ดวงตาคู่คมดูตระหนกตกใจอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นการทำให้บุษบาเริ่มรู้สึกเคลือบแคลงในตัวชายหนุ่มว่าเขากำลังมีอะไรปิดบังเธออยู่ กระนั้นเจ้าหล่อนก็ไม่ได้กระโตกกระตาก หญิงสาวเก็บงำความสงสัยเอาไว้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม “ขอโทษค่า บุษนี่ซุ่มซ่ามชะมัด” เธอยิ้มให้เขาจนตาหยี “งั้นบุษไปอาบน้ำนอนก่อนนะคะ ฝันดีค่าพี่ไนซ์” ธีทัตลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าบุษบาไม่ได้มีทีท่าสงสัยอะไร “กู๊ดไนท์ครับ” โชคดีที่เธอไม่ได้จ้างแม่บ้านประจำ แต่จ้างมาทำความสะอาดเพียงแค่อาทิตย์ละวันเท่านั้น หลังจากธีทัตออกจากบ้าน ทางจึงสะดวกที่จะให้เข้าไปค้นหาบางอย่างที่พ่อของลูกซ่อนไว้ ไม่มีใครรู้ว่าเธอย้อนกลับมาที่บ้าน เธอไม่ต้องการให้ชายหนุ่มรู้เรื่องนี้ เพราะหากว่ามันไม่มีอะไร เราสองคนจะได้ไม่มีปัญหาหมางใจกันภายหลัง บุษบาหยุดยืนอยู่หน้าห้องนอนธีทัต หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดประตูเข้าไปโดยไร้ซึ่งความลังเล เธอสอดส่องสายตามองหาซองเอกสารสีน้ำตาลซองนั้น ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงา “เอาไว้ไหนของเขานะ” บนโต๊ะทำงานก็ไม่มี ที่ชั้นหนังสือก็ไม่เห็น พลันหญิงสาวก็ชะงักงันเมื่อดวงตาทั้งสองข้างเหลือบไปเห็นตู้เซฟขนาดเล็กที่มุมห้อง เจ้าหล่อนเดินตรงไปหามันทันที เธอมั่นใจเหลือเกินว่าซองเอกสารสีน้ำตาลนั่นต้องอยู่ข้างใน แล้วรหัสผ่านคืออะไร? บุษบามองตู้เซฟแล้วเครียด เธอไม่แน่ใจว่าหากกดรหัสผิดเกินสามครั้งแล้วตู้เซฟจะล็อกไหม เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องใช้กุญแจฉุกเฉินเปิด แน่นอนว่าธีทัตต้องรู้ว่าเธอแอบมาค้นห้องนอนเขา “เอาวะ!” รหัสผ่านแรกที่หญิงสาวเดาคือวันเดือนเกิดของธีทัต ซึ่งปรากฏว่าไม่ถูก รหัสผ่านที่สอง หญิงสาวลองกดเลขสี่ตัวท้ายของหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนเขา ทว่าก็ยังไม่ใช่ “หรือว่าจะเป็น..” เธอลองใส่วันเดือนเกิดของตัวเองซึ่งเป็นวันและเดือนเดียวกันกับอวัศยา ประตูตู้เซฟเด้งเปิดทันทีที่กดรหัสเสร็จ บุษบารู้สึกดีใจและขมขื่นในคราเดียวกัน ขนาดรหัสผ่าน พ่อของลูกยังใช้วันเดือนเกิดของผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่เขารัก เห็นชัดเจนหรือยังบุษบาว่าทุกลมหายใจเข้าออกของผู้ชายที่เธอรักนักรักหนานั้นมีแค่อวัศยาคนเดียวเท่านั้น ส่วนเธอ.. แค่เงาเขายังเมิน เพียงแค่ตระหนักได้ว่าธีทัตไม่เคยรักตัวเอง บุษบาก็รู้สึกเจ็บปวดทรมานจนแทบทานทนไม่ไหว ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายบีบรัดอย่างรุนแรง หากโลกนี้มียาที่กินแล้วทำให้ลืมสิ้นถึงสิ่งที่ทำให้เราซอกซ้ำก็คงดี หยาดน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ค่อยๆ ไหลรินลงมาอาบสองแก้ม ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่ร้องไห้เพราะธีทัตอีก สุดท้ายเธอก็ทำไม่สำเร็จ แต่ไม่เป็นไร แม้วันนี้ยังไม่ลืม ก็ไม่ได้แปลว่าอนาคตจะลืมไม่ได้ เธอสัญญาว่าสักวันจะลบผู้ชายคนนี้ออกจากหัวใจให้ได้ สักวัน.. หญิงสาวเช็ดน้ำใสที่ไหลเอ่อคลอเบ้าตาแล้วหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลออกมาจากตู้เซฟ หัวใจเจ้าหล่อนเต้นไม่เป็นส่ำ ด้วยกลัวว่าเอกสารที่อยู่ในมือตนนั้นจะไม่ใช่เอกสารการโอนลอยบ้าน แต่เป็นอย่างอื่น ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าคืออะไร รู้เพียงแค่ว่าสำคัญมาก เพราะไม่เช่นนั้นธีทัตคงไม่เก็บรักษาไว้อย่างดีขนาดนี้ แล้วมันคืออะไร? เจ้าหล่อนค่อยๆ ดึงเอกสารที่อยู่ในซองสีน้ำตาลออกมา พลันหัวใจก็คล้ายว่าจะหยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อดวงตาทั้งสองข้างเห็นถ้อยความบนเอกสาร หญิงสาวทรุดนั่งลงกับพื้น เธอร้องไห้ราวกับจะขาดใจตายเสียให้ได้ตรงนั้น มันเจ็บปวดมากกว่าทุกครั้งที่ถูกพ่อของลูกทำร้ายจิตใจ ความรู้สึกแตกสลายย่อยยับเมื่อได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอถูกเขาหลอกมาโดยตลอด เขาใช้ความไว้ใจที่เธอให้ไป เป็นเครื่องมือย้อนกลับมาทำร้ายตัวเธอ ทำไม! ถึงใจร้ายกับเธอได้ขนาดนี้ บุษบาสะอื้นไห้ เธอกอดเอกสารการยกสิทธิ์ในตัวบุตรไว้ราวกับว่านี่เป็นลูกที่กำลังจะถูกพรากไปจากอก หญิงสาวได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่าเธอทำผิดอะไร หรือผิดที่ไปบังอาจรักเขางั้นหรือ ธีทัตถึงไม่ให้แม้กระทั่งสิทธิ์ที่จะได้ดูแลฟูมฟักลูกของเธอเอง ในยามนี้นอกจากเจ็บปวดเสียใจกับสิ่งที่พ่อของลูกกระทำแล้ว ยังมีอีกหนึ่งความรู้สึกที่เกิดขึ้น นั่นคือโกรธแค้น โกรธที่ธีทัตคิดจะพรากลูกไปจากอก แค้นที่เขาคิดทำเช่นนี้กับเธอได้ลงคอ ทั้งที่ตลอดมา เธอทุ่มเทให้เขาทุกอย่าง คอยอยู่ข้างๆ ละทิ้งได้แม้กระทั่งอนาคตตัวเอง เพียงเพราะกลัวว่าเขาจะไม่มีใคร แล้วนี่หรือคือผลตอบแทนที่เขามอบให้กับเธอ ถ้าคิดจะเอาลูกไป ฆ่าเธอให้ตายก่อนแล้วกัน! บุษบาลุกขึ้นยืน เธอต่อสายหาพ่อของลูกทันที รอเพียงไม่นานธีทัตก็กดรับ ‘พี่ไนซ์อยู่ไหนคะ บุษมีเรื่องจะคุยด้วย’ เธอตะคอกถามเขาด้วยอารมณ์โกรธจัด เธอใส่ทุกอย่างลงไปในน้ำเสียงอย่างไม่คิดอดกลั้น พอกันที วันนี้เธอต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง ลูกต้องอยู่กับแม่ ส่วนผู้ชายชั่วๆ ที่คิดวางแผนจะพรากลูกไปจากเธอ จะไปไหนก็ไป ไสหัวออกไปจากชีวิตเธอกับลูกได้เลยยิ่งดี ‘พี่อยู่ร้านคุณเอ๋ย บุษเป็นอะไรหรือเปล่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ’ เขาเอ่ยถามเมื่อรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงบุษบาฟังดูแปลกไป ไม่อ่อนหวานเหมือนเคย ที่แท้ก็ไปขลุกอยู่ที่ร้านผู้หญิงที่เขามีเจ้าของแล้ว เธอว่าเธอหน้าด้านหน้าหนาแล้วนะที่ยังทนอยู่กับธีทัตทั้งที่รู้เต็มอกว่าชายหนุ่มไม่เคยรักเธอเลย แต่ยังมีเขาที่หน้าด้านกว่า ขนาดอวัศยามีสามีแล้ว พ่อของลูกเธอยังเทียวไปเฝ้าไม่ว่างเว้น ‘เดี๋ยวบุษไปหา เรามีเรื่องต้องคุยกัน’ เธอหยิบเอกสารแล้วเดินออกจากห้องนอนธีทัตทันที บุษบาปาเอกสารที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะตรงหน้าธีทัต เธอเอ่ยปากถามเขาอย่างไม่รีรอให้เสียเวลา “นี่มันอะไรกันคะพี่ไนซ์” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่กำลังจ้องมองผู้ชายตรงหน้า ฉายชัดว่าเจ้าของมันเจ็บปวดเพียงใด “เอกสารยกสิทธิ์ลูกให้เป็นของพ่อบ้าบอนี่มันคืออะไร!” กระดาษนับสิบแผ่นที่ธีทัตหลอกเธอว่ามันคือเอกสารการโอนลอยบ้าน แต่แท้ที่จริงไม่ใช่ นี่น่ะหรือคนที่เธอเคยไว้ใจว่าจะไม่ทำร้ายเธอ สุดท้าย.. เธอยิ่งกว่าตายทั้งเป็นเพราะเขา ธีทัตมองไปรอบๆ บริเวณ โชคดีที่ยามนี้ในร้านไม่มีลูกค้า ไม่เช่นนั้นการที่บุษบามาโวยวายคงสร้างความเสียหายให้กับร้าน อวัศยาได้ไม่มากก็น้อย “ใจเย็นๆ ก่อนบุษ ค่อยๆ คุยกัน” เขาพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่ทว่าคนที่โกรธจนไม่สนใจอะไรแล้วไม่ฟังที่ธีทัตพูดเลยสักนิด “จะให้บุษใจเย็นได้ยังไงคะ พี่นอนกับบุษจนบุษท้อง พอบุษท้อง พี่มาขอให้เราสองคนเป็นพี่น้องกัน บุษก็ยอม บุษยอมพี่ทุกอย่าง ขอแค่บุษได้อยู่กับพี่กับลูก แต่พี่กลับมาหลอกให้บุษเซ็นเอกสารบ้าๆ นี่ พี่ทำได้ยังไง ทำได้ยังไงคะ!” หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟาย ความเจ็บปวดเสียใจทำให้บุษษาคุมสติตัวเองไม่อยู่ เจ้าหล่อนมองหน้าพ่อของลูกก่อนจะหันไปหาอวัศยาที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เธอชี้นิ้วไปที่เจ้าของร้านกาแฟสาวสวยแล้วยิ้มหยัน “ที่พี่รักบุษไม่ได้ ที่พี่พยายามไล่บุษไปจากชีวิต ก็เพราะในใจพี่คิดอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมคะว่าจะตีท้ายครัวคุณเชาน์ ดีแล้วล่ะค่ะที่คุณเอ๋ยเขาเลือกคุณเชาน์ ไม่ใช่พี่ เพราะผู้ชายเลือดเย็นแบบพี่ ไม่คู่ควรกับผู้หญิงดีๆ อย่างคุณเอ๋ย” “หยุดเดียวนี้นะบุษ ที่พี่ทำทุกอย่างลงไปเพราะพี่ไม่ได้รักบุษ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเอ๋ยหรือใครทั้งนั้น ต่อให้ไม่มีคุณเอ๋ย พี่ก็ไม่มีทางรักบุษ และจะไม่มีวันเอาบุษมาเป็นแม่ของลูกพี่เด็ดขาด ไม่-มี-วัน!” ธีทัตโกรธจัดจนพูดทุกอย่างออกไปโดยไม่คิด ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายที่เดิมทีก็บอบช้ำมากพออยู่แล้ว ยามนี้มันแตกสลายย่อยยับไม่เหลือชิ้นดีเมื่อเธอได้ฟังถ้อยคำที่ออกจากปากพ่อของลูก เธอเจ็บ เจ็บเหลือเกิน เจ้าหล่อนทรุดลงนั่งบนพื้นตรงหน้าพ่อของลูกอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะหยัดยืนแล้วกรีดร้องออกมาสุดเสียง บุษบาร้องไห้ปานจะขาดใจตาย ความรู้สึกยับเยินเกินจะเยียวยา หากว่าตอนนี้ไม่มีลูกในท้อง เธอคงตัดสินใจจากลาความเจ็บปวดไปพร้อมกับลมหายใจสุดท้าย “ถ้าบุษย้อนเวลากลับไปได้ บุษขอเป็นโสเภณีในซ่องดีกว่าต้องมาอยู่กับผู้ชายใจร้ายอย่างพี่!” หนึ่งปีก่อนธีทัตฉุดเธอขึ้นมาจากซ่องโสเภณี แต่วันนี้เขากลับเป็นคนหยิบยื่นนรกบนดินให้เธอเอง ผลตอบแทนที่เธอมอบหัวใจให้เขาคือความดีปลอมๆ ที่ชายหนุ่ม เสแสร้งแกล้งทำเพราะต้องการลูกในท้องของเธอ “จากนี้ไป หัวใจบุษจะไม่มีพี่ไนซ์อีก สำหรับบุษพี่จะเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น” บุษบาลุกขึ้นก่อนจะหันหลังแล้ววิ่งหนีจากตรงนั้น เธอต้องการไปให้ไกลที่สุดจากธีทัต ทว่าสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น บุษบาถูกรถจักรยานยนต์ชนเข้าอย่างจัง ร่างของเจ้าหล่อนกระเด็นไปเกือบสองเมตร หญิงสาวยังไม่ทันได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดทางกาย ทุกอย่างก็ดับวูบลงเสียก่อน ความเจ็บปวดสิ้นสุดลงตรงนั้น บุษบาลืมสิ้นทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งว่าตัวเองชื่ออะไร.. “บุษษษ” ธีทัตรีบวิ่งไปหาแม่ของลูกซึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ข้างถนน เขาประคองศีรษะบุษบาให้นอนบนตักตัวเองแล้วพยายามเรียกหญิงสาวที่สลบไม่ได้สติ “ตื่นสิบุษ บุษษษ” ชายหนุ่มตะโกนเรียกบุษบาราวกับคนบ้า ยิ่งพอเห็นว่าที่หว่างขาเจ้าหล่อนมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา ธีทัตก็ยิ่งคลั่ง “ใครก็ได้ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ผมที ผู้หญิงคนนี้กำลังท้อง เธอกำลังท้องลูกของผม” มือหนาวางแนบบนหน้าท้องบุษบา เขาร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดอายใคร “บุษกับลูกต้องปลอดภัย ต้องปลอดภัยนะ” แม้รู้ดีแก่ใจว่าโอกาสที่ลูกในท้องจะปลอดภัยมีน้อยนัก กระนั้น ธีทัตก็ยังหวังว่าปาฏิหาริย์จะมีจริง ขอเพียงแค่สองแม่ลูกปลอดภัย จะให้แลกด้วยอะไรเขาก็ยอม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม