บทที่ 6

3128 คำ
เรื่องเมื่อตอนหัวค่ำทำให้บุษบานอนไม่หลับ แม้พยายามข่มตานอนแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นเช่นเดิม ในที่สุดหญิงสาวก็ทนไม่ไหว เธอลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปที่ระเบียงหลังห้อง สายลมโอนอ่อนที่ลอยมากระทบผิวกายและกลิ่นหอมจากดอกชมนาดที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วอาณาบริเวณทำให้ความว้าวุ่นภายในใจคล้ายว่าจะสงบขึ้นมาได้บ้าง ‘อย่าทำอย่างนี้อีก เพราะต่อให้บุษนอนกับพี่เป็นร้อยครั้ง มันก็ไม่ทำให้พี่เปลี่ยนใจมารักบุษได้หรอก จำไว้!’ ประโยคเสียดแทงหัวใจที่ธีทัตพูดตอกหน้าเธอยังคงดังก้องอยู่ในหัวราวกับม้วนเทปที่กรอซ้ำไปซ้ำมา หยาดน้ำตาที่แห้งเหือดไปนานหลายชั่วโมง ค่อยๆ หลั่งรินออกมาอีกครั้ง หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพลางคิดไปว่าหากยังมีพ่อแม่อยู่ข้างๆ ก็คงจะดี เพราะยามนี้เธอรู้สึกอ้างว้างเหลือเกิน “พ่อจ๋าแม่จ๋า หนูคิดถึงพ่อกับแม่จัง” เรียวปากอวบอิ่มระบายยิ้มบางเบาเมื่อหวนนึกถึงชีวิตในวัยเด็กของตน ช่วงเวลาเดียวของชีวิตที่พูดได้เต็มปากว่ามีความสุข เธอยังจำตักนุ่มๆ ของแม่ที่เคยหนุนนอนได้ ยังจำฝ่ามือใหญ่ของพ่อที่คอยลูบศีรษะปลอบประโลมยามลูกสาวคนนี้ร้องไห้ได้ไม่มีวันลืม “พ่อกับแม่กำลังจะมีหลานแล้วนะ หนูสัญญาว่าจะดูแลหลานของพ่อกับแม่ให้ดีที่สุด” หญิงสาวปาดน้ำตาแล้วผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เธอจะต้องอยู่อย่างไร้ธีทัตหรือมีเขาอยู่ข้างกาย เธอก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้ เธอต้องเข้มแข็งเข้าไว้ เพราะต่อจากนี้เธอต้องรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าให้ดีที่สุดในฐานะแม่ สิ่งที่ธีทัตพูดวันนี้นั้นถูกต้องทุกถ้อยคำไม่มีผิดเพี้ยน คนเขาจะรัก ต่อให้ยืนเฉยๆ เขาก็รัก แต่หากไม่รักแล้ว ต่อให้ทอดกายถวายความสาวให้เขานับพันนับหมื่นครั้ง ก็ไร้ประโยชน์ เธอเอาชีวิตและความรู้สึกตัวเองไปแขวนไว้กับคนอื่นมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่ควรจะมีชีวิตด้วยตัวเองเสียที หากต้องการเป็นสุข ก็ควรสุขด้วยตัวเอง ยามใดที่ต้องพบเจอกับความทุกข์ ก็แค่ยกสองแขนขึ้นมาแล้วโอบกอดตัวเองไว้ แล้วปล่อยให้วันเวลาพาก้าวผ่านคืนวันอันเลวร้ายไป แค่นั้น.. บุษบาปลดล็อกหน้าจอสมาร์ตโฟนเครื่องบางแล้วกดเข้า แอปพลิเคชันธนาคาร ยอดเงินในบัญชีที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอทำให้ความเหนื่อยล้าทางกายซึ่งเกิดจากการเพียรพยายามทำงานอย่างหนักหายเป็นปลิดทิ้ง แม้จะไม่ได้มากมายถึงขั้นสามารถเรียกตัวเองได้ว่าเศรษฐินี แต่มันก็มีมากพอที่จะสามารถดูแลลูกได้ในอนาคตโดยที่ไม่ต้องรอเศษเงินจากพ่อของลูก “เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาอดเอ่ยปากถามไม่ได้เมื่อเห็นสาวน้อยที่เมื่อวานยังสดใสและช่างจำนรรจาดูเงียบขรึมลงอย่างถนัดตาในเช้านี้ บุษบาเงยหน้าขึ้นจากชามข้าวต้มหมูที่พ่อของลูกเป็นคนทำให้ “เปล่าค่ะ บุษไปทำงานก่อนนะคะ” เธอไม่ได้ตั้งใจหนีหน้าเขา เธอเพียงแค่รับประทานอาหารเช้าอิ่มพอดีแค่นั้นเอง หรือว่าเป็นเพราะเรื่องที่เขาพูดกับเธอเมื่อวานงั้นหรือ? คิ้วหนาขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของบุษบา ปกติไม่ว่าเขาจะพูดจารุนแรงแค่ไหน เธอก็ไม่เป็นเช่นนี้นี่นา “เดี๋ยวก่อนสิบุษ” บุษบาที่พึ่งลุกขึ้นแล้วเดินไปได้สามก้าวหันกลับมามองเขา “เย็นนี้กินอะไรดี เดี๋ยวพี่ทำให้กิน หรือว่าบุษอยากออกไปกินข้าวนอกบ้านไหม พี่พาไป” เพราะที่ผ่านมาหากรู้สึกได้ว่าบุษบากำลัง ‘งอน’ เขาก็เพียงแค่เอาอกเอาใจหญิงสาวสักหน่อย เธอก็หายงอนแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็คงไม่แตกต่าง ยอมรับว่ารู้สึกดีกับสิ่งที่ธีทัตทำ แต่มันก็คงเป็นเหมือนทุกครั้งที่ชายหนุ่มทำให้เธอคิดว่าเขามีใจแล้วสุดท้ายมาบอกว่าไม่ได้คิดอะไร ซึ่งมันทำให้เธอเจ็บปวด เธอร้องไห้ เธอเสียใจ แม้รักเขาสุดหัวใจ แต่เธอไม่อยากพบเจอกับความรู้สึกเหล่านั้นอีกแล้ว ในเมื่อไม่รักกัน ในเมื่ออยากรับผิดชอบแค่ลูกเท่านั้น งั้นก็ต่างคนต่างใช้ชีวิตดีกว่า เกี่ยวข้องกันเฉพาะเรื่องลูกก็พอ บุษบาค่อยๆ หันหลังกลับไปมองพ่อของลูก เธอส่งยิ้มให้เขาก่อนจะขยับริมฝีปากเอื้อนเอ่ย “ขอบคุณนะคะ แต่วันนี้บุษคงกลับมาไม่ทันมื้อเย็น บุษว่าจะอยู่เคลียร์งานที่บริษัทน่ะค่ะ” คำตอบของหญิงสาวทำให้ธีทัตรู้สึกหงุดหงิด เพราะคิดว่าบุษบากำลังทำประชด “ช่วงนี้งานเยอะเหรอ หรือว่างานเร่ง พี่ไม่อยากให้บุษโหมงานหนักเลย อย่าลืมสิว่าตัวเองกำลังท้องอยู่นะ” ที่ทำทั้งหมดนี่ก็เพราะลูกในท้องของเธอหรอกนะ หากไม่มีเด็ก อย่าว่าแต่เอ่ยปากถามเลย แม้แต่หางตาเขาก็ไม่ชายตาแล “ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่บุษแค่เบื่อรถติด เลยคิดว่าอยู่ทำงานต่อที่ออฟฟิศดีกว่า รอให้ดึกๆ หน่อยค่อยกลับ แต่พี่ไนซ์ไม่ต้องห่วงนะคะ แถวออฟฟิศบุษมีร้านอาหารให้ฝากท้องเยอะแยะ รับรองว่าบุษจะดูแลตัวเองกับเจ้าตัวเล็กอย่างดีแน่นอนค่ะ” ธีทัตพยายามมองลึกเข้าไปในแววตาแม่ของลูก ชายหนุ่มพยายามค้นหาว่าเจ้าหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่ากลับพบเจอเพียงดวงตาสดใสไร้ซึ่งสิ่งใดผิดแผก แต่ทำไม.. ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันไม่ปกติ “พี่ไนซ์มีอะไรหรือเปล่าคะ” ด้วยว่าเห็นชายหนุ่มจ้องเธอตาเขม็ง จึงเอ่ยถามออกไป “หรือว่าบนหน้าบุษมีอะไรติดอยู่เหรอคะ” “เปล่า” น้ำเสียงเจ้าหล่อนฟังดูแล้วก็ยังคงสดใสเช่นเดิม หรือว่าเป็นเพราะเขาคิดมากเกินไป อืม.. ก็คงเป็นเช่นนั้นกระมัง “บุษไปทำงานเถอะ อย่าโหมงานหนักนักล่ะ” หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะก้าวขาเดินออกจากบ้าน เธอเผยรอยยิ้มบางๆ เมื่อพ้นสายตาธีทัต วันนี้นับเป็นก้าวแรกที่ดีที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างเงียบๆ ค่อยๆ คลายหัวใจที่ผูกติดกับผู้ชายคนนั้นออกทีละนิด แล้วสักวันเธอคงได้เป็นอิสระอย่างที่วาดหวังเอาไว้ หนึ่งวินาทีที่ผันผ่านไป สามารถเปลี่ยนความรู้สึกคนเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากที่เคยทุรนทุรายเพราะผู้ชายคนนั้น เวลานี้หัวใจกลับสงบขึ้นอย่างประหลาด เพียงเพราะประโยคเดียวที่ธีทัตพูดตอกหน้าว่าต่อให้เธอนอนกับเขานับพันครั้ง ก็ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มรักเธอขึ้นมาได้ เพียงประโยคเดียวที่ออกจากปาก ทำให้เธอคิดได้ว่าถึงเวลาที่จะเลิกหลอกตัวเองได้แล้ว เขาไม่เคยรักเธอ ไม่เลย.. แม้ความจริงที่พยายามวิ่งหนีมาตลอดจะทำให้เจ็บปวด แต่มันก็คือความจริง ความจริงที่ว่าธีทัตไม่เคยรักเธอ แม้เพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ของหัวใจ ชายหนุ่มก็ไม่อาจมอบให้เธอได้ หัวใจเขามีเพียงอวัศยา เขารักผู้หญิงคนนั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอควรทำไม่ใช่การรอคอยอย่างไร้จุดหมาย สิ่งที่หวังไว้ว่าสักวันอาจจะเกิดขึ้น แท้ที่จริงแล้วเป็นแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ “วันนี้แต่งหน้าซะสวยเชียวนะ” ลิลลี่เอ่ยแซวเพื่อนรุ่นน้องคนสนิทเมื่อก้าวขาเข้ามาในแผนกแล้วสองตากระทบกับใบหน้าหวานจิ้มลิ้ม เธอมองบุษบาที่วันนี้ดูสวยผิดหูผิดตาแล้วยกแขนขึ้นกอดอกมองพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง “เป๊ะตั้งแต่ปลายเส้นผมยันเล็บขบที่นิ้วเท้า นี่แกกินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่าวะ ปกติคิ้วยังไม่ค่อยเขียน แต่วันนี้เป๊ะเชียวนะจ๊ะ” บุษบาคลี่รอยยิ้มหวานบาดใจส่งให้เจ้าของประโยคเมื่อครู่ “แหมเจ้ คนเรามันก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างปะ แล้วอีกอย่างวันนี้ก็มีประชุมด้วย หนูก็อยากหน้าเป๊ะๆ ไปให้หนุ่มๆ แผนกอื่นเห็น เผื่อได้ผู้กับเขาบ้างไง” แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าประโยคเมื่อครู่หลุดมาจากปากบุษบาจริงๆ “ฮ้ะ! แกว่าอะไรนะยัยบุษ” ลิลลี่ยกมือทาบอก “เมื่อกี้แกบอกว่าจะไปอ่อยผู้งั้นเหรอ แล้วอีตาคุณไนซ์ของแกล่ะ แกไม่รักไม่เทิดทูนพ่อทูนหัวของแกแล้วเหรอ” “รักสิเจ้ รักมากเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือคิดได้ว่าควรรักตัวเองด้วย และที่สำคัญคนที่หนูควรรักมากกว่าตัวเองและพี่ไนซ์ก็คือคนนี้” บุษบาก้มมองหน้าท้องตัวเอง “เจ้าตัวเล็กของหนู” ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้บุษบาคิดได้ แต่เธอในฐานะเพื่อนนั้นรู้สึกยินดีเหลือเกินกับสิ่งที่ได้ยิน “เจ้ดีใจนะที่เห็นแกคิดแบบนี้ รักตัวเอง รักลูกในท้อง ก็ต้องลองเปิดใจรับคนอื่นเข้ามาด้วยนะ อายุยังน้อยแบบแก อย่าพึ่งปิดกั้นโอกาสตัวเองเลย” หากว่าเพื่อนรุ่นน้องและพ่อของลูกเจ้าหล่อนรักกันเหนี่ยวแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เธอจะไม่เอ่ยปากพูดเรื่องนี้เลย แต่นี่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าธีทัตคิดเช่นไรกับบุษบา แม้เป็นสาวน้อยที่พึ่งอายุเพียงยี่สิบสี่ปี แต่ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ทำให้บุษบารู้สึกหวาดกลัวความรัก หญิงสาวไม่ต้องการพบเจอความเสียใจที่เกิดจากการจากลาอีกแล้ว เธอไม่อยากเอาหัวใจไปผูกไว้ที่ใคร สิ่งเดียวที่ต้องการคือเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ “ไม่เอาหรอกเจ้ หนูอยู่กับลูกสองคนดีกว่า เอาจริงๆ นะเจ้ หนูไม่อยากให้เกิดปัญหาพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยง แล้วอีกอย่างหนูก็กลัวความผิดหวัง หนูรู้ดีว่าเวลาที่เรารักใครสักคนแล้วเขาเห็นเราเป็นแค่ไรฝุ่นใต้ฝ่าเท้าเขามันเจ็บแค่ไหน หนูไม่อยากพบเจอกับความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้วเจ้ ต่อจากนี้ไปหนูจะตั้งใจทำงาน เก็บเงินเยอะๆ เพราะสักวันพี่ไนซ์เขาต้องมีครอบครัวเป็นของเขาเอง ส่วนหนูกับลูกก็ต้องอยู่ให้ได้เหมือนกันถ้าวันนั้นมาถึง” “แกรู้ตัวไหมว่าแกเข้มแข็งแล้วก็โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยนะบุษ” ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มบางเบา “จะไม่ให้หนูเข้มแข็งได้ไงล่ะเจ้ หนูเป็นแม่คนแล้วนะ” “การที่แกมีลูกก็เปลี่ยนแกได้เยอะเหมือนกันเนอะบุษ แต่ก่อนเห็นหายใจเข้าก็พี่ไนซ์ หายใจออกก็พี่ไนซ์” นึกย้อนกลับไปแล้วก็รู้สึกตลกตัวเองชะมัด เธอเป็นอย่างที่ลิลลี่พูดไม่มีผิดเพี้ยน ทุกลมหายใจเข้าออกมีแต่ธีทัต ทุ่มเทให้เขาทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่เคยเห็นค่า กลับกลายเป็นว่าเห็นเธอเป็นตัวน่ารำคาญแทนเสียนี่ “ก็แต่ก่อนหนูมีแต่เขานี่เจ้ เจ้ก็รู้ว่าหนูเหลือตัวคนเดียว พ่อแม่ก็เสียหมดแล้ว คนในครอบครัวหนูก็เหลือแต่พี่ไนซ์ แต่มีแค่หนูคนเดียวนะที่เห็นเขาเป็นครอบครัว พี่ไนซ์คงไม่คิดอย่างนั้นหรอก” อย่าว่าแต่เห็นเป็นคนในครอบครัวเลย ในสายตาเขาคงมองเธอไร้ค่าเสียยิ่งกว่าฝุ่นละอองที่ลอยละล่องอยู่ในอากาศ ลิลลี่บีบไหล่ให้กำลังใจเพื่อนรุ่นน้อง “เอาน่า สักวันเราจะเจอคนที่พอดีกับเรา เจ้เชื่อนะว่าแกต้องเจอ ถึงแม้ว่าแกจะบอกว่าไม่อยากมีความรักอีกก็ตาม” เธอพูดพลางปรายตามอง ‘กฤต’ และอรุณที่พึ่งเดินเข้ามาในแผนกพร้อมกัน “สวัสดีค่ะบอส มาถึงแผนกการตลาด มีอะไรให้พวกเรารับใช้หรือเปล่าคะ” “มีเรื่องจะคุยกับสาวๆ ที่แผนกนี้นิดหน่อยน่ะครับ” กฤตยิ้มให้ภรรยาของเพื่อนสนิทก่อนจะเลื่อนสายตามาหยุดที่เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้ม “สวัสดีครับคุณบุษ” “สวัสดียามเช้าค่ะบอส” ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของพ่อหม้ายลูกหนึ่งเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อได้รับรอยยิ้มหวานๆ จากสาวน้อยนามว่าบุษบา เขาถูกตาต้องใจผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่ได้พบหน้าครั้งแรก ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการแอบมองอยู่ห่างๆ เพราะเข้าใจว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว และที่สำคัญทั้งคู่กำลังจะมีโซ่ทองคล้องใจด้วยกันอีกต่างหาก แม้จะอกหักดังเป๊าะตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลงสนามแข่ง กระนั้นก็รู้สึกยินดียิ่งกับเรื่องที่หญิงสาวกำลังจะมีลูก “นมสดอุ่นๆ กับแซนด์วิชครับ ผมซื้อมาฝาก” กฤตวางแก้วใส่นมอุ่นกับแซนด์วิชลงบนโต๊ะทำงานบุษบา “คนท้องต้องบำรุงเยอะๆ นะครับ ลูกจะได้แข็งแรง” “ขอบคุณค่ะบอส วันหลังไม่ต้องซื้ออะไรมาฝากบุษแล้วนะคะ บุษเกรงใจ” กฤตมักแวะเวียนมาที่แผนกและเอาขนมกับนมมาฝากเธอเสมอ แม้จะไม่ทุกวัน แต่ก็ค่อนข้างถี่พอสมควร โดยแต่ละครั้งเขาก็มักจะมีเหตุผลมาอ้างเสมอ “ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย คิดซะว่าเป็นสวัสดิการจากผู้บริหารให้พนักงานก็ได้ครับ” สวัสดิการพิเศษเฉพาะพนักงานที่ชื่อบุษบาคนเดียวเท่านั้น.. หญิงสาวอมยิ้ม แก้มป่องขึ้นสีแดงระเรื่อฟ้องสิ่งที่เจ้าหล่อนกำลังรู้สึก แม้ไม่ได้คิดกับกฤตเกินเลยไปมากกว่าเจ้านาย กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกเขินอยู่เหมือนกัน ก็แหม.. รู้อยู่เต็มอกนี่นาว่าผู้ชายเขาคิดยังไงกับตัวเอง “วันหลังไม่รบกวนแล้วนะคะ เดี๋ยวพนักงานคนอื่นๆ ที่ไม่ได้สวัสดิการพิเศษอย่างบุษจะน้อยใจเอาได้นะคะ” ท่านประธานหนุ่มเพียงแค่ยิ้ม เขาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่ในเช้าวันนี้ “เลขาฯ ผมพึ่งยื่นใบลาออก เธอต้องย้ายตามสามีไปอยู่ต่างประเทศ ตอนนี้ผมกำลังหาเลขาฯ คนใหม่ คุณบุษสนใจเปลี่ยนตำแหน่งไหมครับ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนตำแหน่งนะ เงินเดือนก็เพิ่มขึ้นด้วย” เขาชอบบุษบาก็จริง แต่ที่ต้องการให้หญิงสาวมาเป็นเลขานุการให้ หาใช่เพราะเสน่หาส่วนตัวไม่ ทว่าเพราะคุณสมบัติเจ้าหล่อนต่างหาก แม้กังวลเรื่องที่ตัวเองไม่มีประสบการณ์การทำงานเป็นเลขานุการ กระนั้นก็ไม่คิดปฏิเสธโอกาสที่เข้ามา “บุษไม่มีประสบการณ์เลยนะคะ พึ่งจบใหม่ด้วย แต่จะพยายามทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดค่ะ” “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ คุณมิ้งทำงานถึงเดือนหน้า ยังเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งเดือน ถ้าคุณบุษตกลงที่จะเป็นเลขาฯ ให้ผม ก็ให้มิ้งเริ่มสอนงานให้เลย ผมมั่นใจว่าคุณทำได้ ผมเห็นโปรไฟล์คุณบุษแล้ว เรียนจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหา’ ลัยอันดับต้นๆ ของประเทศ สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ จีน และเยอรมันได้เป็นอย่างดี ตอนที่กำลังเรียนปริญญาตรี คุณเป็นดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งฟรีแลนซ์ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำธุรกิจด้านอุตสาหกรรมเครื่องประดับและอัญมณี แถมยังมีผลงานชิ้นโบแดงคือการเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดให้กับบริษัทนั้นจนสามารถตีตลาดในโซนยุโรปได้สำเร็จ หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรี บริษัทได้เสนอทุนให้คุณไปเรียนต่อปริญญาโทและเอกที่อังกฤษ แต่คุณบุษปฏิเสธ ปัจจุบันคุณก็ยังทำงานให้อวัศกรุ๊ปในฐานะที่ปรึกษาด้านการตลาดฟรีแลนซ์” ข้อมูลเหล่านี้บุษบาไม่ได้ระบุลงในโปรไฟล์ที่ใช้สมัครงานกับทางบริษัทเขา “คุณกฤตรู้ได้ยังไงเหรอคะ” เธอมั่นใจว่าเธอไม่ได้ใส่ข้อมูลที่กฤตพูดมาลงในใบสมัครงานแน่นอน “สืบได้ไม่ยากหรอกครับ” บุษบายื่นสมัครงานบริษัทเขาในตำแหน่งเล็กๆ โดยที่ไม่ได้ใส่ผลงานและความสามารถอื่นของตัวเองลงในใบสมัคร ทั้งๆ ที่โปรไฟล์ระดับนี้สามารถเข้าทำงานบริษัทยักษ์ใหญ่ในตำแหน่งสูงๆ ได้สบาย “แต่จากข้อมูลของคุณที่ผมให้คนไปสืบมา มีบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ มันอาจจะดูละลาบละล้วงสักหน่อย แต่ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณต้องทำงานเป็นฟรีแลนซ์ให้บริษัทคุณหญิง แพรพลอย ทำไมไม่เข้าทำงานแบบเต็มตัวไปเลย ทั้งๆ ที่คุณกับลูกชายคุณหญิงแพรพลอยก็เป็นสามีภรรยากัน คุณน่าจะช่วยเขาบริหารงานนะ” ข้อมูลที่กฤตได้มาถูกต้องเพียงบางส่วนเท่านั้น “บุษเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดให้กับบริษัทของคุณหญิง แพรพลอยจริงค่ะ แล้วเรื่องที่ว่าทำไมบุษไม่เข้าทำงานที่อัศวกรุ๊ป เรื่องนี้เป็นเหตุผลส่วนตัวที่บุษไม่สามารถอธิบายให้ใครฟังได้จริงๆ แต่บุษรับ รองนะคะว่าจะไม่กระทบกับการทำงานประจำแน่นอน” ส่วนเรื่องทุนการศึกษาที่ทางคุณหญิงแพรพลอยเสนอให้ บุษบาไม่ได้ปฏิเสธไม่รับทุน เพียงแค่ขอเลื่อนเวลาออกไปเท่านั้น ด้วยว่ายังมีอะไรบางอย่างที่เธอต้องจัดการให้เรียบร้อยเสียก่อน และเธอกับธีทัตหาใช่สามีภรรยากันไม่ เธอมันก็แค่ของตายดิ้นได้ที่ชายหนุ่มมีไว้ระบายอารมณ์เท่านั้น เท่านั้น.. จริงๆ กฤตพยักหน้าเล็กน้อย “เรื่องนั้นคุณบุษไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรครับ แต่คุณบุษรับปากผมนะว่าจะมาเป็นเลขาฯ ให้ผม” คิดไม่ออกเลยว่าทางอัศวกรุ๊ปปล่อยให้เพชรน้ำงามหลุดมือมาได้ยังไง แต่เขาไม่มีทางปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้นแน่นอน หากกฤตมั่นใจว่าเธอมีความสามารถพอที่จะทำงานเป็นเลขานุการให้เขาได้ เธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธ “ได้ค่ะบอส”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม