บทที่ 5

4112 คำ
“บุษเลือกห้องนี้เป็นห้องลูกของเราดีไหมคะพี่ไนซ์” เธอหันไปถามธีทัตที่เดินตามหลังมาติดๆ “ดีนะ ห้องนี้แดดไม่ส่องด้วย” ชายหนุ่มออกความเห็น ทว่าอันนี้ที่จริงบุษบาจะให้ ‘ลูกของเขา’ อยู่ห้องไหนก็ไม่สำคัญ เพราะเด็กจะอยู่กับบุษบาแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น หลังจากที่ลูกไม่ต้องการนมจากแม่แล้ว เขาจะพาลูกไปจากหญิงสาวทันที บ้านหลังนี้จะมีเธออยู่แค่คนเดียว คนที่ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองยิ้มร่า บุษบาเดินเข้าไปในห้องที่ตั้งใจจะใช้เป็นห้องนอนลูก เธอแอบเสียดายเล็กน้อยที่ห้องถูกตกแต่งไว้อย่างดีแล้ว เพราะหญิงสาวอยากลงมือตกแต่งห้องให้ลูกด้วยตัวเอง “ถ้าเป็นห้องโล่งๆ ก็คงจะดี” “หืม.. ทำไมเหรอ” “บุษอยากแต่งห้องให้ลูกเองน่ะค่ะ” ปัญหานี้สำหรับธีทัตแล้วแก้ไขไม่ยากเลยสักนิด “ถ้าบุษอยากแต่งห้องใหม่ เดี๋ยวพี่ให้คนมารื้อบิ้วอินพวกนี้ทิ้ง” ดวงตาคู่หวานเบิกโพลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น “จะบ้าเหรอพี่ไนซ์! ของยังใหม่ๆ อยู่เลย ไม่เอาหรอกบุษเสียดาย” หญิงสาวส่ายหน้ารัว “จะเสียดายทำไม ของพวกนี้แค่ไม่กี่ตังค์หรอก” มันก็แค่ ‘เศษเงิน’ สำหรับธีทัต หากสามารถซื้อความสุขเล็กๆ น้อยๆ ให้เจ้าหล่อนได้ ชายหนุ่มก็ไม่ลังเลที่จะจ่าย ถือเสียว่าเป็นการปลอบโยนความเสียใจล่วงหน้าก่อนที่เขาจะพาลูกไปจากอ้อมอกเธอ ไม่กี่ตังค์ของเขา น่าจะเท่าเงินเดือนของเธอทั้งปีเลยกระมัง “อย่ารื้อเลยค่ะ บุษเสียดาย เดี๋ยวบุษตกแต่งเพิ่มก็ได้” ธีทัตพยักหน้า “งั้นก็ตามใจ” “แต่จริงๆ บุษก็ยังไม่รู้เลยนะคะว่าจะแต่งห้องนอนให้ลูกแบบไหนดี เพราะยังไม่รู้ว่าลูกของเราจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” เธอพูดไปยิ้มไป นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มพราวระยับ ฉายชัดว่ายามนี้บุษบามีความสุขมากเพียงใด “พี่ไนซ์รู้ไหมคะว่าตอนแรกที่บุษรู้ว่าตัวเองท้อง บุษเครียดมาก บุษกลัวว่าจะรับผิดชอบชีวิตลูกไม่ได้ แต่ตอนนี้บุษกลับไม่คิดอย่างนั้นแล้ว ลูกทำให้บุษมีแรงสู้ ไม่ว่าวันข้างหน้าบุษต้องเจอกับอะไร บุษก็ไม่กลัวทั้งนั้น เพราะบุษมีลูกเป็นกำลังใจ ลูกเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตบุษ ลูกทำให้บุษรู้สึกว่าบุษไม่ได้ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ บุษจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด จะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขา จะเฝ้าดูลูกเติบโตไปเรื่อยๆ แค่คิดก็มีความสุขแล้วค่ะพี่ไนซ์” แม่จากบุษบาไปตั้งแต่เธออายุแปดขวบ แม้จะยังเด็กมาก กระนั้นก็จำความอบอุ่นที่ได้รับจากอ้อมอกแม่ได้ไม่มีวันลืม ชีวิตในวัยเด็กของหญิงสาวไม่แตกต่างจากเด็กวัยเดียวกันที่มาจากครอบครัวฐานะปานกลาง คือมีความสุขตามอัตภาพ แม้รู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าหล่อนฝันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ไม่คิดจะเอ่ยคำใดให้หญิงสาวได้รู้ตัวในยามนี้ มีเพียงรอยยิ้มบางเบาและสายตาสมเพชเวทนาที่เขามอบให้บุษบา ทว่าประโยคต่อมาของบุษบาทำให้ผู้ชายเลือดเย็นอย่างธีทัตถึงกับชะงักงัน “ถ้าวันนี้พ่อแม่ยังอยู่กับบุษก็คงจะดี บุษคิดถึงท่านทั้งสองจังเลยค่ะพี่ไนซ์ แต่ถึงแม้ว่าพ่อกับแม่จะจากบุษไปนานแล้ว บุษก็ยังจำเรื่องราวต่างๆ ของพวกท่านได้ขึ้นใจเลยนะคะ แม่บุษเสียตั้งแต่บุษยังเด็กๆ บุษจำได้ว่าแม่เป็นผู้หญิงอ่อนหวาน ใจดี ท่านมักสอนสิ่งดีๆ ให้บุษเสมอ ส่วนพ่อ..” แม้พ่อจะแต่งงานใหม่ แต่นั่นก็เพราะคิดว่าผู้หญิงที่รับเข้ามาในครอบครัวจะช่วยดูแลเธอได้ ถึงแม้ว่าท่านจะคิดผิด แต่ไม่เคยมีสักเสี้ยวความคิดที่เธอคิดจะโทษว่าเป็นความผิดพ่อที่ทำให้เธอต้องมาพบเจอกับเรื่องเลวร้ายตลอดระยะเวลาหลายปี “พ่อบุษเป็นคนเข้มแข็ง ท่านพยายามดูแลบุษอย่างดีมาโดยตลอด หาเงินมาจุนเจือครอบครัว แต่พอบุษเรียนจบมอหก อุบัติเหตุก็พรากพ่อไปจากบุษอีกคน ชีวิตบุษไม่เหลือใคร อ้อ! ไม่สิ บุษมีแม่เลี้ยงกับลูกสาวของแม่เลี้ยง” แววตาของบุษบาเต็มไปด้วยโทสะเมื่อนึกถึงสองคนนั้น “หลังจากที่งานศพพ่อเรียบร้อย แม่เลี้ยงที่พ่อไว้วางใจให้ดูแลบุษก็รีบตีราคาสมบัติทุกชิ้นที่พ่อทิ้งไว้ให้ทันที” เธอเจ็บปวดจนไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ “ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกสาวของพ่ออย่างบุษ แม่เลี้ยงเอาบุษไปขายที่ซ่องโสเภณีในราคาห้าหมื่นบาท แม่เล้าบอกบุษว่าค่าตัวบุษจะแพงหน่อยเพราะตอนนั้นบุษยังบริสุทธิ์ แต่บุษจะได้เงินหลังจากที่นอนกับแขกครบสิบคน เพราะแม่เล้าต้องหักเงินค่าตัวบุษที่จ่ายให้แม่เลี้ยงล่วงหน้าไปห้าหมื่นจนครบก่อน” เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ตอนนั้นที่ตัดสินใจซื้อตัวบุษบาจากแม่เล้าเพราะรู้สึกได้ว่าหญิงสาวไม่ยินยอมที่จะใช้เนื้อหนังแลกเงิน และเจ้าหล่อนน่าสงสาร แต่ก็ไม่เคยถามว่าทำไมถึงได้ตัดสินใจทำอาชีพนี้ เขาถามเพียงแค่ว่าเธอยังอยากทำมันต่อไหม เมื่อเธอตอบว่า ‘ไม่’ เขาก็ตัดสินใจจ่ายเงินเพื่อซื้อตัวบุษบาออกมาจากที่นั่นทันที “ทำไมบุษไม่เคยเล่าให้พี่ฟัง” ดวงตากลมโตที่เคยสุกใสราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ยามนี้ ร้าวรอนจนคนมองรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย เขาไม่คิดเลยว่าชีวิตในอดีตของเจ้าหล่อนจะน่าสงสารถึงเพียงนี้ เพราะบุษบาที่เขารู้จักเป็นผู้หญิงสดใส และมักมองโลกในแง่บวกเสมอ “บุษไม่อยากให้ใครต้องมาสมเพชบุษ อีกอย่างเรื่องมันก็ผ่านไปแล้วด้วย” “แล้วทำไมบุษถึงเล่าให้พี่ฟังล่ะ” รอยยิ้มบางเบาผุดพรายขึ้นบนใบหน้าจิ้มลิ้ม บุษบามองเขาด้วยสายตาที่ลึกซึ้งไร้ซึ่งวี่แววเคลือบแคลงสงสัย เพราะเธอวางใจและเชื่อใจในตัวชายหนุ่มกระมัง “บุษไม่อยากแบกทุกอย่างไว้คนเดียวอีกแล้ว บุษอยากเล่าอยากระบายให้ใครสักคนที่บุษไว้ใจฟัง ซึ่งคนคนนั้นก็คือพี่ไนซ์ไงคะ” หลังจากที่สูญเสียพ่อ เธอก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลก จนกระทั่งได้มาเจอธีทัต ผู้ชายที่ฉุดเธอขึ้นมาจากซ่องโสเภณีที่เป็นยิ่งกว่าขุมนรก “ถ้าวันนั้นพี่ไนซ์ไม่ช่วยบุษออกมา บุษก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ชีวิตบุษจะเป็นยังไง ชีวิตบุษเป็นของพี่ไนซ์ ไม่ว่าพี่จะให้บุษอยู่กับพี่ในฐานะอะไร บุษก็ไม่สนใจอีกแล้ว บุษขอแค่บุษได้อยู่กับพี่กับลูกก็พอ” ขอแค่ได้อยู่กับเขากับลูกงั้นหรือ.. ถึงบุษบาจะน่าสงสารมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถมอบสิ่งที่หญิงสาวต้องการให้เธอได้ คำขอของเธอมันมากเกินไป “ต่อไปนี้พี่จะมอบทุกอย่างให้บุษ บุษจะไม่น้อยหน้าใคร บุษจะเป็นผู้หญิงที่มีทุกอย่าง ทั้งบ้าน รถ เงินทอง จะไม่มีใครมาทำกับบุษอย่างในอดีตได้อีก” บุษบาจะมีทุกอย่างที่เจ้าหล่อนสมควรต้องมี ยกเว้น.. ลูก บุษบาจะไม่มีมลทินใดๆ ติดตัว เขาจะฟอกเธอจนขาวสะอาด ไร้ซึ่งจุดด่างพร้อย และจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเธอ ทั้งฐานะ หน้าที่การงาน บ้าน รถ เธอจะมีทุกอย่างที่สมควรมี และหากเป็นไปได้ เขานี่แหละจะหาผู้ชายดีๆ ที่คู่ควรให้เธอเอง ของนอกกายพวกนั้นเธอไม่อยากได้ สิ่งเดียวที่หญิงสาวต้องการก็คือการที่ได้เห็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักความอบอุ่น มีพ่อและแม่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา เธอจะไม่เรียกร้องสถานะหรืออะไรจากธีทัตอีกแล้ว ขอเพียงแค่เขารักลูกมากๆ ก็พอ “สวัสดีค่ะคุณไนซ์” ธีทัตยิ้มให้อวัศยา เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งเพื่อไปเลื่อนเก้าอี้ตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามให้หญิงสาว “ใกล้คลอดแล้วใช่ไหมครับคุณเอ๋ย” เขาเอ่ยพูดกับหญิงสาวพลางเลื่อนสายตาลงมองที่หน้าท้องป่องนูนของเธอ ภายในใจรู้สึกปวดแปลบเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าอวัศยากำลังตั้งท้องลูกของผู้ชายที่เธอรัก ส่วนเขา.. พลาดทำผู้หญิงที่ไม่เคยคิดอยากได้มาเป็นแม่ของลูกท้อง “ใช่ค่ะ อีกสองวีกก็ครบกำหนดคลอดแล้ว” กระนั้นแม้ไม่ได้ครองคู่กับคนที่รัก ทว่าขอเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มและแววตามีความสุขของหญิงสาว เขาก็ดีใจแล้ว “ยินดีล่วงหน้าเลยนะครับคุณเอ๋ย” “ขอบคุณมากๆ ค่ะคุณไนซ์” อวัศยายิ้มให้ผู้ชายตรง “ยิ่งใกล้คลอดเอ๋ยก็ยิ่งตื่นเต้นค่ะ อยากเห็นหน้าลูกไวๆ ตอนนี้เอ๋ยก็พยายามสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน ขอให้การคลอดผ่านพ้นไปด้วยดี แล้วก็ขอให้ลูกแข็งแรงปลอดภัย” หญิงสาวลูบพุงโตๆ ของตัวเองอย่างมีความสุข อีกไม่นานก็ถึงวันที่เธอรอคอยแล้ว วันที่จะได้เห็นหน้าลูก แววตาของอวัศยาทำใหธีทัตชะงัก เธอดูมีความสุขมากเมื่อพูดถึงลูกในท้อง มันเหมือนกับบุษบายามที่เจ้าหล่อนพูดเรื่องลูกไม่มีผิดเพี้ยน “คุณไนซ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เธอเอ่ยปากถามเมื่อเห็นว่าจู่ๆ ธีทัตก็เงียบไป แถมคิ้วทั้งสองข้างของชายหนุ่มยังขมวดมุ่นเข้าหากันราวกับว่าตัวเขานั้นกำลังมีเรื่องที่คิดไม่ตก “เปล่าหรอกครับ ผมเห็นคุณเอ๋ยท่าทางดูมีความสุขมากตอนที่พูดถึงลูก ทำให้ผมนึกถึงผู้หญิงที่ผมรู้จัก ตอนนี้เธอเองก็กำลังตั้งท้องเหมือนกัน ทุกครั้งที่เธอพูดเรื่องลูกให้ผมฟัง เธอดูมีความสุขมากเหมือนคุณเอ๋ยตอนนี้เลยครับ” ความสุขที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถหาอะไรมาเทียบเคียงได้ของผู้หญิงคนหนึ่งก็คือการได้ทำหน้าที่แม่ แต่ก่อนแม้รู้ว่าพ่อแม่รักมากแค่ไหน แต่ก็เพียงแค่รู้ ไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งเหมือนเช่นทุกวันนี้ พอมีลูกจึงทำให้เธอได้เข้าใจถ่องแท้ว่าความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกเป็นเช่นไร “ไว้คุณไนซ์มีลูกเมื่อไหร่ คุณไนซ์ก็จะเข้าใจความรู้สึกของเอ๋ยกับผู้หญิงที่คุณไนซ์รู้จักเองแหละค่ะ” เธอพูดออกไปโดยไม่ได้สังเกตท่าทางของผู้ฟัง ธีทัตชะงักงันเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เหรอครับ” “ใช่ค่ะ แต่ก่อนเอ๋ยก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าตัวเองมีลูกแล้วจะเป็นยังไง เคยคิดว่าไม่อยากมีด้วยนะคะ เพราะกลัวจะรับผิดชอบไม่ไหว กลัวเลี้ยงเขาไม่ดีพอ แต่ตอนนี้เอ๋ยไม่กลัวแล้วค่ะ มีความสุขมากกว่า” ไม่รู้ทำไมยิ่งได้ฟังที่อวัศยาพูด เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่ ใช่ว่าไม่ยินดีที่เลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองกำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่เพราะติดปัญหาเรื่องแม่ของเด็ก หากว่าลูกมาเกิดในท้องผู้หญิงที่เขารักก็คงดีกว่านี้ แม้ไม่ใช่ผู้หญิงตรงหน้า แต่ก็ไม่น่าพลาดมาเกิดกับบุษบาเลย “แล้วน้องบุษเป็นยังไงบ้างคะ สบายดีไหม” “สบายดีครับ” เขาเคยพาบุษบามาที่นี่และแนะนำให้สองสามีภรรยารู้จักเจ้าหล่อนในฐานะ ‘ผู้หญิงของเขา’ ด้วยว่าต้องการให้ณภัทรสบายใจว่าเขาตัดใจจากอวัศยาได้แล้วจริงๆ คงมีแค่เรื่องนี้กระมังที่ผู้หญิงคนนั้นพอมีประโยชน์กับชีวิตเขาบ้าง “ว่างๆ ก็ชวนน้องบุษมาดื่มกาแฟด้วยกันสิคะคุณไนซ์ น้องบุษคุยสนุกดี เอ๋ยชอบ คราวก่อนเห็นน้องบอกว่าอยากเรียนทำเค้กกับเอ๋ยเพราะอยากหาอาชีพเสริม น้องขยันมากเลยนะคะ ขยันเหมือนคุณไนซ์เลย” และเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน “บุษบอกแบบนั้นเหรอครับ” แต่ที่รู้คือนอกจากบุษบาจะทำงานประจำแล้ว เจ้าหล่อนยังขายของออนไลน์ด้วย ทำแค่สองอย่างก็แทบไม่มีเวลาแล้ว แล้วยังจะมาเรียนทำขนมกับอวัศยาเพิ่มอีก ไม่เข้าใจเลยว่าแม่คุณเขาเดือดร้อนเรื่องเงินอะไรหนักหนา ทั้งๆ ที่แค่เอ่ยปากขอจากเขาคำเดียว จะกี่บาทเขาก็พร้อมให้อยู่แล้ว “ใช่ค่ะ แฟนคุณไนซ์ทั้งสวยทั้งเก่ง แถมขยันอีกด้วย คุณไนซ์นี่ตาแหลมนะคะ เลือกแฟนเก่งจริงๆ” แฟนงั้นหรือ.. ฮึ! อย่างยัยเด็กนั่นแค่ของเล่นบนเตียงที่เขาเอาไว้ใช้บำบัดความใคร่เท่านั้นแหละ ริมฝีปากบางหยักยิ้มหยันเมื่อนึกถึงผู้หญิงที่ชื่อบุษบา เขาไม่เข้าใจเลยว่าเจ้าหล่อนจะหาเรื่องให้ตัวเองลำบากไปทำไม ในเมื่อมันมีวิธีหาเงินที่ง่ายกว่านั้น เพียงแค่เธอเอ่ยปากกับเขาคำเดียว ไม่ว่าจะเท่าไหร่เขาก็พร้อมจ่าย “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมเองก็พึ่งรู้จากคุณเอ๋ยนี่แหละว่าบุษอยากเรียนทำขนม แต่เขาคงไม่มีเวลาหรอกครับ เพราะเลิกงานก็มานั่งขายของออนไลน์อีก” “น้องบุษขยันมากเลยค่ะ” อวัศยานึกชื่นชมจากใจจริง “เอ๋ยเห็นน้องบุษแล้วรู้สึกเหมือนเอ๋ยเห็นตัวเองในอดีตเลยค่ะคุณไนซ์” อวัศยานึกถึงอดีตของตน ผู้หญิงที่พึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยได้เพียงไม่กี่ปี ก้มหน้าก้มตาทำงานเร่งสร้างฐานะ เพราะอยากให้ชีวิตตัวเองมั่นคง ซึ่งแน่นอนว่าความพยายามมักไม่ทรยศใคร ในที่สุดเธอก็สามารถยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น ทุกอย่างที่สร้างขึ้นด้วยสองมือซึ่งเป็นของเราอย่างแท้จริง ทำให้เธอกล้าลุกขึ้นมาทวงเกียรติ ทวงศักดิ์ศรี และทวงอิสระให้ตัวเอง หากว่าตอนนั้นชีวิตเหมือนดังนิยายคือหย่ากับผัวแต่ดันมีลูกติดท้องมาด้วยก็ไม่กลัว เพราะมีปัญญาเลี้ยงลูกได้ ส่วนพ่อของลูกที่มีความประพฤติชั่วช้า เธอคงไม่ต้องการ ยอมรับอยู่หรอกว่าบุษบาขยันมาก แต่ก็ไม่เห็นว่าความขยันของหญิงสาวจะทำให้เธอมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาสักอย่าง แตกต่างจากอวัศยาที่สามารถทำให้ร้านกาแฟเล็กๆ เป็นที่รู้จักได้ในวงกว้าง แถมกิจการก็โตวันโตคืนอีกด้วย “บุษไม่เก่งเท่าคุณเอ๋ยหรอกครับ ยังห่างชั้นกันเยอะเลย” “หืม.. ทำไมถึงว่าอย่างนั้นล่ะคะ” “ผมเห็นบุษขายของออนไลน์มาตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง” บ้าน รถ ก็มาจากเขาทั้งนั้น “ที่คุณไนซ์หมายถึงคือพวกข้าวของมีค่า มีราคาน่ะเหรอคะ” ธีทัตพยักหน้าทันทีที่เธอพูดจบ “คนเราไม่เหมือนกันนะคะคุณไนซ์ บางคนหาเงินมาได้ก็เลือกที่จะนำเงินไปซื้อความสุขให้ตัวเอง แต่บางคนเขาพอใจที่จะเก็บเงินตรงนั้นไว้มากกว่า อะไรที่เราไม่เคยเห็นก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่มี จริงๆ แล้วน้องบุษอาจจะมีเงินในบัญชีหลายล้านก็ได้ ใครจะไปรู้” ช่างเป็นเรื่องน่าขันสำหรับธีทัตนัก อย่างบุษบาน่ะหรือจะเป็นอย่างที่อวัศยาพูด ไม่มีทาง! เขาแค่นยิ้มหยันเมื่อนึกถึงความเป็นจริงที่รู้เกี่ยวกับแม่ของลูก ในสายตาเขาเจ้าหล่อนก็แค่ผู้หญิงไร้หัวคิดคนหนึ่ง เธออ่อนแอและโง่งม คนที่จะหาเงินได้ หาเงินเป็น ต้องเป็นบุคคลที่มีความสามารถ ซึ่งบุษบาไม่มี “แต่ผมมั่นใจว่าไม่ใช่แน่นอนครับ” เพราะมัวแต่ง่วนอยู่กับการตกแต่งห้องนอนให้ลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า บุษบาจึงไม่รู้ตัวว่ามีใครบางคนยืนมองเธอจากด้านหลัง หญิงสาวจัดนั่นแต่งนี่ไปพลาง ฮัมเพลงไปพลางอย่างคนมีความสุขในชีวิต ธีทัตไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่ของลูกไม่หัดอยู่นิ่งๆ นั่งๆ นอนๆ บ้าง เขาเห็นหญิงสาวว่างทีไรเป็นต้องหาอะไรทำ ไม่รู้ว่าจะขยันสรรหาเรื่องให้ตัวเองลำบากอะไรนักหนา “ทำอะไรอยู่น่ะ” เจ้าของร่างอรชรสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงนุ่มทุ้มที่คุ้นเคย “ของลูกที่บุษสั่งพึ่งมาส่งวันนี้ บุษว่างๆ ไม่มีอะไรทำเลยมาจัดห้องให้ลูกน่ะค่ะ” เธอตอบคำถามธีทัตพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มให้ชายหนุ่ม “ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ” คำถามนี้คงไม่ออกจากปากเขาหากว่าวันนี้เป็นวันหยุด แต่นี่ไม่ใช่ “งานที่บริษัทสบายนักหรือไง กลับบ้านมาถึงได้มีแรงทำนั่นทำนี่” “แค่นี้เอง ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ บุษพึ่งทำเมื่อกี้นี้เอง ก่อนพี่ไนซ์จะกลับมาไม่ถึงสิบนาที” เธอโชว์กระดิ่งแขวนสำหรับแขวนเปลเด็กทารกให้ธีทัตดู “น่ารักไหมคะ เอาไว้แขวนเปลนอนลูก” ธีทัตเดินเข้าไปดูกระดิ่งแขวนเปลใกล้ๆ “น่ารักดีนะ แต่อีกตั้งหลายเดือนกว่าลูกจะคลอด ทำไมรีบซื้อจัง” เขาถามพลางสำรวจของเล่นชิ้นอื่นๆ “ก็บุษตื่นเต้นนี่คะ อีกอย่างช่วงนี้บุษว่างด้วย เลยใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์” ตั้งแต่รู้ว่าตั้งครรภ์ งานพิเศษต่างๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยทำ บุษบาก็ลดปริมาณลง เธอพยายามพักผ่อนให้มากขึ้น ทำงานให้น้อยลง รับประทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ ทุกอย่างที่ทำนั้นก็เพราะหวังเพียงว่าจะทำให้ลูกน้อยในท้องสมบูรณ์แข็งแรง “ว่างก็ต้องพักผ่อนนะรู้ไหม จริงๆ พี่ไม่อยากให้บุษทำอะไรเลยด้วยซ้ำ พี่อยากให้บุษนั่งๆ นอนๆ ดูแลตัวเองให้ดี แม่แข็งแรง ลูกก็จะได้แข็งแรงด้วย แต่ดูบุษดิ ชอบทำนั่นทำนี่ให้ตัวเองลำบาก” เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มหวาน นัยน์ตาฉ่ำน้ำทอประกายสุกใส ภายในใจรู้สึกปลื้มปีติไม่น้อยที่ธีทัตแสดงท่าทีคล้ายว่าเขากำลังห่วงใย แม้รู้ว่าเขาบ่นเขาพูดเพราะเป็นห่วงลูกในท้อง ไม่ใช่เธอ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกดีชะมัด ทั้งยังนึกขันที่เห็นธีทัตบ่นกระปอดกระแปด “รับทราบค่าคุณพ่อ บุษสัญญานะคะว่าจะดูแลตัวเอง ดูแลลูกในท้องของเราให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้ตัวเองลำบาก ไม่ทำงานหนัก พี่ไนซ์จะได้ไม่ต้องมาคอยบ่นบุษเป็นตาแก่แบบนี้ ดีไหมคะ” เธอหัวเราะ คิกคักเมื่อเห็นพ่อของลูกทำหน้ายักษ์ใส่ ตาแก่? เมื่อกี้บุษบาพูดว่าเขาแก่งั้นหรือ “พี่พึ่งสามสิบเจ็ด ยังไม่แก่เว้ย” ชายหนุ่มใช้นิ้วดึงผิวหน้าของตัวเองให้บุษบาดูเพื่อพิสูจน์คำพูด “ดูหน้าดิ ตึงเปรี๊ยะขนาดนี้ มาหาว่าพี่แก่ได้ไง” สาวน้อยวัยยี่สิบสี่หัวเราะเสียงดังกว่าเดิมเมื่อเห็นพ่อของลูกทำเช่นนั้น “จะมาพูดลอยๆ ไม่ได้นะคะ ต้องให้บุษพิสูจน์ก่อนบุษถึงจะเชื่อ” เธอยื่นมือทั้งสองข้างไปดึงแก้มธีทัตอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “ตึงจริงด้วยแฮะ” ธีทัตก้มมองคนตัวเล็ก เพียงแค่สบตาโตๆ ของเจ้าหล่อน แก้มทั้งสองข้างของเขาก็เห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ คงไม่ใช่เพราะรู้สึกเขินหรอกนะ บ้าบอ! จะเป็นไปได้ยังไง “เกินไปแล้วนะ เอามือออกไปจากหน้าพี่เดี๋ยวนี้นะ” เขาพูดเสียงดุ เธอทำปากยื่นใส่ธีทัตก่อนจะหดมือน้อยของตัวเองกลับมาไว้ที่ที่มันควรอยู่ “ก็บุษอยากรู้นี่นาว่าหน้าพี่ไนซ์ตึงๆ หรือเปล่า” “แล้วสรุปตึงไหม” “ก็ตึงดีนะแต่ตึงแบบ..” นิ้วเรียวแตะที่ปลายคางมนของตนเองแล้วปรายตามองธีทัตด้วยสายตามีเลศนัย “ตึง-ตาม-วัย ตึงแบบตึงนิดหน่อย แต่หย่อนคล้อยมากๆ ไรงี้” เสียงหัวเราะดังลั่นตามมาหลังจากที่บุษบาพูดจบประโยค หน้าหย่อนๆ ตึงๆ ของเขามันตลกมากหรือยังไง ยัยบุษบาถึงได้หัวเราะจนตัวงอขนาดนั้น “เอ้อ! พี่จะรอดูว่าตอนบุษอายุสามสิบเจ็ด บุษจะตึงหรือหย่อนยานแค่ไหน” เขาก้มลงมองสองเต้าของหญิงสาวแล้วกระตุกยิ้ม “แต่พี่ว่าไม่ต้องรอให้ถึงขนาดนั้นหรอก เพราะตอนนี้ก็เริ่มยานตามแรงโน้มถ่วงแล้ว” กรี๊ดดด! นี่อีพี่ไนซ์ว่าเรานมยานงั้นเหรอ บุษบาก้มมองหน้าอกตัวเองทันที แล้วจึงพบว่า.. “ยานตรงไหน ออกจะเต่งตึง” เธอช้อนตาขึ้นมองธีทัตแล้วยิ้มยั่ว “หรือถ้าพี่ไนซ์ไม่เชื่อ จะลองพิสูจน์ดูก็ได้นะคะ” นางแมวยั่วสวาทขยับเข้าไปหาธีทัตจนสองร่างแนบชิดกัน “บุษคิดถึงพี่ไนซ์” หญิงสาวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดอย่างช้าๆ “คิดถึงมากเลยรู้ไหมคะ” คิดถึงอ้อมกอดอบอุ่น คิดถึงจูบหวานละมุนจากเขา ธีทัตลอบกลืนน้ำลาย ชายหนุ่มพยายามหักห้ามตนเองไม่ให้กระทำในสิ่งที่ไม่สมควรกับบุษบา ระหว่างเราสองคนไม่ควรมีอะไรลึกซึ้งต่อกันอีก แต่ลึกๆ แล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเองก็คิดถึงช่วงเวลาที่เคยแนบชิดกับเจ้าหล่อนเช่นกัน กระนั้นต่อมสำนึกผิดชอบชั่วดีก็บอกว่าเขาไม่ควรทำร้ายเธอไปมากกว่านี้ “อย่า..” เขาจับข้อมือบุษบาเอาไว้ก่อนที่เจ้าหล่อนจะปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายพอดี เธอหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา สายตาหญิงสาวฉายชัดถึงความผิดหวังที่เคลือบแฝงไว้ด้วยอีกหนึ่งความรู้สึก นั่นคือเจ็บปวด “ฟังพี่นะคนดี.. พี่ไม่อยากเอาเปรียบบุษอีกแล้ว พี่ไม่อยากให้ความเห็นแก่ตัวของพี่ต้องทำให้บุษเสียใจอีก” เขากอดบุษบาแล้วลูบศีรษะกลมทุยของเจ้าหล่อนด้วยสัมผัสที่แผ่วเบาอย่างต้องการปลอบประโลม “แต่บุษเต็มใจให้พี่ไนซ์ บุษไม่เคยคิดว่าพี่เอาเปรียบบุษเลย” เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกเช่นไรดี ซึ้งใจหรือ.. เสียใจ เขาเอาเปรียบเธอมามากพอแล้ว และจะไม่มีวันทำเช่นนั้นกับบุษบาอีก “พี่รู้ พี่รู้ว่าบุษรู้สึกยังไงกับพี่ แต่บุษเองก็รู้ดีนี่ว่าพี่คิดยังไงกับบุษ” มันอาจจะดูใจร้ายที่พูดตอกย้ำซ้ำๆ ในเรื่องนี้ แต่ที่ทำไปก็เพราะต้องการให้บุษบาคิดได้ว่าเธอไม่ควรมาเปลืองตัวกับผู้ชายเช่นเขา “อย่าทำอย่างนี้อีก เพราะต่อให้บุษนอนกับพี่เป็นร้อยครั้ง มันก็ไม่ทำให้พี่เปลี่ยนใจมารักบุษได้หรอก จำไว้!” เขาผลักบุษบาออกจากอ้อมกอดแล้วหันหลังเดินออกจากห้องนอนลูกทันที ทิ้งไว้เพียงอีกคนให้จมอยู่กับความสับสนและเสียใจ หยาดน้ำใสค่อยๆ หลั่งรินไหลลงมาอาบสองแก้ม มันช่างเป็นความเจ็บปวดที่เคลือบแฝงไว้ด้วยความหอมหวานเสียจริง เพราะเมื่อไหร่เขาทำดีด้วยก็ทำให้เธอสุขใจ ทว่าเมื่อไหร่ที่เขาใจร้าย.. เธอก็รู้สึกราวกับตายทั้งเป็น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม