บทที่ 4

3535 คำ
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าบุษบาเมื่อเจ้าหล่อนเปิดประตูก้าวขาเข้าไปในห้องแล้วเห็นผู้ชายร่างสูงใหญ่นุ่งผ้ากันเปื้อนลายกระต่ายสีชมพูกำลังจัดโต๊ะอาหาร “กลับมาแล้วเหรอครับ มาๆ มากินข้าวเย็นกันเร็ว” หลังจากที่แยกย้ายกับคเชนทร์ เขาก็กลับบ้านมาทำหน้าที่พ่อของลูกที่ดีให้บุษบาโดยไม่ได้แวะที่ไหนอีก หญิงสาววางกระเป๋าสะพายไว้บนโซฟาแล้วรีบเดินไปนั่งที่เก้าอี้ประจำของตัวเองทันที “หอมมากๆ เลยค่ะ พี่ไนซ์ซื้อจากร้านไหนเหรอคะ น่ากินมากกก” “ซื้อที่ไหนกันเล่า อาหารบนโต๊ะพี่ทำเอง บุษต้องกินเยอะๆ นะ อาหารพวกนี้เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อคุณแม่ตั้งครรภ์กับเจ้าตัวเล็กทั้งนั้นเลย” ‘คุณแม่ตั้งครรภ์’ ยิ้มแก้มปริจนส่งให้ดวงตาทั้งสองข้างพราวประกายสุกใส หญิงสาวสุขใจเหลือเกินที่ได้รับการเอาใจใส่จากคนที่เธอรัก “พี่ไนซ์น่ารักจัง ลูกต้องดีใจมากแน่เลยค่ะที่พ่อของเขาดูแลเขาดีขนาดนี้” “ก็เจ้าตัวเล็กในท้องบุษเป็นลูกของพี่นี่นา พี่ก็ต้องดูแลให้ดีที่สุดสิ” เขาวางมือบนศีรษะกลมทุยของเจ้าหล่อนแล้วลูบเบาๆ “กินเยอะๆ นะ เจ้าตัวเล็กจะได้จ้ำม่ำ” แม้คำพูดและการกระทำของชายหนุ่มจะดีเพียงใด แต่สายตาที่ทอดมองแม่ของลูกนั้นเยือกเย็นจนน่ากลัว คราแรกธีทัตเครียดหนักมากเมื่อรู้ว่าบุษบาท้อง แต่เมื่อคิดได้ว่าอายุอานามตัวเองก็สมควรแก่เวลาการมีทายาทแล้ว เขาจึงคิดเสียว่าดีแล้วที่มีผู้หญิงคนหนึ่งให้ลูกของเขาได้อาศัยท้องมาเกิด ในสมองของธีทัตเต็มไปด้วยแผนการร้ายกาจ ชายหนุ่มคิดไว้เสร็จสรรพว่าหลังจากลูกคลอด เขาจะให้บุษบาได้เลี้ยงลูกระยะหนึ่งเพราะต้องการให้ลูกได้ดื่มนมจากแม่ แต่หลังจากที่เธอหมดประโยชน์ เธอจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินมหาศาลแล้วต้องเดินออกจากชีวิตเขาและลูกไปตลอดกาล ทว่าสำหรับผู้หญิงอย่างบุษบา เจ้าหล่อนกลับมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ เธอลืมสิ้นทุกสิ่งอย่างที่เคยถูก ชายหนุ่มกระทำ วาดฝันถึงวันข้างหน้าว่าจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตครอบครัวกับผู้ชายที่ตนรัก เพราะธีทัตในยามนี้แสนดีเสียจนเผลอคิดไปว่าเขามีใจให้ ไม่ระแวงสักนิดหรือฉุกคิดแม้แต่น้อยว่านี่เป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น “รับทราบค่า บุษจะกินให้เกลี้ยงเลย” ธีทัตยิ้มให้หญิงสาวแล้วเดินไปนั่งประจำที่เก้าอี้ของตน “พรุ่งนี้วันหยุด บุษมีนัดที่ไหนไหม” “ไม่นะคะ พี่ไนซ์มีอะไรหรือเปล่า” เธอพูดพลางตักอาหารเข้าปาก “งั้นไปกับพี่นะ พี่มีอะไรจะเซอร์ไพรส์” บ้านหลังใหญ่ตรงหน้าไม่ได้ทำให้บุษบารู้สึกดีใจสักนิด ตรงกันข้ามหัวใจกลับหน่วงหนึบระคนเจ็บปวด นี่น่ะหรือเรื่องที่ธีทัตจะ เซอร์ไพรส์เธอ มันช่าง.. เซอร์ไพรส์สุดๆ ไปเลย มองเพียงปาดเดียวก็รู้ได้ว่าบุษบากำลังคิดอะไรอยู่ ธีทัตลอบถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายในตัวหญิงสาว กระนั้นก็ต้องอดทนเพราะเขายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ “พี่จะย้ายมาอยู่ที่นี่กับบุษ” จนกว่าจะได้ลูกไป ประโยคหลังธีทัตเก็บงำไว้ในใจ เขารู้ว่าบุษบาต้องการอะไร และเขาจะให้เจ้าหล่อน แต่ไม่ใช่ตลอดไป เมื่อไหร่ที่ลูกไม่จำเป็นต้องมีแม่แล้ว เธอจะไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้อีก “จริงเหรอคะ” บุษบาใจชื้นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “จริงสิ ที่พี่พาบุษย้ายจากคอนโดฯ มาอยู่ที่บ้านก็เพราะบ้านมันกว้างกว่า พี่ไม่อยากให้บุษอุดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ” เขาอธิบายเหตุผลบางส่วนให้บุษบาฟัง “พี่จะอยู่กับบุษที่นี่ ช่วยดูแลบุษกับลูก และพี่ก็จะยกบ้านหลังนี้ให้บุษเป็นของขวัญที่บุษมีลูกให้พี่ด้วยนะ” รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของบุษบา เจ้าหล่อนกระโดดกอดธีทัตแล้วหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ออเซาะชายหนุ่ม “พูดแล้วห้ามคืนคำนะ พี่ไนซ์ต้องมาอยู่กับบุษจริงๆ นะคะ” เธอช้อนตาขึ้นมองเขาแล้วส่งสายตาออดอ้อน ธีทัตมีแผนการร้ายกาจที่คิดมาอย่างแยบยล ส่วนสาวน้อยอ่อนด้อยประสบการณ์ก็มีมารยาหญิงที่สามารถหลอกล่อผู้ชายให้หลงกลได้เช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่สามารถทำให้ธีทัตอยู่ด้วยได้เป็นปีๆ หน้าอกขนาดคัพซีที่สวนทางกับรูปร่างแบบบางถูไถกับลำแขนแน่นหนั่น เธอมองเขาหน้าซื่อตาใสพร้อมส่งยิ้มหวานบาดใจไปให้ธีทัต หญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่รู้ตัวว่าหน้าอกหน้าใจตัวเองกำลังบดเบียดแขนเขาอยู่ “จริงสิ” เขากล่าวสั้นๆ แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ด้วยว่าไม่อยากเห็นเนินอกอวบอิ่มที่ตัวเองเคยฟอนเฟ้น “พี่ไนซ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” บุษบามองเป้ากางเกงที่รู้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังขยายใหญ่อยู่ในนั้นแล้วลอบยิ้มอย่างคนสมใจ เขาบอกว่าจะไม่แตะต้องตัวเธออีก แต่โดยธรรมชาติแล้วผู้ชายกับเรื่องบนเตียงเป็นของคู่กัน แล้วยิ่งเป็นคนที่มีความต้องการสูงอย่างธีทัต เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะอดทนอดกลั้นได้สักแค่ไหน “เปล่า พี่แค่ร้อนน่ะ” “อ้อ เหรอคะ งั้นเราเข้าไปดูบ้านกันดีกว่าไหมคะ บุษอยากเห็นบ้านแล้ว” บ้านที่ธีทัตบอกว่าจะให้เธอนั้นขนาดสี่ห้องนอนห้าห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอยทั้งหมดสองร้อยแปดสิบตารางเมตร ซึ่งสำหรับเธอแล้วกำลังพอดี ไม่ใหญ่โตหรือคับแคบจนเกินไป ภายในบ้านถูกตกแต่งไว้แล้วเรียบร้อย พร้อมให้หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้ทันที เฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้แต่ละชิ้นมองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าแพงลิบลิ่ว “ชอบไหม” “ชอบมากเลยค่ะ” ตอนเด็กๆ เธอเคยฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง ไม่ต้องใหญ่โตหรูหรา ขอเพียงแค่มีคนในครอบครัวพร้อมหน้าก็พอแล้ว แต่ความเป็นจริงที่ชีวิตได้พบเจอช่างแตกต่างจากความฝันราวฟ้ากับเหว ไม่มีสวรรค์สำหรับเด็กที่ไร้พ่อขาดแม่ มีแต่นรกบนดินอันโหดร้าย นึกถึงชีวิตตัวเองเมื่อครั้งวันวานทีไรแล้วน้ำตาพานจะไหล หากเธอสามารถลบความทรงจำอันเลวร้ายในช่วงเวลานั้นได้ก็คงดี “เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นเจ้าหล่อนเงียบไป บุษบาส่ายหน้า “เปล่าหรอกค่ะ” เธอพยายามปรับอารมณ์และสีหน้าของตัวเองให้ใกล้เคียงกับปกติมากที่สุดด้วยว่าไม่ต้องการให้ธีทัตสงสัย เธอไม่เคยเล่าเรื่องราวในอดีตของตนให้ชายหนุ่มฟัง เพราะไม่ต้องการให้เขามาเวทนาสงสาร และที่สำคัญเธออยากลืมอดีตอันเลวร้ายพวกนั้นแล้วสร้างปัจจุบันที่งดงามให้กับตัวเอง “บ้านสวยดีนะคะ ขนาดกำลังพอเหมาะเลย” “ใช่ครับ ไม่ใช่แค่บ้านสวยนะ ระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อนบ้าน ชื่อเสียงของโครงการ ทุกอย่างโอเคหมด” แม้ไม่ได้รัก แต่ก็ไม่ต้องการเอาเปรียบใคร ธีทัตให้เลขานุการ คัดสรรโครงการบ้านที่ดีที่สุดมาให้เขาเลือก เขาตัดสินใจซื้อที่นี่เพราะเป็นบ้านของโครงการมีชื่อเสียง ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม วันข้างหน้าหากบุษบาอยู่ตัวคนเดียว เขาก็จะได้ไม่ห่วงหรือรู้สึกผิดที่ทิ้งเจ้าหล่อนไป เพราะได้ให้ในสิ่งที่สมควรให้ไปหมดแล้ว “สุดยอดเลยค่ะ แสดงว่าพี่ไนซ์หาข้อมูลมาดีนะเนี่ย” โบรชัวร์บ้านที่เขาเอามาให้เธอเลือก เธอยังไม่ได้แม้แต่จะเปิดดูเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากย้ายออกจากคอนโดมิเนียมของธีทัต เธออยากอยู่กับเขา แต่พอชายหนุ่มซื้อบ้านมาเซอร์ไพรส์ แถมยังบอกว่าจะย้ายมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้าจะย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ “แล้ว.. เราจะย้ายมาอยู่ที่นี่กันตอนไหนเหรอคะ” ในเมื่อบ้านพร้อมอยู่แล้ว เขาก็ไม่อยากรออะไรอีก “อาทิตย์หน้าเลยเป็นไง” เขาว่ายังไงเธอก็ตกลงตามนั้น “ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวบุษจะทยอยเก็บของนะคะ” “บุษเก็บแค่ของสำคัญบุษมาก็พอ ส่วนของใช้เล็กๆ น้อยๆ แล้วก็ของของพี่ เดี๋ยวพี่ให้คนมาเก็บช่วย พี่ไม่อยากให้บุษเหนื่อย” บุษบาพยักหน้า “ได้ค่ะพี่ไนซ์” “งั้นบุษเซ็นเอกสารการโอนลอยบ้านไว้เลยนะ พี่อยากให้บ้านหลังนี้เป็นของบุษ” เขายื่นซองเอกสารสีน้ำตาลไปตรงหน้าบุษบา “เซ็นตรงจุดที่พี่ใช้ดินสอวงไว้ได้เลยนะ แล้ววันไหนบุษว่างๆ พี่จะพาไปทำเรื่องที่กรมที่ดิน” หญิงสาวรับมันมาแล้วดึงเอกสารที่อยู่ข้างในออกมาอ่าน เธออ่านละเอียดเพียงสองแผ่นแรกจากเอกสารนับสิบๆ แผ่น ซึ่งข้อความบนแผ่นกระดาษล้วนแล้วแต่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับบ้านทั้งนั้น “วันนี้เซอร์ไพรส์พี่ยังไม่หมดนะ” ชายหนุ่มรีบดึงความสนใจของบุษบาจากเอกสารมาไว้ที่เขา เมื่อเห็นเธอทำท่าจะอ่านเนื้อหาของแผ่นที่สาม “อะไรเหรอคะ” “ไม่บอก ถ้าอยากรู้ก็รีบเซ็นสิ” ธีทัตพูดพลางส่งสายตามีเลศนัยไปให้หญิงสาว “จำเอาไว้เลยนะพี่ไนซ์ มาทำให้เค้าอยากรู้แล้วก็จากไป” เธอรีบจรดลายเซ็นของตัวเองลงบนกระดาษแผ่นที่เหลือทันทีโดยไม่ได้อ่านเนื้อความบนเอกสารเหล่านั้นเลยสักตัว ดอกเตอร์อรุณกับลิลลี่หันมองหน้ากันทันทีเมื่อฟังบุษบาพูดจบ ทั้งคู่ที่ค่อนข้างคร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์เพราะโตมากับครอบครัวที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านนี้ แม้จะไม่ได้ช่วยธุรกิจครอบครัวเต็มตัว แต่ก็มีบางครั้งที่ได้มีโอกาสเข้าไปช่วยงาน อีกทั้งลิลลี่เองก็เรียนจบปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์มา จากประสบการณ์ทำให้สองสามีภรรยารู้สึกเหมือนกันว่าเรื่องของเพื่อนรุ่นน้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล “คุณไนซ์บอกว่าให้แกเซ็นโอนลอยแล้วจะพาไปทำเรื่องที่กรมที่ดินอีกรอบงั้นเหรอ” บุษบายิ้มหน้าบาน “ใช่แล้วเจ้ลี่ พี่ไนซ์เอาเอกสารให้หนูเซ็นเป็นสิบๆ แผ่นเลยนะ เซ็นจนมือแทบหงิก” เธอเล่าไปพลาง รับประทานเค้กชิ้นที่สี่ไปพลาง “แกอ่านเอกสารก่อนเซ็นอยู่ใช่ไหมบุษ” “อ่านสิเจ้” สองสามีภรรยารู้สึกโล่งใจขึ้นมาหลายเปลาะเมื่อได้ยินเช่นนั้น ด้วยว่าทั้งคู่เวทนาและสงสารในชะตากรรมของบุษบา เป็นผู้หญิงในความลับที่หลงรักเขาหมดหัวใจแต่ผู้ชายไม่รักว่าเจ็บแล้ว แถมยังต้องอุ้มท้องลูกของธีทัตอีก หากโดนหลอกซ้ำ กลัวเหลือเกินว่าเธอจะรับไม่ไหว “แต่อ่านแค่สามหน้าแรก เพราะพี่ไนซ์บอกว่ามีอะไรจะเซอร์ไพรส์หนู หนูเลยรีบเซ็นอะ” เธอเหลือบมองรถยุโรปป้ายแดงคันงามที่จอดอยู่หน้าร้านด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปลื้มปีติ ใช่ว่าจะพอใจเพราะสิ่งที่ธีทัตปรนเปรอให้ราคาแพง แต่ดีใจที่ชายหนุ่มใส่ใจเธอ “หลังจากดูบ้านเสร็จ พี่ไนซ์ก็พาหนูไปซื้อรถต่อ” ลิลลี่และสามีของเธอหันมองหน้ากันอีกครั้ง แม้ไม่รู้ว่าธีทัตเอาเอกสารอะไรให้บุษบาเซ็น แต่ลางสังหรณ์บวกกับประสบการณ์ของทั้งคู่บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องดี “หนูว่าพี่ไนซ์เขาต้องใจอ่อนกับหนูแล้วแน่ๆ เลยเจ้ลี่ ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีมาทำดีกับหนูอย่างนี้หรอก ลูกคงทำให้เขาคิดได้” แต่ผู้ชายวัยใกล้เคียงกับธีทัตอย่างอรุณไม่คิดเช่นนั้น เขาเคยเจอธีทัตหลายครั้ง ทั้งเจอชายหนุ่มตอนที่อยู่กับบุษบา และในงานสังคมต่างๆ มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าธีทัตไม่ธรรมดา คนคนนี้เป็นพวกร้ายลึก ภายนอกนุ่มนวล แต่ข้างในอำมหิต “เฮียขอเตือนในฐานะพี่ชายคนหนึ่งนะบุษ ต่อไปจะเซ็นอะไรให้อ่านเอกสารให้ดีๆ ก่อน” คำพูดอรุณทำให้คนที่กำลังรับประทานเค้กอย่างเอร็ดอร่อยรู้สึกหมดอารมณ์ที่จะกินต่อ บุษบาวางจานเค้กที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะแล้วเงยหน้าขึ้นมองดอกเตอร์สามีของรุ่นพี่คนสนิท “ถ้าเป็นคนอื่นเอาเอกสารมาให้หนูเซ็น หนูไม่เซ็นมั่วซั่วแน่นอนค่ะ แต่นี่เป็นพี่ไนซ์ บนโลกใบนี้ถ้าหนูไว้ใจพี่ไนซ์ไม่ได้ หนูคงไว้ใจใครอีกไม่ได้แล้วล่ะค่ะ” เธอเข้าใจดีว่าคนทั้งคู่ที่อยู่ตรงหน้าพูดด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณเฮียโอ๋กับเจ้ลี่มากๆ เลยนะที่เป็นห่วงหนู แต่เชื่อหนูเถอะ เอกสารที่พี่ไนซ์เอามาให้หนูเซ็น มันจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากเอกสารที่เกี่ยวกับการโอนลอยบ้าน” น้ำเสียงบุษบาแน่นหนัก บอกชัดว่าเจ้าหล่อนคิดอย่างที่พูดจริงๆ เธอเลือกที่จะเชื่อใจผู้ชายที่ตัวเองรักโดยไม่คิดพิจารณาอะไรทั้งนั้น “รักได้ ไว้ใจได้ แต่ก็ต้องคิดถึงความเป็นจริงไว้ให้มากๆ ด้วยนะบุษ ครอบครัวเจ้กับเฮียโอ๋ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ อยู่วงการนี้มานาน แม้พวกเราสองคนจะไม่ได้ช่วยงานที่บ้านเต็มตัว แต่ก็คิดว่าเรื่องที่คุณไนซ์ให้แกเซ็นโอนลอยบ้านมันแปลกๆ ถ้าเป็นไปได้เจ้ก็อยากให้แกลองหาเอกสารที่เขาให้เซ็นมาอ่านดู ถ้าเป็นเอกสารการโอนลอยบ้านจริงๆ ก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ใช่.. แกจะได้หาทางแก้ไขได้ทันเวลา” ว่าจะไม่ยุ่งเรื่องชีวิตคนอื่นแล้ว ทว่าลิลลี่ก็อดไม่ได้จริงๆ ด้วยไม่อยากเห็นเพื่อนรุ่นน้องต้องพลาดพลั้ง ดวงตาคู่หวานไหววูบ บุษบาหลุบตามองต่ำ “พี่ไนซ์จะไม่ทรยศความไว้ใจที่หนูมีให้ เขาจะต้องไม่ทำอย่างนั้น” ในเมื่อเลือกจะวางหัวใจไว้ในมือเขาแล้ว เธอจะไม่คิด เคลือบแคลงอะไรในตัวธีทัตอีก ผู้ชายคนนี้คือพ่อของลูกเธอ แม้ไม่ได้รักกัน แต่มั่นใจเหลือเกินว่าเขาจะไม่มีทำร้ายเธอ เธอเชื่ออย่างนั้น.. จริงๆ หรือ? “ทำอะไรอยู่เหรอ” หญิงสาวเหลือบมองคนที่นั่งลงข้างเธอแล้วยื่นหนังสือ ‘คู่มือคุณแม่ตั้งครรภ์’ ให้เขาดู “กำลังศึกษาวิธีการดูแลตัวเองระหว่างตั้งครรภ์ค่ะ” “หืม.. ไหนดูซิ เป็นคุณแม่ต้องดูแลตัวเองยังไงบ้าง” ภาพทารกน้อยในหนังสือทำให้ธีทัตเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว “อาทิตย์หน้าหมอก็นัดไปตรวจครรภ์อีกรอบแล้วเนอะ” รอยยิ้มธีทัตทำให้บุษบามีความสุขเหลือเกิน หญิงสาวมองใบหน้าพ่อของลูกแล้วแอบวาดฝันไปไกลถึงวันข้างหน้า “ใช่ค่ะ นอกจากนัดตรวจครรภ์แล้ว เรายังจะได้อัลตร้าซาวด์ดูเพศลูกด้วยนะคะ พี่ไนซ์อยากได้ลูกสาวหรือลูกชายเหรอคะ” สำหรับธีทัตแล้วไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาวก็ไม่สำคัญ เพราะไม่ว่าจะเพศไหน ลูกก็คือลูกของเขา “ได้หมดนะ ลูกสาวก็ได้ ลูกชายก็ดี พี่ไม่ซีเรียส ลูกพี่ พี่รักหมดแหละ” คำตอบของชายหนุ่มทำให้คนที่อุ้มท้องลูกของเขายิ้มจนแก้มปริ “พี่ไนซ์น่ารักจัง” แววตาบุษบาที่กำลังมองมา บอกชัดถึงความรู้ข้างในของเจ้าหล่อน เธอทั้งรักทั้งหลงเขาชนิดที่ว่าโงหัวไม่ขึ้น ดี.. รักมากๆ หลงมากๆ เวลาพูดอะไรจะได้เชื่อฟัง ธีทัตกระตุกยิ้ม เขาซ่อนแววตาร้ายกาจไว้ภายใต้คราบผู้ชายอบอุ่น “แล้วแพ้ท้องเป็นไงมั้ง ดีขึ้นบ้างไหม อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม พี่เคยได้ยินว่าคนท้องจะชอบกินอะไรแปลกๆ ” “สงสัยจะเป็นอย่างที่พี่ไนซ์ว่า วันนี้บุษกินเค้กส้มไปตั้งสี่ชิ้นแน่ะ” รอยยิ้มฝืนๆ ผุดขึ้นประดับใบหน้าหญิงสาวเมื่อเจ้าหล่อนนึกถึงคำพูดของอรุณกับลิลลี่ แม้ปากจะบอกสองสามีภรรยาไปว่าเชื่อใจธีทัต ทว่าลึกๆ แล้วยอมรับว่าเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย “พี่ไนซ์คะ เราจะย้ายบ้านวันไหนกันเหรอคะ” “เสาร์อาทิตย์นี้ดีไหม บุษพร้อมยัง” “ได้นะคะ เสาร์อาทิตย์นี้ก็ได้ค่ะ” “แล้วบุษลางานได้วันไหน พี่จะพาไปทำเรื่องโอนบ้านให้บุษที่กรมที่ดิน” เขาไม่อยากรอช้า แม้อีกหลายเดือนกว่าบุษบาจะคลอด แต่ก็ไม่มีใครการันตีได้ว่าวันข้างหน้าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากเจ้าหล่อนนึกสงสัยอะไรขึ้นมาจะยุ่งเอาได้ เพราะฉะนั้นเขาต้องรีบจัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยโดยไวที่สุด “หลังลูกคลอดก็ได้นะคะ บุษไม่รีบ เพราะพี่ไนซ์ก็ให้บุษเซ็นโอนลอยบ้านไว้แล้วนี่นา” หลังจากที่แยกย้ายกับอรุณและลิลลี่ เธอก็หาข้อมูลเกี่ยวกับการโอนลอยบ้านทันที ซึ่งก็ได้รู้ว่าการโอนลอยบ้านไม่มีบัญญัติไว้ในกฎหมาย กฎหมายไม่รองรับ และเมื่อไตร่ตรองดูดีๆ แล้ว กรณีที่ธีทัตจะยกบ้านให้เธอนั้นไม่จำเป็นต้องเซ็นเอกสารโอนลอย ไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น แล้วชายหนุ่มทำเพื่ออะไรกันแน่ “จะรออะไรนานขนาดนั้น พี่ว่ารีบโอนรีบเสร็จดีกว่า” “ทำไมต้องรีบด้วยล่ะคะ” อยู่ด้วยกันมาเป็นปีๆ มีหรือที่เธอจะไม่รู้จักนิสัยธีทัต สำหรับเขาแล้วหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ จะไม่มีทางอยู่ในตารางชีวิตของชายหนุ่มเด็ดขาด “แค่โอนบ้านเอง บุษว่าโอนตอนไหนก็เหมือนๆ กันแหละค่ะ บุษไม่รีบ” “ช่วงนี้พี่ว่าง พี่ว่ารีบทำให้เรียบร้อยดีกว่า ถ้าคลอดลูกแล้วเราสองคนจะไม่มีเวลานะ” ที่เขาพูดมาก็ถูก “งั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวบุษจะทำเรื่องลากับบริษัทไว้นะคะ แต่ว่า..” เธอปรายตามองพ่อของลูกแล้วแสร้งทำหน้าหนักใจ “ช่วงนี้ที่แผนกบุษงานหนักมาก แถมมีพนักงานพึ่งลาออกอีกต่างหาก บุษไม่แน่ใจว่าจะลาได้หรือเปล่า ถ้าบุษลาไม่ได้แล้วพี่ไนซ์กลัวว่าต่อไปเราสองคนจะไม่มีเวลา ใช้เอกสารโอนลอยที่พี่ไนซ์ให้บุษเซ็นแทนได้ไหมคะ” ธีทัตย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าการโอนลอยบ้านไม่มีผลในทางกฎหมาย เธออยากรู้เหลือเกินว่าเขาทำอย่างนั้นทำไม ทำไมต้องเอาเอกสารพวกนั้นมาให้เธอเซ็นด้วย คิดหัวแทบแตกก็หาเหตุผลมารองรับการกระทำพ่อของลูกไม่ได้ “เราต้องไปทำเรื่องที่กรมที่ดินด้วย การโอนถึงจะเสร็จสมบูรณ์” “อ้าว! แล้วโอนลอยเฉยๆ ไม่ได้เหรอคะ” คิ้วโก่งขมวดมุ่นเข้าหากัน “บุษก็นึกว่าแค่เซ็นโอนลอยแล้วก็เรียบร้อยแล้วซะอีก” คนฉลาดอย่างธีทัตมีหรือจะไม่รู้ว่าแม่ของลูกเริ่มสงสัยแล้ว กระนั้นชายหนุ่มก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไร เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะบุษบาแล้วกล่าววาจาหวานรื่นหูกับเธอ “โอนลอยไม่มีผลทางกฎหมายหรอก แต่พี่คิดว่ามันน่าจะมีผลทางจิตใจบุษ พี่อยากให้บุษรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นแล้ว เพราะพี่เองก็ไม่รู้ว่าเราสองคนจะว่างไปทำเรื่องโอนบ้านที่กรมที่ดินกันวันไหน พี่ไม่อยากพูดว่ายกบ้านให้บุษแค่ปาก พี่อยากทำอะไรให้มันเป็นลายลักษณ์อักษร” จุดอ่อนของบุษบาคือเจ้าหล่อนรักเขา เพียงแค่ป้อนคำหวาน สายตาที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงยามมองมายังเขาก็หายวับไป “พี่ไนซ์..” เธอโผเข้ากอดพ่อของลูก รู้สึกผิดเหลือเกินที่สงสัยในตัวธีทัตเพราะคำพูดคนอื่น เขาแสนดีขนาดนี้ จะคิดร้ายกับเธอได้ยังไง “อาทิตย์หน้าบุษจะพยายามลาให้ได้นะคะ เราจะได้ไปโอนบ้านกัน” “ครับ พี่จะรอนะ” ดวงตาสีดำขลับดูร้ายกาจจนน่ากลัว ธีทัตก้มมองคนที่กำลังกอดตนแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก ในใจรู้สึกเบื่อระอาผู้หญิงคนนี้เต็มทน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม