ก๊อก! ก๊อกก! ก๊อก!
“มื้อเช้าเสร็จแล้วนะคะ” ป้าชะเอมบอกอีกครั้ง ทำให้สิงหราชค่อยๆ ขยับตัว ถอนใจหนักๆ แล้วลืมตา
“ครับ!” เขาตอบออกมาสั้นๆ แต่คนฟังด้านนอกก็ได้ยินแต่ไม่ดังนัก
“ค่ะ” ป้าชะเอมรับคำก่อนจะลงไปด้านล่างอีกครั้ง ส่วนสิงหราชพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง เอามือกุมขมับ นวดคลึงเบาๆ เพื่อไล่ความเมื่อยล้าและปวดหัวเล็กน้อยเพราะนอนไม่เพียงพอ
“เฮ้อ เราไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้คนเดียวแล้วสินะสิง” เขาบอกตัวเอง และไม่ได้เหมารวมถึงแม่บ้านหรือคนรับใช้หรอก แต่หมายถึงชีวิตคู่ที่ถูกจัดฉากขึ้น แม้จะไม่ใช่ตัวจริงแต่เธอต้องอยู่ที่นี่
“จะมองหน้ากันยังไง ในเมื่อพี่สาวทำให้เกลียดขนาดนี้” เขาบอกตัวเองพลางกัดกรามแน่น สุดท้ายจึงตัดสินใจลุกไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เหมือนพร้อมจะไปทำงาน ไม่ได้คิดพักผ่อนหรือฮันนีมูนแต่อย่างใด
ระหว่างที่สิงหราชลงมาถึงชั้นล่าง เขาเหลือบเห็นแล้วว่าภรรยาไม่ปรารถนากำลังจัดอาหารบนโต๊ะให้ ด้วยความที่ไม่อยากเข้าไป เขาก็เดินออกไปนอกบ้านเสียเลย พร้อมกับโทรศัพท์เรียกเลขานุการให้มาพบ จากนั้นจึงเดินกลับเข้าบ้านอีกครั้ง ด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ ไร้ความรู้สึกมองอาหารเบื้องหน้าเหมือนไม่หิว แต่จำเป็นต้องนั่งลงเพราะมีเรื่องต้องคุยกับเจิดจ้า
“วันนี้จะไปทำงานเหรอคะ” ป้าชะเอมเอ่ยถามก่อนเลย ขณะที่เขากำลังนั่งลงตรงหัวโต๊ะ
“อืม” สิงหราชตอบส่งๆ ไป โดยไม่มองหน้าใคร
“น่าจะพักผ่อนสักสองสามวัน หลังแต่งงานใครเขาทำงานกันคะ”
“ก็ผมไง ทำไมจะทำงานไม่ได้ ต้องพักผ่อนไปไหนอย่างนั้นเหรอ”
“ป้าลืมไป ป้าคุยกับคนบ้างาน ก่อนแต่งงานทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง”
“มันก็แค่งานแต่ง งานจัดฉาก ไม่ใช่ของจริง ผมทำตามประเพณีก็บุญหัวแล้ว” คราวนี้เขาตวัดหางตาจิกมองเจิดจ้าที่ยืนอยู่ห่างๆ ด้วยความเคืองขุ่น คนฟังถึงกับจุกจนพูดไม่ออก เหมือนผู้หญิงหน้าด้านคนหนึ่งที่ต้องทนฟังผู้ชายด่าทางอ้อม
“แล้วนั่นอยู่ในชุดอะไร” เขาหมายถึงเจิดจ้า ซึ่งเธอรู้ตัวแหละ
“ชุด ชุดนอนค่ะ” เจิดจ้าตอบเบาๆ
“ต่อไปนี้อย่าใส่ชุดนอนลงจากห้อง เป็นอันขาด ต้องพร้อมในชุดทำงานแล้วเท่านั้น”
“คือ จ้า... ฉันรีบตื่นแล้วลงมาทำอาหารก็เลย...” เธอกำลังจะแทนตัวเองด้วยชื่อทว่า พอได้สติว่าเขาก็ไม่ได้เอ็นดูเธอเลย
“ให้นายหญิงพักผ่อนเถอะค่ะ เห็นอ่อนเพลียตั้งแต่เมื่อคืน หากจะให้ทำงานพรุ่งนี้ก็ได้” ป้าชะเอมแก้ตัวแทน
“ให้วันนี้วันเดียว อย่าให้เห็นชุดแบบนี้อีก คิดว่ามันน่ามองหรือไง” เขาว่าเสียงข่มเข้ม ดุ และใช่เขาพูดถูกนั่นแหละ ชุดนอนก็คือชุดนอน ลงมาด้านล่างมันก็ไม่สุภาพ
“ขอโทษค่ะ” เจิดจ้ากล่าวเสียงเบา ขณะที่เขาไม่พูดอะไรอีกนอกเสียจากตักอาหารใส่ปาก เคี้ยวช้าๆ เหมือนกำลังรับรสความอร่อย ทว่าเขาต้องดื่มน้ำตามเสียอย่างนั้น
“ป้าเอมทำหรือว่าใครทำ” เขาถามเสียงเข้มพร้อมจะดุอีกแล้ว
“นายหญิงค่ะ ป้าเป็นลูกมือ”
“ถ้าทำได้แค่นี้ก็ไม่ต้องทำ เปลืองข้าวของ” เขาว่าให้เจิดจ้าอ้อมๆ แปลว่าไม่อร่อยสินะ ฟังแล้วน้ำตาแทบร่วงเลยทีเดียว นี่เป็นบทเรียนแรกที่เขากำลังเอาคืนหรือเนี่ย
“นายหญิงก็ทำอร่อยนี่คะ อร่อยกว่าป้าทำอีก”
“ผมไม่ได้บอกว่าไม่อร่อย บอกว่าถ้าทำได้แค่นี้ ก็ไม่ต้องทำ ไม่ใช่หน้าที่อะไรของเธอ” เขาว่าเธอตรงๆ อีกครั้งพร้อมกับหันหน้ามามองเลยทีเดียว แต่เจ้าตัวได้แต่ก้มหน้า น้ำตาก็ปริ่มๆ จะไหล่แหล ไม่ไหลแหล
“นายคะ” ป้าชะเอมกำลังจะปราม
“ป้าเอมว่างเหรอครับเช้านี้” เขาถามป้าชะเอมเสียงเข้มคล้ายจะไล่เสียอย่างนั้น
“ป้าเข้ามาดูแลนาย ดูแลบ้านทุกวันค่ะ”
“หมายถึง ว่างมาก ไม่มีอะไรทำในครัวเหรอครับ ถ้างั้นก็ไปทำไข่ดาวไส้กรอกไป ง่ายดี”
“แล้วอาหารตรงนี้ล่ะคะ เสียดายของ อร่อยจะตาย”
“อร่อยก็เอาไปกินเอง หรือเอาไปให้คนงานโน่น ไม่ถูกปากก็ไม่กิน คิดอะไรเยอะแยะ”
“เยอะอย่างนะคะคนเรา” ป้าชะเอมอดว่าให้ไม่ได้ เพราะเลี้ยงมาแต่เด็กหรอกนะถึงกล้าว่าได้
“ใช่ครับ ไปได้แล้ว ผมจะรอ” เขาออกปากไล่อีกครั้ง ป้าชะเอมจึงได้หันมายิ้มส่งกำลังใจให้เจิดจ้าแล้วกลับไปที่ห้องครัว จัดการตามที่เขาต้องการ
ส่วนสิงหราชกับเจิดจ้าก็อยู่กันตามลำพังแบบบรรยากาศมาคุ เหมือนห้องเย็น แต่จังหวะเดียวกันนั้นเลขานุการสาววัยประมาณยี่สิบแปดก็เดินเข้ามาพอดี
“ขออนุญาตค่ะนาย” หญิงสาวเอ่ยขึ้น ก่อนจะมองไปที่เจิดจ้าแล้วยิ้มบางๆ แห้งๆ อาการคล้ายประหม่าเล็กน้อย
“ยืนอยู่ข้างๆ กันนั่นแหละ” สิงหราชบอกโดยไม่หันไปมองเลยแม้แต่น้อย เลขาสาวจึงได้ยืนข้างเจิดจ้า
“มีอะไรให้รับใช้แต่เช้าคะ แล้วนายจะไปทำงานวันนี้เหรอคะ”
“ใช่เรื่องที่จะต้องถามเจ้านายหรือเปล่า” เขาสวนกลับทันที
“ขอโทษค่ะ”
“งั้นยืนฟังเฉยๆ อย่าแทรก ถ้าไม่ถาม”
“ค่ะ” เลขาสาวได้แต่รับคำหงอยๆ
“ส่วนเรา เอาเอกสารส่วนตัวของตัวเองมาหรือเปล่า”
“อะ อะ เอามาค่ะ” เจิดจ้าตอบ แน่นอนเธอรอบคอบเพราะมาอยู่บ้านใหม่ ก็เผื่อใช้แหละ ดีกว่ากลับไปเอาที่บ้านมันไกล
“เอามาให้เลขาฯ ให้เขาจัดการให้”
“เอกสารทั้งหมดเลยเหรอคะ เอาไปทำอะไรคะ”
“ใช้เอกสารอะไรสมัครงานก็ใช้อันนั้นแหละ แล้วก็เลขบัญชีธนาคาร การเงินจะได้เอาไปทำเรื่องเงินเดือน” บอกแบบนี้ทั้งเจิดจ้ากับเลขาก็ยิ่งแปลกใจ แต่ไม่ถามดีกว่า เดี๋ยวเหวี่ยงใส่
“เงินเดือนเหรอคะ จริงสิคะ เข้าใจแล้วค่ะ”
“เข้าใจง่ายก็ดี ทำความรู้จักกันซะ เพราะจะได้ทำงานด้วยกัน”
“เอ่อ นายหญิงต้องไปทำงานกับนิตเหรอคะ” เลขาสาวถามอย่างแปลกใจ แถมยังเรียกตำแหน่งใหม่ของเจิดจ้าอย่างรู้ความ โดยไม่ต้องบอกอีกต่างหาก ครั้นเขาจะคัดค้านก็ใช่เรื่อง เมียของนายก็เรียกกันแบบนี้แหละ เหมือนแม่เลี้ยงน่ะ
“บอกไปทั้งหมดแล้ว นึกว่าจะเข้าใจเสียอีก” เขาตวัดหางตามองเลขาบ้าง และนั่นทำเอาเธอเย็นสันหลังวาบเลยทีเดียว
“ขะ... ขะ... เข้าใจค่ะ แค่ถามย้ำ”
“ฉันไม่ชอบย้ำคิดย้ำทำ หรือย้ำคำพูด”
“ค่ะนาย แล้วอยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ”
“ก็สอนงาน วันนี้ทำความรู้จักกันไปก่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยให้เข้าออฟฟิศ สงสัยอะไรก็ถามกันเอาเอง ที่นี่มีกฎมีข้อห้ามอะไรก็บอกกันให้หมด จะได้ไม่ทำตัวอ๊องผิดที่ผิดทาง”
“ค่ะนาย” เลขารับคำอีกครั้ง และจังหวะเดียวกันนั้นป้าชะเอมก็กลับเข้ามาพร้อมไข่ดาวและไส้กรอก อาหารจานด่วน และเสิร์ฟวางเอาไว้ให้เขา
“เก็บอาหารพวกนี้ไปให้หมด” เขาสั่งอีกครั้ง ป้าชะเอมจึงเป็นคนเก็บพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“ใจร้ายมากเลยค่ะ” ป้าชะเอมว่าให้เขา
“ก็รู้อยู่แล้วนี่” เขากระซิบตอบเสียงกดต่ำ ป้าชะเอมได้แต่ถอนใจแล้วออกไป
“ออกไปได้แล้วไป ฉันอยากอยู่คนเดียว” เขาออกปากไล่อีกครั้ง ทั้งคู่ก็ไม่รีรอรีบออกไปคุยกันที่ห้องรับแขกทันที เพราะทางเลขานุการเองก็อยากจะคุยกับเจิดจ้าอยู่เหมือนกัน
“เรายังไม่ได้ทักทายกันเลยค่ะ เอ่อ ชื่อนิตยาค่ะ นายหญิงเรียกนิตเฉยๆ ก็ได้” นิตยาแนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง
“เอ่อ คุณนิตรู้จักฉันหรือเปล่าคะ”
“รู้สิคะภรรยาของนายสิง นายหญิงเจิดจ้า” พูดแบบนี้หมายความว่าคนที่รู้ความจริงมีเพียงไม่กี่คน และคนนี้คงเป็นคนสนิทพอสมควร
“ทำไมรู้จักคะ” เจิดจ้าลองถามเพื่อหยั่งเชิง
“ก็นายหญิงน่าจะรู้ว่าเพราะอะไร”
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องเรียกว่านายหญิงหรอกค่ะไม่คุ้นเลยเรียกจ้าได้ไหมคะ”
“ไม่ได้ค่ะ นายสิงดุมาก นายเคร่งเรื่องการให้เกียรติคนอื่นเสมอ ใครเป็นใครก็เรียกให้ถูก โดยเฉพาะนายหญิงเป็นเมียนะคะ ทุกคนก็จะได้รู้ว่าเป็นเจ้านายไง”
“ไม่หรอกค่ะ มันจอมปลอม”
“ไม่ปลอมหรอกค่ะ แล้วนายดูเหมือนจะเครียดๆ ดุแต่เช้าเชียว”
“เอ่อ เหนื่อยจากเมื่อวานน่ะค่ะ คงอ่อนเพลียมากก็เลยพาลๆ ปกติทำงานเป็นแบบนี้หรือเปล่าคะ”
“เป็นแบบนี้แหละค่ะ แต่ก็เฉพาะเวลาทำงาน จะดุมาก เสียงเข้มตลอด คนงานเจ้าหน้าที่กลัวหมด ดุกว่าพ่อเลี้ยงเสือก็นายสิงนี่แหละค่ะ”
“ดุสมชื่อเลยค่ะ เอ่อจ้าจะไปเอาเอกสารลงมาให้ดีกว่านะคะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวนิตรอ” ว่าแล้วเจิดจ้าจึงได้รีบขึ้นไปบนห้อง จัดเอกสารที่ควรใช้ในการสมัครงานลงมาให้นิตยาอีกครั้ง ซึ่งนิตยาก็ยังคงสงสัย เพราะเจ้านายหนุ่มไม่ได้บอกว่าจะให้ภรรยามาทำงานช่วย
“จ้า ไม่รู้ว่าจะต้องช่วยอะไรบ้าง เข้างานเมื่อไหร่ เรื่องการแต่งตัวอีก”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เดี๋ยวนิตจัดการให้ เพราะนายบอกว่าให้นิตดูแล นี่ก็เข้าใจว่านายจะพักผ่อนฮันนีมูนซะอีก”
“ทำไมต้องคิดว่าหลังแต่งงานต้องฮันนีมูนคะ”
“ก็เตรียมงานมาทั้งเดือน ไหนจะวันแต่งก็เหนื่อยตั้งแต่เช้ามืดจดเที่ยงคืนซะล่ะมั้ง ควรได้พักผ่อน ไม่ใช่ลุกมาทำงานแบบนี้” อยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาไม่ได้อยากแต่งเสียหน่อย
“คงห่วงงานมั้งคะ หากจะบอกจะสอนอะไรจ้า ก็สอนมาเลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ คิดเสียว่าจ้าเป็นลูกจ้างอีกคน”
“เจ้านายก็คือเจ้านายค่ะ” นิตยาบอกยิ้มๆ ทว่าจังหวะเดียวกันนั้นเจ้านายก็กำลังเดินออกจากห้องอาหารพอดี ทำให้เธอหุบปากเงียบ ยิ้มเจื่อนๆ แล้วก้มหน้า ดูเหมือนว่าเจิดจ้าจะเดาได้ว่าคนดุกำลังเดินมา
“ได้เอกสารหรือยัง” สิงหราชถามเสียงเข้มทันที
“ได้แล้วค่ะ”
“ได้แล้วก็เอาไปให้ฝ่ายบัญชี”
“ค่ะนาย” นิตยารับคำก่อนจะลุกออกไปทันที
“จะอยู่ในชุดนอนอีกนานแค่ไหน” เขาว่า ขณะที่เธอนั่งหันหลังอยู่
“ก็ไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปเปลี่ยนนี่คะ ไปเอาเอกสารก็แค่แปบเดียว”
“งั้นก็เชิญ” เขาไล่เธอเสียงเข้ม แต่เธอหรือจะกล้าลุกในเมื่อเขายืนอยู่ด้านหลัง เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ในตอนนี้
“ถ้าไม่ลุก จะอุ้มขึ้นไปเปลี่ยน” สิงหราชขู่เพราะเห็นเธอยังนั่งนิ่ง พอได้ยินเท่านั้นแหละเจิดจ้าก็ลุกทันทีแต่ก้มหน้า เอี้ยวตัวหันกลับแล้วเดินผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็ว พอเดินพ้น