ตอนที่ 1 พังทลาย 1
“สารเลวเอ๊ย!” สิงหราชสบถหยาบด้วยความเกรี้ยวกราด พร้อมกับระบายอารมณ์ไปกับทุกสิ่งรอบกาย
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! ทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องถูกพังทลายลง กระจัดกระจายเต็มพื้นเพราะแรงอารมณ์ โทสะ เศษแจกันแตกเป็นเสี่ยงๆ ความเกรี้ยวกราดถูกระบายลงไปกับสิ่งของราวกับพายุคลั่ง เสียงโครมครามดังลั่นบ้าน จนบรรดาผู้คนรอบๆ ได้แต่เงี่ยหูฟัง แต่ไม่กล้าเข้ามาใกล้ คนที่กล้าหาญเข้ามาคือผู้เป็นพ่อเท่านั้น
“ให้ตายเถอะ! ลูก! สิง!” ผู้เป็นบิดาเดินเข้ามาพร้อมกับหยุดยืนอยู่ตรงประตูห้องนั่งเล่น สายตากวาดมองไปทั่วพื้น ก่อนจะมองไปที่บุตรชายเพียงคนเดียวที่ยืนเอามือกุมขมับเอาไว้แล้วก้มหน้า
“นายครับ ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ใจเย็นๆ พ่อเลี้ยงมาน่ะ” ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้าไปเอามือลูบหลังผู้เป็นนายเบาๆ เพื่อปลอบโยน
“สิง... ใจเย็นๆ ก่อนนะ พ่อว่ามันมีทางแก้ไข” บิดาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบมองลูกชายด้วยความเป็นห่วง สิงหราชพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ
“ทางแก้ไข อีกสองวัน อีกสองวันน่ะเหรอพ่อ! จะแก้ไขยังไง!” เขาหันมาตะคอกใส่ผู้เป็นบิดาด้วยน้ำเสียงเดือดดาล ดวงตาแดงก่ำและจ้องเขม็ง ชั่วครู่เขาก็หันกลับ
“เอ็งมาเก็บเศษแก้วพวกนี้ไปให้หมด ฉันจะคุยกับนาย” บิดาหันไปสั่งลูกน้องเสียงเข้ม
“ครับพ่อเลี้ยง” คนรับใช้รับคำ ก่อนจะเดินก้มหน้าแล้วเลี่ยงเศษต่างๆ ขณะเดียวกันผู้เป็นพ่อก็เดินเข้าไปหาลูกชาย พลางถอนใจพร้อมกับเอามือตบไหล่เบาๆ
“ทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง เขาทำได้ยังไง” คราวนี้น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นสั่นเล็กน้อย เพราะมันระคนไปด้วยความเจ็บแค้นเสียเหลือเกิน
“ไม่ต้องเสียใจไป ดีเสียอีกที่รู้ตอนนี้ ดีกว่าจะสายเกินไปกว่านี้”
“ดีตรงไหนครับ ผมเสียใจ ผมเจ็บ และเกลียดคนบ้านนั้น นี่เรียกว่ายังไม่สายอีกเหรอครับ”
“ดีตรงที่ ถ้าแต่งกันไปแล้วแกดันรู้ว่าลูกในท้อง ไม่ใช่ลูกตัวเอง เมียแกแอบคบชู้ มันจะยิ่งเจ็บกว่านี้นะพ่อว่า”
“ผมก็ยังไม่เห็นข้อดี เอาเท้าเหยียบย่ำใจผมกันทั้งบ้าน ดูถูกเรา ดูถูกความซื่อสัตย์ของผม หักหลัง สวมเขาให้ผมมานานแค่ไหนแล้วถึงท้อง อดรนทนไม่ได้จนต้องหนีตามกันไปแบบนี้ แล้วทิ้งภาระทั้งหมดเอาไว้ให้เรา”
“เฮ้อ! ดีกว่าเกิดเรื่องทีหลัง แล้วลูกจะเจ็บกว่านี้และจะเกลียดเขามากกว่านี้”
“ตอนนี้ผมยังเกลียดไม่พอใช่ไหม ใช่ไหม! ถ้าผมเจอหน้าบ้านนั้นสักคน ผมจะบีบคอให้ตาย”
“ไม่พูดอย่างนั้นสิลูก” เสียงของมารดาดังขึ้นด้วยเสียงอันอ่อนโยนทำให้ลูกชายหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งเพื่อจะได้ใจเย็น
“ใจเย็นๆ ได้ไหม อารมณ์ร้อนมันไม่ได้ช่วยอะไร เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว” มารดาบอกเสียงนุ่ม
“ผมจะทำแน่ครับ ไม่ว่าผมจะเจอใคร ผมจะทำ จะ...” เขาจะบีบคอให้ตายคามือเชียว
“สิง คิดดูดีๆ มันมีทางแก้นะลูก แม่เพิ่งได้รับสายจากพ่อแม่ของทางนั้น จะขอเข้ามาพบลูก”
“มาให้ผมฆ่าทิ้งเหรอครับ” สิงหราชถามกลับอย่างเดือดดาล
“มาเพื่อให้เรายกโทษให้ เพราะทางนั้นก็ช็อกไม่แพ้เราหรอก เขาเป็นคนมีหน้ามีตา แม่เชื่อว่าต้องหาทางแก้ไขกันอยู่”
“อย่าบอกนะว่าทางแก้ไขคือ เอาตัวกลับมา ทำแท้ง หรือไม่ก็ให้ผมเป็นพ่อซะเลย อย่างนั้นเหรอ”
“พ่อว่าคงไม่หรอก ในเมื่อคู่หมั้นแกเลือกคนอื่นไปแล้ว ไม่มีทางเลือก
เราหรอกถ้าไม่ถูกบังคับ”
“ฉะนั้นก็ไม่มีทางแก้ไขอะไรหรอกครับ ในเมื่อไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง ผมรับได้ เจ็บไม่นานหรอก แต่เกลียดยาว”
“แล้วพ่อกับแม่ล่ะ แล้วไหนจะทางนั้น นั่นลูกสาวรองผู้ว่าฯ ไม่ใช่ตาสีตาสา”
“เหรอครับ ลูกสาวรองผู้ว่าฯ แล้วไหงถึงมีชู้ไม่นึกถึงหน้าตาตัวเอง พ่อแม่หรือสังคมหรือเรา สังคมมองว่าคู่เราเหมาะสม ผมก็ยอมตามที่เห็นสมควรแล้วนี่เหรอสิ่งตอบแทน ให้ผมเจ็บครั้งเดียวยังไม่พอ จะให้เจ็บอะไรอีก”
“ลองฟังดูว่าเขาจะแก้ไขยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้น อีกสองวันจะถึงงาน แขกผู้ใหญ่ของบ้านเมืองก็เชิญหมดแล้ว พ่อก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง”
“เฮ้อ” สิงหราชได้แต่ถอนใจ กำมือแน่น กัดฟัน พยายามอย่างมากที่จะไม่โกรธพาลใส่พ่อแม่ ในขณะที่หัวใจของเขามันเจ็บ จุก เพราะถูกหักหลัง มันเจ็บจนอยากจะบีบคอทุกคนให้ตายคามือ
“แม่รู้ว่าลูกเสียใจ เข้าใจความรู้สึก แต่เราเป็นผู้ชายคงทำแบบนั้นไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คืออดทน”
“อดทน หึ ผม... ทั้งช็อกแล้วก็เจ็บมาก เจ็บจนโกรธ ผมอยากจะ...” เขาอยากจะบอกเหลือเกินว่าหากมีปืนอยู่ในมือคงได้บึ่งไปฆ่าครอบครัวนั้นแน่
“อารมณ์ร้อนก็ไม่ได้ช่วยอะไร เขากำลังจะมาใช่ไหมแม่”
“ค่ะ ทางนั้นก็ร้อนใจเหมือนกัน ตอนคุยกันก็บอกว่าจะมาเลย บอกแต่ว่ามีทางแก้ จะลองคุยกับสิงดู”
“ผมไม่แต่งงานกับคนที่ไม่มีใจให้ผมแล้ว ไม่แต่งกับคนมีราคี” สิงหราชบอกและยังคงกัดฟันแน่นข่มอารมณ์โกรธ
“เรื่องนั้นพ่อรู้ อยากฟังคำแก้ตัวของเขา แต่ตอนนี้ลูกต้องใจเย็นๆ อย่าเพิ่งโมโหอะไรทั้งสิ้น รอเวลาก่อน”
“ผมจะทนได้เท่าที่จะทน ถ้าไม่ไหว ก็รู้ใช่ไหมว่าผมเป็นคนยังไง ต่อให้เป็นรองผู้ว่าฯ ก็เถอะ ผมไม่ได้กลัวใคร” ฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าลูกชายคนนี้ไม่อภัยให้ใครง่ายๆ
“โอเค แม่ไปบอกให้เด็กๆ ทำอะไรไว้รอดีกว่า คุยกับพ่อต่อนะลูก”
“ครับ” สิงหราชรับคำแบบขอไปที จากนั้นมารดาจึงได้ออกไปจากห้องนั่งเล่น เพื่อจะได้ไปสั่งความให้คนรับใช้จัดเครื่องดื่มและอาหารว่างไว้รอแขกที่กำลังเดินทางมา ขณะเดียวกันคนรับใช้ส่วนหนึ่งก็เข้ามาเก็บกวาดหลักฐานที่เขาเป็นคนทำภายในห้องนั่งเล่นเพื่อไม่ให้มีเศษแก้วอีก
“ผมขอออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยนะครับคุณพ่อ” ว่าแล้วเขาก็ออกไปข้างนอกทันที โดยไม่รอให้บิดาเอ่ย บิดาไม่ได้ตามไปเพราะอยากให้ลูกชายอยู่ลำพังไปก่อน ไม่อยากไปกระตุ้นให้มีน้ำโหไปมากกว่านี้ แต่อย่างว่าใครจะไม่โกรธเมื่อรู้ว่าผู้หญิงที่กำลังจะแต่งงานด้วย ตัดสินใจหอบเสื้อผ้าหนีไปกับชายอื่นก่อนวันแต่งเพียงสองวัน ทิ้งปัญหาร้อยแปดให้คนที่อยู่เบื้องหลังแก้ปัญหา แล้วลูกชายคนนี้ไม่ใช่คนที่ใครจะแตะต้องความรู้สึกได้ง่ายๆ แม้กระทั่งพ่อคนนี้ก็ตาม ได้นิสัยพ่อไปเต็มๆ ติดจะเกินพ่อไปอีก