อย่างกับความฝันที่เฝ้าหามาตลอด สามคน พ่อ แม่ และลูก กำลังนั่งทานอาหารเย็นร่วมกัน โดยมีของโปรดของเพกาวางเรียงรายเต็มโต๊ะ เป็นรสชาติที่ไม่ว่าจะหาซื้อที่ไหนก็ไม่สามารถหาได้ เป็นมื้ออาหารที่คิดถึง... รสอาหารฝีมือของพ่อ
จากพนักงานออฟฟิศวัน ๆ บ่นแต่ปวดหลัง ตอนนี้กลายมาเป็นเด็กมัธยมวัยใส ร่างกายแข็งแรง ไร้อาการเจ็บปวดจากออฟฟิศซินโดรม ก็แสนสุข ไม่ต้องคิดอะไรมากเหมือนตอนทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไร้วันหยุด ขนาดเสาร์อาทิตย์ที่ควรจะพักผ่อน ยังต้องเปิดงานออกมาทำเพราะลูกค้าต้องการด่วน แม้จะมีสวัสดิการแรงงานให้ลา แต่กว่าจะลาได้แต่ละครั้งก็ต้องตอบคำถามจนขี้เกียจตอบ ถ้าฟลุกลาได้ ก็ต้องระแวงสายโทรเข้าว่าจะเป็นเรื่องอีกหรือเปล่า
ชีวิตที่ดูเหมือนจะเป็นของเจ้านายไปเสียทุกอย่าง ลองกลับมาเป็นเด็กมัธยมปลายก็เข้าท่าไม่เลว
แต่รู้สึกว่าพระเจ้าจะส่งบททดสอบมาตลอด ทั้ง ๆ ที่หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน แม้จะนอนมาแล้วทั้งวันก็อยากจะนอนอีก สมองเจ้ากรรมดันไปนึกถึงการบ้านที่ตัวเธอต้องทำให้เสร็จก่อนส่งพรุ่งนี้ สุดท้ายก็ต้องลากสังขารสมองที่ห่างการเรียนมาหลายปีทำการบ้านที่ดูเหมือนง่าย... แต่ก็ไม่ง่ายเลย
‘ครูที่นี่สั่งการบ้านนี่แข่งกันเหรอ ใครสั่งเยอะกว่าชนะหรือไง!?’
ตึง~
เสียงแจ้งเตือนจากโปรแกรมแชตชวนคิดถึงอย่าง MSN ดังขึ้นเตือนว่าตอนนี้มีเพื่อนของเธอกำลังออนไลน์อยู่ เห็นแล้วชวนคิดถึงสมัยก่อน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเซฟโซนเลยก็ว่าได้ เพกามักจะเพิ่มเพื่อนใหม่ ๆ จากเว็บบอร์ด มาพูดคุยแลกเปลี่ยนตามประสาคนขี้เหงาคนหนึ่ง อย่างน้อยในช่วงเวลานี้ ก็อยากจะมีใครสักคนรับฟังเธอบ้าง อีกทั้งยังได้รับสกิลอย่างการพิมพ์สัมผัสจากการเล่นโปรแกรมแชตนี้ด้วย
“อ่า~ เอ็มนี่เอง ไม่ได้เห็นนานแล้วแฮะ เหมือนตอนนี้จะปิดไปแล้วสินะ”
เพกาเลื่อนดูไปมาชวนให้รู้สึกคิดถึงสมัยก่อน สมัยที่เทคโนโลยีไม่ได้มากเหมือนตอนนี้ ชื่อเพื่อนแต่ละคนของเธอ ต่างคนต่างใส่อักษรพิเศษกันแทบทุกคน เมื่อก่อนมันเท่มากเลยนะ แต่พอลองมองจากตอนนี้สิ
“เชยชะมัด!”
เพกาหัวเราะร่วนกับชื่อของเธอเอง ‘Miss. Butterfly’ ให้ตายเถอะ ตอนนั้นคิดอะไรอยู่นะถึงตั้งชื่อนี้ เธอได้แต่ส่ายหัว มองดูชื่อของคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ต่างจากเธอสักเท่าไหร่ แต่กับสะดุดกับชื่อที่ดูไม่คุ้นตา จำไม่ได้เลยสักนิดว่ามีเพื่อนชื่อนี้อยู่ด้วย
‘Mr. Sunshine’
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูห้องเรียกความสนใจของเจ้าของห้องให้หันไปตามเสียง “ดึกแล้วนะลูก นอนได้แล้วเดี๋ยวตื่นสาย”
“ค่า~”
พอดูเวลาที่มุมจอคอมพิวเตอร์แล้วก็ปาเข้าไปเกือบ 5 ทุ่มแล้ว หากเป็นช่วงปัจจุบันของเธอ ถือว่าปกติมาก เป็นช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นดูซีรีส์ที่ดองเอาไว้ในไหมหาศาล แม้จะเสียเวลาไปกับการเลือกว่าจะดูอะไรจนง่วงก็ตาม แต่พอกลับมาเป็นเด็กสาวมัธยมปลาย เวลานี้จะต้องเข้านอนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ได้แล้ว
วันนี้มันช่างยาวนานสำหรับเธอ เรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร คิดว่าเรื่องพวกนี้จะมีแค่ในละคร ซีรีส์ หรือนิยายเสียอีก แต่พอมาเกิดขึ้นกับเธอจริง ๆ มันก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ยิ่งกับผู้ชายคนนั้น ที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนนั่นอีก
“เขาเป็นใครกันแน่นะ?”
ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง
“นี่ครับคุณหนู ของที่คุณหนูต้องการ”
“ขอบคุณมากครับ คุณพิพัฒน์” ซันรับของที่ขอให้คุณพิพัฒน์ซื้อมาเปิดดู เป็นมือถือไอโฟนรุ่นล่าสุด ณ เวลานี้ ก่อนจะเก็บมันใส่ลงถุงกระดาษเหมือนเดิม “ทำไมมองผมแบบนั้นล่ะครับ?”
“ผมไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณหนูกำลังทำอยู่ตอนนี้เลยนะครับ มันดู...”
“ไร้สาระ... สินะครับ” คนโดนทักท้วงหันไปยิ้ม ในแววตาของเขา ไร้ซึ่งความกังวล หรือลังเลเลยแม้แต่น้อย
“ครับ”
“ก็จริงที่มันอาจจะดูไร้สาระสำหรับคุณ แต่สำหรับผม มันสำคัญมาก”
“ช่วยอธิบายทีครับ ผมไม่เข้าใจว่ามันสำคัญอย่างไร ที่ถึงขั้นต้องตัดโอกาสของตัวเอง ย้ายมาโรงเรียนต่างจังหวัดแบบนี้ เพื่อผู้หญิงคนเดียว”
พิพัฒน์ เขาไม่เคยเชื่อเรื่องความรักเลยตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยแม้จะเปิดใจรับใครสักคนเข้ามา ทำให้ตนเองไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณหนูเขากระทำอยู่ ถึงขนาดยอมทิ้งทุกอย่างมาเพื่อผู้หญิงคนเดียว
“เพราะผมรักเธอ”
เป็นคำตอบง่าย ๆ ที่ดูจะไร้สาระเกินไปสำหรับคนวัย 28 ปีอย่างพิพัฒน์ เขาทำได้แค่ถอนหายใจ และทำตามในสิ่งที่คุณหนูตนต้องการเท่านั้น แม้มีศักดิ์เป็นเหมือนญาติ แต่สำหรับพิพัฒน์แล้ว มันดูมากเกินไปสำหรับคนอย่างเขา ที่จะมองว่าตนเองเท่าเทียมกับคนในตระกูลนี้
‘ความรักของหนุ่มสาว มันจะสักเท่าไหร่กัน’ มันคงเป็นคำปรามาสที่เขามีให้ญาติผู้น้องตน และคนอื่น ๆ ด้วย
“แล้วอีกเรื่องที่ผมขอไปก่อนหน้านี้ เขาว่ายังไงบ้างครับ” ซันถาม
“มันจะไม่มากเกินไปหรือครับ?” เขาถามอีกครั้ง เพราะอยากให้ซันเปลี่ยนใจ
“ไม่มากเกินไปหรอกครับ... เพราะมันอาจจะเป็นโอกาสเดียวของผมแล้วก็ได้”
ซันเองก็ไม่รู้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เขาจะสามารถหยุดเรื่องราวร้าย ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเพกาได้หรือไม่ อย่างน้อยเวลานี้ ให้เขาได้ทำอะไรสักอย่างเพื่อเธอ แม้มันอาจจะดูมากเกินไป แต่เพกาสำหรับซันแล้วนั้น มันไม่มีอะไรที่มากเกินไปเลย... ไม่เอาอีกแล้ว ที่จะมาเสียใจภายหลังแบบนั้น
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”
“ขอบคุณมากครับ” ซันยิ้มขอบคุณด้วยความจริงใจ
ซันมองไปยังถุงกระดาษที่วางไว้ตรงหน้า ด้วยความคาดหวังว่ามันจะได้ส่งต่อไปยังเจ้าของของ หากความคิดของเขามันถูกต้อง เพกา อาจจะเป็นแบบเขา เป็นอีกคนที่ย้อนเวลามาด้วยเหตุผลบางอย่าง หรือไม่ก็เหตุผลเดียวกัน
“หวังว่ามันจะได้ไปอยู่กับเธอนะ เพ”