เพราะสองร่างเดินเคียงข้างกันแบบแทบจะสิงสู่ ทำให้ต้นขาด้านข้างของหล่อนสัมผัสกับลำขาแข็งแรงที่ขยับเขยื้อนไหวด้วยความมั่นใจและทรงพละกำลังต่อเนื่อง
ความวาบหวามระเบิดในอกสาว และมันก็ทำให้หล่อนแทบหายใจหายคอไม่ออก ในที่สุดก็เหมือนจะหมดแรง จำต้องหยุดเดินและซบหน้าอิงแอบกับเรือนกายทรงพลังของเคลวินเอาไว้ เขาหยุดเดิน โอบกอดหล่อนไว้ หล่อนรับรู้ได้ถึงกายหนุ่มที่เกร็งเครียดขึ้นกว่าปกติ กลิ่นอายจากเนื้อตัวของเขาเซ็กซี่มาก และมันก็เย้ายวนชวนให้หล่อนปั่นป่วนเหลือเกิน
“เธอแสดงดีมาก เฌอปราง”
นี่เขาคิดว่าที่หล่อนยืนอิงแอบแนบแก้มกับหน้าอกกว้างของเขาเป็นการแสดงอย่างนั้นเหรอ
“เอ่อ... ค่ะ...”
เขาหัวเราะเบาๆ ลมหายใจอบอุ่นปะทะเข้ากับต้นคอของหล่อนเมื่อเขาโน้มหน้าเข้ามากระซิบอีกครั้ง
“แต่เราต้องขึ้นรถแล้ว”
“ค่ะ...”
เขาดันหล่อนออกห่างเล็กน้อย สบตากับดวงตาที่เต็มไปด้วยความเอียงอายและหวั่นไหวของหล่อน ก่อนจะรั้งให้ก้าวขึ้นไปบนรถหรูที่จอดรถอยู่
“ฉันหวังว่าเธอจะแสดงได้เยี่ยมแบบนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าณิชานะ เฌอปราง”
เขาพูดขึ้นอีกครั้งด้วยความคาดหวัง และจากนั้นก็ขับรถ พาหล่อนออกจากบ้านหลังใหญ่ไปในที่สุด
หล่อนนั่งนิ่ง สองมือประสานกันบนตักเล็ก และก็เตรียมตัวเตรียมใจที่จะเผชิญหน้ากับละครฉากใหญ่ที่กำลังรออยู่ข้างหน้าอย่างไม่มีทางเลือก
รถคันงามแล่นมาจอดสนิทยังหน้าโรงแรมหรูซึ่งหากหล่อนจำไม่ผิดโรงแรมแห่งนี้คือโรงแรมระดับเจ็ดดาวแห่งเดียวของจังหวัดเชียงราย
“พร้อมนะ”
น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นหลังจากภายในรถถูกความเงียบกลืนกินอยู่นานเกือบสี่สิบห้านาที
หล่อนหันไปมองคนตัวโต แสงไฟที่ประดับอยู่หน้าโรงแรมสะท้อนส่องเข้ามาภายในรถ ทำให้หล่อนได้เห็นสีหน้าและแววตาของเคลวินได้อย่างชัดเจน เขาคาดหวังที่จะได้รับคำตอบน่าที่พึงพอใจจากหล่อน
“พะ... พร้อมค่ะ”
ริมฝีปากหยักสวยของเคลวินยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะก้าวลงไปจากรถ พร้อมกับยื่นมือใหญ่มาตรงหน้าของหล่อน
“เอ่อ...” หล่อนไม่คุ้นชินกับการที่ต้องให้สุภาพบุรุษมาดูแลแม้แต่การก้าวลงจากรถ แต่สายตาที่เต็มไปด้วยคำสั่งของเคลวิน ทำให้จำต้องวางมือเล็กขาวสะอาดลงบนอุ้งมือใหญ่อย่างไม่มีทางหลีกหนี
“ระวังนะ”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนว่าทุกครั้งที่เคยได้ยิน แต่หล่อนก็รู้ดีว่า นี่คือการเริ่มต้นของบทละครลวงโลกในวันนี้
“ขอบ...คุณค่ะ”
เขาอมยิ้มบางๆ และดึงมือของหล่อนให้ไปสอดรัดอยู่กับท่อนแขนกำยำ จากนั้นก็พาหล่อนเดินเคียงข้างเข้าไปบนพรมหนาสีชมพูหวานที่ถูกปูเอาไว้ต้อนรับแขก
แข้งขาของหล่อนสั่นเทา หัวใจก็สั่นสะท้าน การเดินเคียงข้างผู้ชายที่แอบรักมันคือความฝันที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นจริงขึ้นมาได้ แม้ว่ามันจะเป็นแค่ละครฉากสั้นๆ ก็ตาม
เฌอปรางอดที่จะเอียงคอและเงยหน้ามองเคลวินไม่ได้ ปลายคางของเขาหยักบุ๋มและมีสีเขียวจางๆ ที่เกิดขึ้นเพราะการโกนหนวดออกไป
เคลวินหล่อเหลาราวกับหล่นลงมาจากฟากฟ้า สมบูรณ์แบบไปทุกกระเบียดนิ้ว และก็เป็นที่หมายปองของสาวน้อยใหญ่มากมาย ซึ่งหล่อนยังแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าณิชาจะกล้าทิ้งเคลวิน
“อุ๊ยยย...”
เพราะมัวแต่มองเขา ทำให้ไม่ทันได้มองทาง รองเท้าส้นสูงที่ไม่คุ้นชินกับการสวมใส่จึงสะดุดกับพรมที่ปูเอาไว้เป็นคลื่น ร่างของหล่อนแทบจะล้มไปตะครุบกบเบื้องหน้าให้อับอาย แต่โชคดีที่มือใหญ่ของเคลวินคว้าเอาไว้ได้เสียก่อน
“เป็นอะไรหรือเปล่าที่รัก”
‘ที่รัก’
ดวงตากลมโตเบิกโพลงเมื่อได้ยินคำพูดหวานฉ่ำจากปากของเควิน มันคือคำพูดที่ไม่ได้เตี้ยมกันเอาไว้ พวงแก้มนวลแดงระเรื่อและเต็มไปด้วยความขัดเขินออกมาจากข้างในจริงๆ ซึ่งแน่นอนว่าเคลวินต้องการแบบนี้
“เอ่อ... ไม่... ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นเราเข้าไปในงานกันเถอะ”
น้ำเสียงและท่าทางของเคลวินอ่อนโยนเหลือเกิน จนหัวใจของหล่อนเต็มไปด้วยความอิจฉาณิชา
“ค่ะ”
เคลวินระบายยิ้มให้กับหล่อน ก่อนจะพาหล่อนเดินลึกเข้าไปในงานแต่งที่ถูกจัดขึ้นอย่างตระการตา ทุกซอกทุกมุมเต็มไปด้วยความโรแมนติกจากภาพถ่ายของเจ้าสาวและเจ้าบ่าว
รอยยิ้มของเจ้าสาวในรูปช่างเป็นรอยยิ้มที่สวยงามและบอกให้รู้ว่ามีความสุขเหลือเกิน
เฌอปรางยืนมองรูปคู่ของบ่าวสาวด้วยความชื่นชมและยินดีด้วย ซึ่งตรงกันข้ามกับเคลวินอย่างสิ้นเชิง มือใหญ่ที่วางอยู่บนเนินสะโพกสาวเผลอขยุ้มลงบนเนื้อนุ่มเต็มแรงอย่างลืมตัว จนเฌอปรางอุทานด้วยความเจ็บ นั่นแหละเคลวินถึงได้สติ
“ฉันขอโทษ... ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“เอ่อ... ไม่... หนูไม่เป็นไรค่ะ”
หล่อนช้อนตาขึ้นมองใบหน้าของเคลวิน รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของเขาหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ความเกรี้ยวกราด เจ็บปวดที่แสดงอย่างชัดเจนบนใบหน้าหล่อเหลา
เคลวินยังคงรักณิชามาก... นี่มันคือความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ โดยเฉพาะเคลวิน
“พ่อเลี้ยงค่ะ เจ้าบ่าวเจ้าสาว... อยู่ตรงนั้นค่ะ”
เมื่อเห็นเคลวินยืนนิ่งอยู่นาน หล่อนจึงสะกิดเรียกสติของเขา ชี้เป้าให้เขาเห็นว่าเบื้องหน้าคือคู่บ่าวสาวที่เขาจะต้องเข้าไปอวยพรให้ตามมารยาท
“อืม”
น้ำเสียงของเคลวินแข็งกระด้าง ขณะโอบประคองรอบเอวของหล่อนด้วยมือใหญ่อีกครั้ง ร่างของหล่อนแนบชิดกับเรือนกายทรงพลัง และเคลื่อนไหวไปข้างหน้าพร้อมกัน
เจ้าบ่าวและเจ้าสาวกำลังยืนทักทายแขกอยู่ด้านหน้าก่อนที่จะเข้าไปในงานเลี้ยง ทั้งคู่ยิ้มแย้มและเต็มไปด้วยความสุขจนน่าอิจฉายิ่งนัก
เฌอปรางมองคนทั้งคู่ด้วยความชื่นชม โดยเฉพาะเจ้าสาวที่วันนี้สวยงามราวกับเจ้าหญิงในนิยายไม่มีผิด ชุดแต่งงานของณิชาเป็นสีงาช้างเปิดไหล่ ประดับด้วยลูกไม้สุดหวานจากแบรนด์ยี่ห้อเสื้อผ้าชื่อดังจากอิตาลี ในขณะที่เจ้าบ่าวของหล่อนก็หล่อเหลาอยู่ในชุดสูททักซิโด้หางยาวสีเดียวกันกับชุดเจ้าสาว
“ฉันให้เธอมาช่วยทำให้ณิชากระอักเลือด ไม่ได้ให้มายืนมองแสดงความยินดีกับคนพวกนั้น”
เสียงกระด้างกระซิบอยู่เหนือศีรษะ เรียกสติของเฌอปรางให้กลับคืนมาได้ทันที
“เอ่อ...”
หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขาด้วยความหวาดกลัว และก็ต้องหน้าซีดเผือด เมื่อเห็นความไม่พอใจอัดแน่นอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่กำลังลุกเป็นไฟ
“ยิ้ม และแสดงบทบาทคนรักที่งดงามของฉัน”
“ค่ะ”
เคลวินรั้งให้หล่อนเดินเข้าไปใกล้คู่บ่าวสาวมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางสายตาแขกเหรื่อที่พอจะจำเคลวินได้ว่าเป็นอดีตคนรักของเจ้าสาวคนสวย
เสียงซุบซิบนินทาดังแว่วมาเข้าหู แต่หล่อนทำได้แค่ฝืนยิ้ม ในขณะก้าวเท้าไปหยุดตรงหน้าของบ่าวสาวตามที่เคลวินต้องการ
“พระเจ้า... ไม่คิดว่าคุณจะมาร่วมงานด้วยนะคะเคน”
ท่าทางของณิชาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจและประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นเคลวินมาร่วมงาน
เคลวินอมยิ้ม ยื่นมือไปสัมผัสกับเจ้าบ่าวของณิชา จากนั้นเขาก็กอดหล่อนแน่นขึ้น
“ทำไมผมจะไม่มาล่ะ ในเมื่ออดีตเมีย... ไม่สิ... อดีตคนรักเก่าแต่งงานทั้งที”
หล่อนเห็นณิชามีสีหน้าไม่ดีนักกับน้ำเสียงเย้ยหยันของเคลวิน แต่หล่อนก็ปรับสีหน้า และแสร้งหัวเราะออกมา ราวกับมันคือเรื่องที่ขบขัน
“แหม ก็ณิคิดว่าคุณจะมาไม่ไหว เพราะยังตัดใจจากณิไม่ได้น่ะค่ะ แต่ก็ขอบคุณนะคะที่มา”
ณิชายิ้มยียวน และสอดแขนเข้าไปในท่อนแขนของเจ้าบ่าวของตนเอง พร้อมกับแนบหน้าลงไปด้วย
“จัสตินคะ นี่เคนค่ะ อดีตคนรักของณิเองค่ะ คนที่เมาจนหัวราน้ำเพราะถูกณิสลัดรักน่ะค่ะ”
เฌอปรางเป็นห่วงเคลวินมาก กลัวว่าเขาจะทนรับคำเยาะหยันจากณิชาไม่ไหว แต่ผิดคาด ชายหนุ่มกับหัวเราะร่วน จากนั้นก็เอียงคอมองณิชา
“คุณแน่ใจหรือว่าเป็นฝ่ายสลัดรักผมน่ะ ณิชา”
ณิชาหน้าเสียและก็ปรายตามองหล่อนด้วยความแปลกใจคลับคล้ายคลับคลาว่าจะจำหล่อนได้
“ณิแน่ใจสิคะ แล้วนี่ไปเช่าผู้หญิงมาจากไหนคะ หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้อยู่นะ แต่ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของณิเลย”
ณิชาเต็มไปด้วยความหยิ่งทระนง และกระหายที่จะเอาชนะ แต่คนอย่างเคลวินยอมเจ็บแต่ไม่ยอมเสียหน้าเด็ดขาด และที่สำคัญเหตุผลที่เขาเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับณิชาในวันนี้ก็เพื่อที่จะเอาชนะ
“คุณจำเฌอปรางไม่ได้หรือณิชา”
“เฌอปราง...?”