ณิชาพยายามคิด และก็มองหน้าเฌอปรางอย่างพิจารณา ก่อนจะพูดขึ้นเมื่อจำได้
“ว่าแล้วเชียวหน้าคุ้นๆ นี่ไม่น่าเชื่อนะคะว่าเด็กกะโปโลนั่นจะแต่งตัวขึ้นเหมือนกัน” ณิชาหัวเราะ ก่อนจะถามต่อด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน “ว่าแต่คุณไม่มีผู้หญิงอื่นให้ควงมางานแต่งของณิแล้วเหรอคะ ถึงต้องไปรบกวนเด็กอย่างเฌอปรางน่ะ”
เคลวินยิ้มเลือดเย็น จ้องประสานสายตากับณิชา ก่อนที่ริมฝีปากหยักสวยจะขยับ
“เฌอปรางเป็นเมียผม
“ฮะ?!”
ดวงตาของณิชาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“คุณว่าอะไรนะเคน?”
เคลวินหัวเราะร่วน “ผมบอกว่าเฌอปรางเป็นเมียผม เราสองคนรักกัน และก็ลักลอบคบกันลับหลังคุณมาได้เกือบปีแล้วล่ะ” นี่แหละสิ่งที่เขาอยากเห็นจากใบหน้าของณิชา
ตกใจ...
เหลือเชื่อ...
และแค้น...
“ความจริงที่ผมเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของคุณในครั้งนี้ ผมไม่ได้มาเพราะจุดประสงค์อื่นเลย นอกจากจะเดินทางมาเอ่ยคำขอโทษกับคุณเท่านั้น”
ยิ่งเห็นใบหน้าของณิชาซีดและตื่นตกใจเท่าไหร่ เคลวินก็ยิ่งสะใจ เขาประคองกอดร่างแข็งทื่อของเฌอปรางแนบแน่นขึ้น แสดงความเป็นเจ้าของด้วยการจูบแก้มนวล และไล้มือไปมาตามแนวสะโพกผาย
“งั้นที่คุณบอกว่าไม่มีเวลา วันๆ เอาแต่หมกตัวอยู่ในไร่ก็เพราะ... เพราะนังเด็กนี่เหรอคะเคน”
“ถูกต้อง ผมขอโทษนะณิชา ที่ผมโลเลและไม่สามารถรักคุณคนเดียวได้” เคลวินยิ้มบางๆ และหันไปมองหน้าจัสตินที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ข้างๆ กับณิชา
“ผมฝากคุณดูแลณิชาด้วยนะครับ เธอเจ็บปวดกับผมมามาก ผมไม่อยากให้เธอต้องเจ็บปวดอีก”
“เคน!” ณิชาเค้นเสียงโมโหเรียกชื่อเคลวิน “คุณร้ายกาจมาก ไอ้ผู้ชายเฮงซวย” แล้วณิชาก็ระดมกำปั้นทุบตีเคลวิน ชายหนุ่มดันร่างของเฌอปรางไปดันหลัง และยอมให้ณิชาทุบจนพอใจ
“ผมรู้ว่าคุณยังอาลัยอาวรณ์ผมอยู่ แต่สิ่งที่ผมให้คุณได้ในตอนนี้ก็คือให้คุณทุบผมจนกว่าจะสบายใจ เพราะคงไม่สามารถชดเชยสิ่งอื่นให้กับคุณได้อีกแล้ว”
“ณิชา... พอแล้ว อย่าทำอะไรให้ผมต้องอับอายมากไปกว่านี้อีกเลย” เจ้าบ่าวกระชากร่างของเจ้าสาวให้กลับไปยืนข้างๆ ด้วยท่าทางหงุดหงิดและอับอาย
“จัสติน คุณไม่เห็นหรือคะว่าผู้ชายคนนี้ร้ายกาจแค่ไหน เขานอกใจณิชา!”
“นี่คุณกำลังจะแต่งงานกับผมไม่ใช่เหรอณิชา หรือว่าคุณจะกลับไปแต่งงานกับคนรักเก่าล่ะ”
“จัสติน... คือณิ...”
เจ้าบ่าวดึงมือของเจ้าสาวออกจากท่อนแขนของตัวเอง ก่อนจะเดินหนีเข้าไปในงานอย่างไม่ไยดี
ณิชากำลังจะวิ่งตามเจ้าบ่าวไป แต่เสียงชิงชังของเคลวินดังขึ้นเสียก่อน
“จำเอาไว้นะณิชา... ผมต่างหากเป็นฝ่ายเทคุณทิ้ง ไม่ใช่คุณทิ้งผม...”
เสียงหัวเราะสะใจของเคลวินดังกังวาน และมันก็ทำให้ณิชาหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
“เคลวิน!”
“ผมขออวยพรให้คุณกับเจ้าบ่าวมีความสุขกับคืนเข้าหอ แต่ผมคงไม่ได้อยู่ร่วมงาน” เคลวินโอบร่างของเฌอปรางแน่นขึ้น ก่อนจะซบหน้าลงจูบที่ซอกคอระหงอีกครั้ง เรียกสายตาโตๆ ของณิชาให้จ้องมองมาได้เป็นอย่างดี “เพราะผมก็จะต้องไปเข้าหอกับเมียผมเหมือนกัน จริงไหมเฌอปราง”
“เอ่อ... ค่ะพ่อเลี้ยง”
“รู้ไหมว่าเธอน่ะน่ารักที่สุด”
เฌอปรางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเคลวินจะทำแบบนี้ มือใหญ่ของเขาเลื่อนขึ้นมาโอบใบหน้าของหล่อน ก่อนจะประทับจูบลงมาหา ริมฝีปากหยักสวยที่หล่อนเฝ้าฝันถึงมานาน กำลังบดเคล้ากลีบปากสาวอยู่ท่ามกลางสายตาของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแต่งงาน และเจ้าสาวของงานด้วย
หล่อนรู้สึกราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ สัมผัสอ่อนโยนที่ค่อยๆ ทวีความเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ปัดเป่าทุกสติสัมปชัญญะออกไปจากสมองของหล่อนจนหมดสิ้น สมองของหล่อนตอนนี้รับรู้ได้แค่เพียงสัมผัสของเคลวิน และตอบสนองความต้องการของเขาด้วยจูบแสนเงอะงะของตนเองเท่านั้น
“กรี๊ดดดดด เคน!!! คุณทำบ้าอะไรเนี่ย ออกไปจากงานแต่งของณิเลยนะ ไป๊!!!”
เสียงแหลมแสบแก้วหูของณิชาดังแหวกม่านปรารถนาเข้ามาในหูของหล่อน ซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เคลวินถอนจุมพิตออกไปพอดี
“ขอให้คุณมีความสุขนะณิชา” เคลวินหัวเราะเลือดเย็น “กลับบ้านกันเถอะเฌอปราง” ปลายนิ้วแข็งแรงที่เกาะกุมอยู่ที่เอวคอดรั้งให้หล่อนเคลื่อนไหวตามเขาออกมา
พอออกมาด้านนอกของตัวโรงแรม เคลวินก็ปล่อยมือออกจากเอวของหล่อน จากนั้นก็พาหล่อนเดินกลับไปยังรถที่จอดรออยู่ ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของเขาอีก แม้แต่ยามที่นั่งอยู่บนรถด้วยกันก็ตาม
เฌอปรางก้มหน้านิ่ง มองมือของตัวเองที่ประสานอยู่บนตักเล็กด้วยหัวใจที่ร้าวราน
รถคันงามจอดที่หน้าบ้านไม้สักหลังใหญ่ภายในไร่ชา หล่อนก้าวลงจากรถโดยไม่รอให้ใครต้องมาเปิดประตูรถให้ ในขณะที่เคลวินก็ก้าวตามลงมาเช่นกัน
เรือนกายสูงใหญ่เดินมาหยุดตรงหน้าของหล่อน สายตาสีน้ำตาลเข้มยังอัดแน่นไปด้วยความสะใจมากมาย
“คืนนี้เธอทำได้ดีมากเฌอปราง”
“เอ่อ...”
หล่อนอึกอัก เพราะไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยคำใดออกไปดี จึงทำได้แค่ฝืนยิ้มและก้มหน้าลงมองพื้นดินแทน
“อ๊ะ...”
ต้นแขนเปลือยกลมกลึงถูกสัมผัสด้วยฝ่ามืออบอุ่นเกือบร้อนของเคลวิน และเขารั้งหล่อนเข้าไปหา จนเนื้อตัวแทบจะสัมผัสกัน หัวใจสาวเต้นโครมคราม และก็จำต้องเงยหน้าขึ้นสบประสานสายตากับคนที่สูงกว่ามาก
กลิ่นหอมอ่อนๆ ซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะของเคลวินโชยมาเข้าจมูก มันทำให้หล่อนรู้สึกรวดร้าวในอุ้งเชิงกรานแปลกประหลาด กลีบปากอิ่มสั่นระริก เมื่อใบหน้าหล่อจัดโน้มหน้าต่ำลงมาหา เขาคล้ายกับจะจูบปากของหล่อน แต่ไม่ใช่
“เราไปดื่มฉลองกันเถอะ”
“หนู... ขอกลับห้องได้ไหมคะ”
“กลับห้อง?” เขาดันร่างของหล่อนออกห่างเล็กน้อย ก่อนจะอมยิ้มขบขันเป็นครั้งแรกในค่ำคืนนี้ “เธอลืมไปแล้วหรือว่าเธอย้ายมาอยู่กับฉันแล้ว ห้องเดียวที่เธอจะกลับก็คือห้องของฉัน”
นั่นสิ หล่อนลืมไปสนิทเลย
“เอ่อ... หนูลืมไปค่ะ”
“ไปฉลองกัน ฉันต้องการเพื่อนดื่ม”
มือของหล่อนถูกคว้าเอาไว้ และเขาก็รั้งให้หล่อนเดินตามเข้าไปในบ้าน หัวใจของหล่อนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดต่อจากวินาทีนี้เหลือเกิน
เคลวินพาเข้ามาในห้องนอนของเขา หลังจากที่ออกคำสั่งให้คนรับใช้นำเครื่องดื่มมึนเมามาให้เรียบร้อยแล้ว
หล่อนก้าวตามหลังคนตัวโตด้วยแข้งขาสั่นเทา บรรยากาศภายในห้องนอนของเคลวินยามค่ำคืนมันไม่เหมือนตอนกลางวันแม้แต่น้อย มันดูลึกลับ น่าค้นหา และก็แสนอันตราย
ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ ด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน เตียงใหญ่ริมห้องช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน กลีบปากอวบอิ่มสั่นเทา และก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อเคลวินก้าวเข้ามาหยุดด้านหลัง
“คิดอะไรอยู่หรือ”
“เอ่อ... ปะ เปล่าค่ะ”
มือใหญ่ของเขากุมที่เอวคอดเอาไว้ นิ้วแข็งแรงลูบไล้ขึ้นลงเล็กน้อย แต่มันกลับทำให้กายสาวสะท้านยะเยือกด้วยความตื่นกลัวเป็นที่สุด
“จะเปล่าได้ยังไง ฉันเห็นเธอจ้องมองเตียงนอนของฉัน... ไม่สิ ของเราตาแป๋วเลย”
“หนู...”
ดวงหน้างามร้อนผะผ่าว และแน่นอนว่าสองพวงแก้มจะต้องแดงระเรื่อยิ่งกว่าสีของผลตำลึงสุกเสียอีก
“คืนนี้เราจะทำอะไรสนุกๆ กันบนนั้นแหละ”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกอะไรมากนักนอกจากความกระหายใคร่ของบุรุษ ตรงกันข้ามกับหล่อนที่ใจสั่น ตัวสั่น และก็แทบจะเป็นลมอยู่รอมร่อ
“หนู... ขอ... เวลาได้ไหมคะ”
“ไม่...” เคลวินส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกับดึงคนที่ยืนหันหลังให้หมุนมาสบประสานสายตา
“ในเมื่อคืนนี้ณิชาเข้าหอ ฉันก็ต้องได้เข้าหอเหมือนกัน และฉันก็ต้องมีความสุขกว่าผู้หญิงทรยศคนนั้น”
หล่อนควรจะดีใจใช่ไหมกับสิ่งที่ได้ยิน...