บทที่ 2_1 เสียงหัวใจ

1359 คำ
ยามาฮ่า ฟีลาโน่สีแดงแรงฤทธิ์ ลูกสาวสุดรักสุดหวง ของหิรัญญิการ์แล่นฉิวบนถนนสี่เลนในตัวเมืองจังหวัด ก่อนตีไฟเลี้ยวขวา เลี้ยวเข้าโรงพยาบาลพัชรกานต์แพทย์ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งใหม่ของจังหวัด มาหยุดจอดในพื้นที่ที่จัดไว้สำหรับจอดรถมอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะ หญิงสาวลงจากรถ ไม่ลืมที่จะคว้าเอากระเป๋าถุงผ้าติดมือมาด้วย ก้าวเดินฉับๆ เข้าไปในตัวโรงพยาบาลที่เปิดเครื่องปรับอากาศอยู่ตลอดเวลาจนเย็นฉ่ำ หญิงสาวหยุดยืนตรงหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามออกไป พนักงานสาวสวยในชุดยูนิฟอร์มสีชมพูอ่อนของโรงพยาบาล ประจำเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันบ้าง เอ่ยทักทายขึ้นเสียก่อน “สงสัยวันนี้กับข้าวมื้อนี้คงจะเป็นหมันแล้วละค่ะ” หิรัญญิการ์คิ้วขมวด พนักงานสาวเหมือนจะดูอาการของเธอออกจึงเอ่ยแก้ข้อสงสัยให้กระจ่างชัด “คุณหมอรสออกไปกินข้าวกับคุณหมอแผนกศัลย์ค่ะ เพิ่งออกไปกันสักพักนี้เอง” ใบหน้าหวานเอียงขวาเล็กน้อย ‘ปกติจะไปไหนก็โทรบอกกันก่อนตลอดนี่นา ทำไมอยู่ๆ วันนี้ถึง...’ “เห็นว่านัดไปกันแบบกะทันหันน่ะค่ะ สงสัยคุณหมอรสเลยน่าจะลืมโทรบอกคุณ” ความคิดของหิรัญญิการ์สะดุดเมื่อประชาสัมพันธ์สาวคนเดิมที่เหมือนมานั่งอยู่ในใจของเธอก็เอ่ยตอบออกมาอีกครั้ง หญิงสาวเผยรอยยิ้มน้อยๆ พร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย “ขอบคุณนะคะ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่รบกวนแล้วค่ะ” เธอเอ่ยขอบคุณกับพนักงาน ร่างบางหมุนตัวหันหลังกลับแล้วก้าวเดินไปที่ประตูทางออก ทั้งที่ยังมีความงุนงง ทว่าปลายหางตาด้านซ้ายเหลือบไปเห็นใครบางคนรางๆ จึงหยุดฝีเท้า แล้วก้าวถอยหลังกลับมายืนจุดเดิมอีกครั้ง ดวงหน้าสวยหวานหันไปมองพร้อมกับเพ่งสายตาไปยังจุดที่มีใครคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ของโรงพยาบาล เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ได้ตาฝาด และมั่นใจว่าเป็นคนเดียวกับคนที่คิดเอาไว้ เรียวขาสวยจึงเปลี่ยนเส้นทาง เดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวข้างๆ คนที่นั่งก้มหน้าลงพื้นคล้ายคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต หิรัญญิการ์โน้มตัวลงพลางช้อนสายตาไปทางคนที่ยังนั่งนิ่ง “ดูท่าแล้ว น่าจะอาการหนักอยู่พอสมควร” คุณหมอปลอมๆ วินิจฉัย ก่อนจะต้องสะดุ้งโหยง ดีดมานั่งหลังตรงโดยอัตโนมัติ เมื่อจู่ๆ คนที่เธอลั่นวาจาให้นั้นดีดตัวกลับขึ้นนั่งหลังตรง ใบหน้าคมคายดูอารมณ์ไม่ดีพอสมควร “ตกใจหมดเลยหมวด!” เสียงใสแว้ดใส่ชายหนุ่ม เป่าลมปากพลางลูบกลางหน้าอกป้อยๆ เรียกขวัญ ร้อยโทปราบดา นายทหารหนุ่มประจำการอยู่ค่ายทหารเยื้องๆ กับโรงพยาบาล ทอดสายตามาที่หญิงสาวตัวเล็กข้างๆ แล้วเบือนหน้าหนี ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่มีอารมณ์พูดจากับใครทั้งนั้น “เอาแต่ถอนหายใจ ชาตินี้เราคงรู้หรอกนะว่าหมวดเป็นอะไร” สิ้นเสียงหวาน ปราบดาถอนหายใจหนักๆ อีกครั้ง หันทั้งหน้าและตัวเข้าหาหญิงสาว เบะปากทำหน้าทำตาเหมือนอยากจะร้องไห้ “รสนอกใจพี่ไปมีคนอื่น” ประโยคสั้นๆ ของนายทหารหนุ่มทำเอาหญิงสาวต้องร้อง “ฮะ!” หญิงสาวยกมือขึ้นเกาเหนือหางคิ้วเล็กน้อย ปั้นหน้าไม่ถูกว่าต้องแสดงออกมาอย่างไรดี ‘พี่รสจะนอกใจหมวดได้ยังไง ในเมื่อพี่รสยังโสด’ หิรัญญิการ์อยากจะพูดบอกออกไป แต่ทำเพียงแค่คิดในใจ “รัญพี่ถามอะไรหน่อยสิ...ระหว่างพี่กับไอ้หมอนั่น ยังไงรัญก็ต้องเลือกพี่เป็นพี่เขยอยู่แล้วใช่ไหม” ร้อยโทปราบดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ‘ไอ้หมอนั่น...ไอ้หมอนั่น แล้วมันหมอไหนกันหว่า’ “...” หญิงสาวเงียบไม่ตอบ กำลังงุนงงอยู่ เพราะตามเหตุการณ์ไม่ทัน “รัญ!” ปราบดาเห็นน้องสาวของหญิงสาวที่ตนเองรักนิ่งไป จึงร้องเรียกเสียงดังพร้อมกับเขย่าต้นแขนเล็กเรียกสติ เสียงเรียกชื่อของเธอจากร้อยโทปราบดาดึงสติหวนคืน ปลายนิ้วชี้เรียวถูกยกขึ้นมาจรดริมฝีปากชมพูระเรื่อ “จะเสียงดังทำไมเนี่ยหมวด อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง” เสียงหวานกระซิบบอกพลางหันหน้ามองรอบๆ ตัว “ก็พี่เห็นรัญเงียบไป พี่ถามก็ไม่ยอมตอบ” ปราบดาตอบด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม แล้วหันกลับไปนั่งตัวตรงทำหน้าเศร้าเหมือนเดิม หิรัญญิการ์เห็นอาการของเพื่อนรุ่นพี่แล้วรู้สึกผิด “เราขอโทษ เมื่อกี้เราคิดอะไรเพลินไปหน่อย ว่าแต่เมื่อกี้หมวดถามเราว่าอะไรนะ” ปราบดาหันมองคนเอ่ยขอโทษเสียงอ่อยๆ “พี่ถามว่า ไม่ว่าจะมีผู้ชายคนไหนเข้ามาจีบรส รัญจะยังให้พี่เป็นพี่เขยอันดับหนึ่งอยู่ใช่ไหม” “แน่นอน ก็เราเคยบอกหมวดไปแล้วนี่ หมวดต้องเป็นพี่เขยของเราคนเดียวเท่านั้น เราสัญญาแล้วว่าจะช่วยหมวดกันผู้ชายทุกคนที่เข้ามาจีบพี่รสออกไปเอง” หญิงสาวยืนยันคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับปราบดามาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก คำยืนยันของหญิงสาวทำให้นายทหารหนุ่มยิ้มออกมาได้บ้างเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น หน้าคมคายก็กลับมามีใบหน้าห่อเหี่ยวอีกครั้ง “แต่ว่า ไอ้หมอนั่น มัน...” เสียงทุ้มเริ่มเอ่ยถึงชายหนุ่มที่เห็นเดินออกจากโรงพยาบาลเคียงข้างมากับรสสุคนธ์ “มัน?” หิรัญญิการ์ถามย้ำ เมื่อจู่ๆ เสียงทุ้มก็หายไป เธอเอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อมองปากของปราบดาชัดๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น “...สูงยาวเข่าดี แต่งตัวก็ดูดี แบรนด์เนมทุกกระเบียดนิ้ว ผิวมันเนี่ยนะก็ขาวกว่าทหารที่เอาแต่ฝึกกลางแดดเปรี้ยงๆ อย่างพี่ ถ้าไม่เห็นเองกับตา พี่นึกว่ามันหลุดออกมาจากซีรีส์เกาหลี” ปราบดาว่าด้วยน้ำเสียงเจ็บใจ เพราะผู้ชายคนนั้นดูตรงสเป็กหญิงสาวที่เขารักมาเนิ่นนานทุกอย่าง กำปั้นข้างขวาตีลงบนฝ่ามือข้างซ้าย บ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดีว่าเจ็บใจมาก หิรัญญิการ์ยิ้มแหยๆ หลังจากฟังบรรยายสรรพคุณของ ‘หมอนั่น’ “เราว่าหมวดอย่างเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” เธอพูดปลอบใจคนข้างๆ “เอาเป็นว่าเราจะนั่งรอพี่รสเป็นเพื่อนหมวดก็แล้วกัน เผื่อจะได้เห็นหน้าหมอนั่นด้วยว่าหล่อกว่าหมวดจริงๆ หรือเปล่า” “รัญ!” ใบหน้าคมคายหันขวับมองเพื่อนรุ่นน้อง “แหะๆ” หญิงสาวหัวเราะกลบเกลื่อน แล้วต้องรีบอธิบายเอาตัวรอดทันที “ไม่ใช่แบบนั้นนะ เราหมายถึง...เราหมายถึงว่าหมอนั่นจะดูดีเหมือนพระเอกซีรีส์อย่างที่หมวดบอกเราหรือเปล่าน่ะ” “ก็แล้วไป” เสียงทุ้มตอบปัดๆ ไม่คิดอะไร หิรัญญิการ์ลอบเป่าปากเบาๆ จากนั้นทั้งเธอและนายทหารหนุ่มก็ตกอยู่ในความเงียบ นาฬิกาแอนะล็อกเรือนใหญ่ของโรงพยาบาล เข็มยาวบอกเวลาเดินไม่หยุดนิ่ง เปลี่ยนตัวเลขไปเรื่อยๆ จากนาทีเป็นหลายนาที จนตอนนี้กลายเป็นชั่วโมงกว่าแล้ว หิรัญญิการ์ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่สาวเลย และแล้วเวลานั้นที่หิรัญญิการ์ และปราบดาตั้งตารอก็มาถึง รสสุคนธ์เดินผ่านประตูเลื่อนบานใหญ่เข้าคู่มากับหนุ่มหล่อหน้าตี๋ ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะคุยกันถูกคอ เพราะใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม หิรัญญิการ์จับจ้องใบหน้าหล่อเหลากำลังยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์ “หล่อจริงๆ ด้วยแฮะ” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ “เกินไปแล้ว” เสียงทุ้มของคนข้างๆ กลับดังสวนขึ้นมาด้วย ก่อนที่เธอจะต้องรีบดึงรั้งแขนล่ำของนายทหารหนุ่มเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะเดินเข้าไปหาเรื่องคนที่เดินเคียงข้างพี่สาวเธอ “เฮ้ย! หมวดใจเย็นๆ ก่อนดิ นี่มันในโรงพยาบาลเลยนะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม