“นี่ๆ แม่รัญ ป้าได้ข่าวว่าตาหมานลอกบ่ออีกแล้วเหรอ แต่แปลกที่คราวนี้ตาหมานไม่เอาปลามาฝากป้าเลย บ้านแม่รัญได้บ้างไหม” ไม่ทันไร เสียงป้าเจ้าของแผงผักสดก็เอ่ยเรียกชื่อเธอ
หิรัญญิการ์หันไปยิ้มหวาน เหมือนก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าอะไรแกในใจเลย “ได้มานิดหน่อยจ้ะป้าน้อย สงสัยลอกบ่อรอบนี้ ปลาในบ่อคงน้อยละมั้งจ๊ะ”
ป้าน้อยบึนปากคล้ายไม่พอใจที่ไม่ได้ปลาฟรี มือก็ยกบัวรดน้ำเล็กๆ รดผักไปด้วย
“ไม่ใช่ตาหมานรำคาญปากแกรึ ถึงได้ไม่เอาปลามาฝากแกน่ะนางน้อย” แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงแจ๋นๆ ของแม่ค้าแผงเนื้อสดที่มีขายทั้งหมู เนื้อ ไก่ รวมถึงอาหารทะเลด้วยดังแทรก
หลังจากนั้นเวทีปะทะฝีปากของเจ้าของแผงผัก และแผงเนื้อสดที่อยู่ข้างๆ กันก็เริ่มอีกครั้ง หญิงสาวมองแล้วขำ เห็นภาพนี้จนชินตาเสียแล้ว
“แตงโมปั่นได้แล้วจ้า” เสียงหวานของเพื่อนสาวเอ่ยเรียกให้เธอหันหน้ากลับมาสนใจร้านน้ำผลไม้ปั่นได้อีกครั้ง
หิรัญญิการ์ยื่นมือไปรับแก้วน้ำแตงโมปั่นมาดูด ขณะที่สายตามองไปข้างนอกตลาด ต้องหยุดสายตาที่ใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามาทำให้เธอต้องหรี่ตา
“เฮ้ยรัญ พี่ไม่นึกว่าจะเจอที่นี่ด้วย” ชายหนุ่มในเครื่องแบบทหารลายพราง ยิ้มหน้าบาน เดินตรงมาทางรุ่นน้อง
ดวงตากลมโตฉายแววนิ่งสงบคล้ายคลื่นใต้น้ำ ใบหน้าไม่แสดงว่ายินดียินร้ายกับการมาของเพื่อนรุ่นพี่
พอร่างสูงใหญ่เดินมาในรัศมีที่พอจะเหวี่ยงขาไปข้างหน้าได้ ก็จัดการลงมือทันที
“นี่แน่ะ!”
“โอ๊ย!”
ปราบดาร้องลั่นตลาด ยกขาข้างที่ถูกสาวรุ่นน้องเตะเข้ามาที่หน้าแข้งจังๆ ขึ้นมากุมไว้ด้วยสองมือ พร้อมกับกระโดดโหยงๆ เป็นกระต่ายขาเดียว
“ทำอะไรเนี่ยรัญ มันเจ็บนะโว้ย”
หิรัญญิการ์เชิดหน้า ยกมือกอดอกไม่มีท่าทีสำนึกผิด “สมน้ำหน้าน่ะสิ”
ตาหวานเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น รีบวิ่งอ้อมแผงมาดึงเพื่อนไว้ราวกับกลัวว่าเพื่อนจะประทุษร้ายพี่ชายตัวเอง “มีอะไรกันหรือเปล่ารัญ”
หญิงสาวตวัดสายตามองผู้หมวดหนุ่มด้วยสายตาเคืองๆ พลางเอ่ยกับเพื่อน “หมวดทิ้งเรา เรานะอุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนตั้งนานสองนาน”
“ทิ้ง?”
ตาหวานที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อวานจึงขมวดคิ้วกับประโยคที่ไม่ได้ไขความกระจ่างให้เธอเลย
ทว่าคนที่เป็นฝ่ายทิ้งนั้นกลับรู้ตัวดี ได้แต่ยิ้มเจื่อน ส่งสายตาขอโทษขอโพยรุ่นน้องสาว
หิรัญญิการ์สะบัดหน้าหนี ยังไงก็ไม่ยอมยกโทษให้ร้อยโทปราบดาง่ายๆ รีบเอ่ยฟ้องน้องสาวของเขาแทน
“เมื่อวานหมวดมาหาพี่รสที่โรงพยาบาล แต่พี่รสออกไปกินข้าวข้างนอก เรานะอุตส่าห์เป็นห่วงพี่ชายเธอ เลยนั่งรอเป็นเพื่อนจนมืดค่ำ แต่พอหมวดเห็นพี่รสมากับหมอคนใหม่ก็งอนพี่รสแล้วทิ้งเราไว้ที่โรงพยาบาล ปล่อยเรารับชะตากรรมกับพี่รสคนเดียว เมื่อเช้าเราก็เกือบจะถูกลุงผู้ใหญ่เอาไม้หวายฟาด ดีที่ป้ามาช่วยไว้ทัน” เสียงหวานร่ายยาวไม่หยุดพัก
ตาหวานได้ยินดังนั้นจึงมองพี่ชายที่ทำกับเพื่อนสาวของเธออย่างไม่พอใจนัก แต่ไม่กล้าต่อว่าพี่ชายตัวเองหรอก
ร้อยโทปราบดารู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้รุ่นน้องสาวเกือบโดนที่บ้านทำโทษแล้วยิ่งรู้สึกผิด เดินเข้ามาหยุดยืนใกล้หญิงสาวอีกนิด คว้ามือเล็กมาจับไว้ สายตาสำนึกผิดสุดๆ
“พี่ขอโทษนะรัญ เมื่อวานพี่รู้สึกไม่พอใจไอ้หมอนั่นมากๆ ถ้าขืนยังอยู่ตรงนั้นต่อ พี่กลัวว่าตัวเองจะระงับอารมณ์ไม่ได้ มามีเรื่องกับหมอในโรงพยาบาล เลยหนีออกมา ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งรัญเลยนะ”
เขาอธิบายถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองจำเป็นต้องออกจากตรงนั้น จนลืมรุ่นน้องที่อุตส่าห์มีน้ำใจอยู่เป็นเพื่อน
หิรัญญิการ์ยังคงเงียบ ดูท่าแล้วว่าเธอจะไม่ยอมหายงอนง่ายๆ จึงส่งสายตาบอกน้องสาวเป็นนัยๆ ให้ช่วยเหลือ แต่น้องสาวกลับส่ายหน้า
“งั้นเอาอย่างนี้ เงินเดือนพี่ออก รัญอยากกินอะไรพี่จะพารัญไปเลี้ยง เพื่อเป็นการไถ่โทษความผิดเรื่องเมื่อวาน”
หิรัญญิการ์ลอบยิ้ม ดวงตากลมโตลุกวาวสุกสกาวระยิบ แต่ยังปั้นหน้าราบเรียบ ปรายหางตาไปที่เพื่อนรุ่นพี่ “หมวดพูดแล้วนะ”
“จริงสิ พี่พูดคำไหนคำนั้น รัญก็รู้” ร้อยโทปราบดาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
คำยืนยันของผู้หมวดหนุ่มทำให้หิรัญญิการ์ยิ้มกริ่มออกมาได้ในที่สุด เธอหันมาจับมือกับเพื่อนสาว “ไปด้วยกันนะตาหวาน เราไปถลุงเงินเดือนหมวดให้เรียบเลย”
“อืม” ตาหวานพยักหน้ายิ้มๆ พอหันมาเห็นหน้าซีดๆ ของพี่ชายแล้วต้องหัวเราะอย่างชอบใจ
“ว้ายยยย! ข่าวใหม่ ข่าวใหญ่ ข่าวดังมาแล้ววว”
เสียงแหลมๆ อันคุ้นหูของคนในตลาด เสียงนี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากเจ๊บันนี่
หิรัญญิการ์ ตาหวานและปราบดาหันไปมองผู้ชายวัยประมาณสี่สิบต้นๆ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด วิ่งสะดีดสะดิ้งเข้ามาหยุดยืนระหว่างแผงสองป้าขาเมาท์
“อะไรของแกนังบันนี่ ร้องลั่นตลาดเหมือนหมูโดนเชือดอย่างนั้นแหละ” ป้าอ้อย เจ้าของแผงเนื้อสดเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก
เจ๊บันนี่เบะปาก กลอกตามองบน “แหม ไอ้ที่พูดออกมาอยู่เนี่ย เขาเรียกปากเหรอพี่อ้อย” แขวะมาแขวะกลับไม่โกงกัน
“เอ๊ะนังนี่” ป้าอ้อยมีอาการไม่พอใจ
“พอๆ มัวแต่ตีกันอยู่นั่น ฉันจะได้รู้ไหมว่าไอ้ที่แกแหกปากลั่นตลาดมาแต่ไกลมันเรื่องอะไร” ป้าน้อยเป็นคนห้ามทัพ
เจ๊บันนี่ทำท่าทางอิดออด แต่เพราะคันปากยิบๆ ก็เลยยอมเล่า
“ก็จะไม่ให้ฉันตกใจได้ไงล่ะ เมื่อกี้ฉันไปเข้าห้องน้ำหลังตลาดมา ตอนเดินกลับเห็นหมอรสกับหมอคนใหม่ ฉันเห็นคนในโรงพยาบาลนินทากันว่าทั้งสองคนน่าจะกำลังกิ๊กกั๊กกันอยู่ นี่นะเดินคุยมาด้วยกัน กระหนุงกระหนิงเลยละ อยู่ตรงตลาดฝั่งโน้น”
ชี้นิ้วไปยังทิศทางที่เพิ่งเห็นทั้งสองคนเดินผ่าน
คนทั้งสามที่ยืนอยู่หน้าร้านน้ำผลไม้ปั่นได้แต่ประสานสายตากันตาปริบๆ กับข่าวเมาท์ใหม่ของตลาดที่เพิ่งมารู้พร้อมๆ กัน