“จะบุกเข้าไปตอนนี้เลยเหรอรัญ”
หิรัญญิการ์ที่กำลังจะก้าวขาออกจากหลังเสาต้นใหญ่ ทว่าข้อมือกลับถูกมือหนาของคนข้างๆ ดึงให้กลับมาหลบหลังเสาตามเดิม
เธอถอนหายใจแรงๆ อย่างขัดใจพลางกลอกตามองบน แล้วหลุบสายตากลับมาจ้องพี่เพื่อนอีกครั้ง แขนเรียวเล็กยกขึ้นมากอดอก
“อะไรของหมวดเนี่ย ทำไม หรืออยู่ๆ หมวดเกิดปอดแหกขึ้นมา”
คนถูกด่าว่าปอดแหกมีสีหน้าบูดเบี้ยว “ไม่ใช่อย่างนั้น...” ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี เสียงหวานก็แทรกขึ้น
“ไม่กลัวก็ลุยสิหมวด รออะไรเล่า...” เว้นช่องไฟ เพื่อชะโงกหน้าออกไปมองพี่สาวกำลังเลือกซื้อของ ข้างๆ กันนั้นเป็นศัตรูหัวใจของเพื่อนรุ่นพี่ นิ้วชี้ถูกชี้ไปที่ทั้งสองคน “มัวแต่อึกๆ อักๆ อยู่นั่น หรือหมวดจะรอหมาคาบพี่รสไปดะ...เอ่อ กินซะก่อนล่ะ”
ประโยคของหิรัญญิการ์ทำให้คนที่กำลังลังเลมีใบหน้าและแววตาเด็ดเดี่ยว
“ไม่!” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเสียงดังฟังชัด
หิรัญญิการ์ดวงตาเบิกกว้าง รีบกุลีกุจอ หน้าตาตื่น เอื้อมมือไปปิดปากร้อยโทปราบดาแทบไม่ทัน ไม่วายส่งค้อนวงใหญ่ให้เขา
“จะเสียงดังทำไมเนี่ยหมวด เดี๋ยวพี่รสก็รู้กันหมดพอดีว่าเรามาแอบดูเขา”
เสียงหวานกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
ผู้หมวดปราบดาดึงมือที่ปิดปากอยู่ออกพลางยิ้มเจื่อนระคนขอโทษ “โทษๆ พี่ลืมตัว ก็รัญพูดปลุกความฮึกเหิมของพี่นี่นา”
“ดี งั้นเราไปกำจัดเหลือบไรที่มาเกาะแกะพี่รสกัน” ว่าจบก็ทำท่าจะก้าวขาออกจากที่ซ่อน กระนั้นไม่วายถูกดึงกลับมาอีก “โอ๊ยอะไรของหมวดอีกล่ะเนี่ย”
หิรัญญิการ์หันกลับมาทำตาขวางใส่คนที่ขัดเธอเป็นครั้งที่สอง
“พี่แค่จะถามรัญว่า จะออกไปแบบไม่มีแผนอะไรเลยเหรอ ขืนเดินดุ่มๆ ไป มีหวังโดนจับได้แน่ว่าเราสองคนแอบตามรสมา”
“เออน่ะ! เรามีแผนของเราก็แล้วกัน หมวดแค่ไหลตามน้ำเราก็พอ”
คนมีแผนการในสมองแล้ว เอ่ยตอบออกไปแบบรำคาญ
ร้อยโทปราบดาพยักหน้าให้กับคนคิดแผนการ เขามองหญิงสาวที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่พลางจ้องหน้าเขาไม่ลดละ คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย
“อ้าว ไม่ไปแล้วเหรอ”
“ไป แต่เราจะรอดูว่าหมวดจะถามอะไรเราอีกไหม เราจะได้รอตอบทีเดียว” หิรัญญิการ์ตอบกลับนิ่งๆ
ร้อยโทปราบดาหัวเราะน้อยๆ “ไม่ถามแล้ว”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองพี่สาวอีกครั้ง
“อ้าว! พี่รสกับหมอช้างหายไปแล้วล่ะ โธ่เอ๊ยเห็นไหม เพราะหมวดคนเดียวเลย มัวแต่ลีลาอยู่นั่น”
พอหันกลับไปอีกที พี่สาว และคุณหมอหนุ่ม ก็ไม่เห็นทั้งสองคนอยู่ตรงนั้นแล้ว
“พี่อยู่นี่!”
น้ำเสียงที่ตอบกลับมาช่างแสนคุ้นหูทำเอาหิรัญญิการ์รู้สึกเย็นเยือกเสียดื้อๆ ดวงหน้าสวยค่อยๆ หันกลับมามองตามเสียง พอเห็นแล้วว่าเป็นใครก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้ง เหลือบตาไปทางเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ กันเหมือนกัน
“เฮ้ยพี่รส!”
“ก็ใช่น่ะสิ เธอคิดว่าเป็นใครล่ะ” รสสุคนธ์ว่าด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
ก่อนหน้านั้นในระหว่างที่กำลังเดินเลือกซื้อของอยู่กับคเชนทร์นั้น ปลายหางตาของเธอเหลือบมาเห็นคนทำลับๆ ล่อๆ อยู่หลังต้นเสา จึงเดินมาดู
คเชนทร์ยืนอยู่ทางด้านหลังของรสสุคนธ์ สายตาของเขาจับจ้องดวงหน้านวลมีสีหน้าตกใจ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นซีดเผือดเรียบร้อยแล้วไม่วางตาด้วยสายตาอ่อนโยน
“พี่รสมาอยู่ตรงนี้ได้ไงเนี่ย ก็เมื่อกี้รัญเห็น...” หิรัญญิการ์ยกมือชี้ไปตรงที่พี่สาวเคยยืนด้วยความแปลกใจ
“พี่ต้องถามเธอมากกว่า ว่าเธอทำอะไรลับๆ ล่อๆ กับปราบตรงนี้”
รสสุคนธ์ยังคงใบหน้านิ่งเรียบ ด้วยท่าทางมีลักษณะนิสัยสุขุมนุ่มลึกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอทำหน้านิ่งบวกกับท่าทางเหมือนผู้ใหญ่ดุๆ ยิ่งทำให้น้องสาวแก่นแก้วของเธอกลัวจนหัวหดเข้าไปในกระดองได้ง่ายๆ
ก่อนจะลากสายตาไปมองยังชายหนุ่มตัวโตด้วยสายตามีคำถามเป็นนัยๆ
“เอ่อรัญ...”
เมื่อถูกจับได้โดยไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้สมองโล่งปลอดโปร่งไปหมด แผนการที่คิดไว้ถูกลบออกไปโดยอัตโนมัติ
ร้อยโทปราบดาเห็นว่าหิรัญญิการ์มีสีหน้าไม่สู้ดี ยามอยู่ต่อหน้าพี่สาวในเวลานี้ จึงขยับตัวขึ้นมาเพื่อยืนบังร่างเล็กเอาไว้ ดวงตาสีดำสนิทสบตาสีน้ำตาลลุ่มลึกด้วยท่าทางจริงจัง ผิดกับก่อนหน้า
ดวงตาคมกริบของคเชนทร์หรี่ตาลง แววตาอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นราบเรียบติดน่าเกรงขาม มองชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบด้วยท่าทีไม่ค่อยพอใจนัก เมื่อเห็นว่าร่างใหญ่โตบดบังร่างเล็กเสียมิด
“ปราบขอให้รัญพามาเลือกซื้อของน่ะ” เสียงทุ้มตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่แสดงท่าทีให้หญิงสาวตรงหน้าสงสัย
“ซื้ออะไรกันถึงต้องมายืนทำลับๆ ล่อๆ ตรงนี้ นี่ถ้าคนอื่นมาเห็นแล้วเกิดคิดไม่ดีกับน้องรสขึ้นมา ปราบรับผิดชอบไหวเหรอ” รสสุคนธ์ว่าให้ด้วยท่าทีติดไม่พอใจ
ทั้งน้ำเสียง และท่าทีของรสสุคนธ์ทำให้ผู้หมวดหนุ่มสลดลง นัยน์ตาสีดำลึกๆ มีความน้อยใจแฝงอยู่เต็มเปี่ยม ก่อนจะลอบมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังของเธอ ท่าทีของเธอที่แสดงตอนอยู่ต่อหน้าเขาดูเป็นคนละคนกับก่อนหน้าตอนที่เดินเลือกซื้อของกับคุณหมอคนใหม่อย่างสิ้นเชิง
“...”
ปราบดานิ่งเงียบ ไม่เอื้อนเอ่ยใดๆ
หิรัญญิการ์ที่เพิ่งได้สติกลับมาในตอนที่ได้ยินประโยคของพี่สาวทำเอาต้องกลืนน้ำลาย รีบใช้ข้อศอกดันชายร่างใหญ่ให้ขยับออกจากการบังเธอไว้ ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก
เพราะผู้หมวดหนุ่มยอมขยับตัวออกไปให้ หญิงสาวจึงได้ก้าวขึ้นมายืนเสมอกับผู้หมวดหนุ่ม เอื้อมมือออกไปจับมือข้างหนึ่งของพี่สาวมาลูบหลังมือป้อยๆ ต้องการให้พี่สาวใจเย็นลง
“พี่รสใจเย็นๆ รัญกับหมวดไม่ได้ทำอะไรเสียหายกันสักหน่อย รัญแค่มาช่วยหมวดเลือกของขวัญวันเกิดให้แม่หมวดเท่านั้นเอง แล้วเผอิญมาเห็นพี่รสอยู่ที่ตลาดเหมือนกัน รัญกับหมวดเลยคิดว่าจะเข้าไปทักพี่รสดีไหมก็แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริงๆ นะ”
รสสุคนธ์ตวัดสายตากลับมามองน้องสาวดุๆ ก่อนต้องถอนหายใจแรงๆ เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากน้องสาว แล้วจ้องที่เพื่อนร่วมรุ่นสมัยมัธยมต้นด้วยท่าทีที่อ่อนลง
“...รสขอโทษนะปราบ เมื่อกี้รสใส่อารมณ์มากไปหน่อย”
ร้อยโทปราบดายิ้มบางๆ นัยน์ตาที่แสดงถึงความรักความอบอุ่นส่งผ่านไปพร้อมกับน้ำเสียงทุ้ม
“ตั้งแต่เด็กจนโตปราบไม่เคยโกรธรสเลยสักครั้ง ปราบเข้าใจว่ารสพูดเพราะเป็นห่วงน้อง”
ความน้อยใจที่ปกคลุมทั่วทั้งหัวใจพลันสลายหายไปในชั่วพริบตา เพียงแค่หญิงสาวในดวงใจมีท่าทีโอนอ่อนให้
หิรัญญิการ์ลอบมองท่าทีของพี่สาวแล้วเริ่มกลับมาหายใจหายคอคล่องขึ้น