6
เมษาทำหน้ามุ่ย “ฉันไม่ได้อยากทำอย่างนี้สักหน่อย อยากจะมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่เหมือนกัน แต่เห็นหน้ามีนาทีไร ฉันอดใจไม่ได้สักที อยากจะตบให้หน้าบวม แต่ก็นะ...ทำแล้วฉันก็โดนพ่อดุทุกทีเหมือนกัน”
เมษาพูดอย่างปวดใจ เธอโอบกอดกานพลู ขอบตาร้อนผ่าว ก่อนจะไหลออกอาบแก้ม แต่ไม่นานเธอก็ได้สติ ส่งยิ้มหวานให้กานพลู
“แต่ก็ช่างมันเถอะ ฉันจะค่อยๆ ปรับปรุงนิสัยอย่างที่แกแนะนำ ว่าแต่ว่าตอนนี้ แหะ...แหะ..” เมษายิ้มและทำตาละห้อย
“แกทำไรอยู่เหรอกาน ฉันได้กลิ่นหอมตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามาในบ้านแล้ว นี่ไงแกฟังท้องฉันซิ มันร้องโครกคราก บอกว่าหิวมากๆ เลยล่ะแก แกมีข้าวให้กินบ้างเปล่า” เมษายกมือลูบพุงน้อยๆ ของตัวเองทำราวกับว่าหิวมาก ดวงตากะพริบปริบๆ ให้เพื่อนรักอย่างน่าเอ็นดูและสงสาร
กานพลูส่ายหน้าอย่างระอาใจ เนี่ยนะที่บอกว่าจะปรับปรุงตัว ผ่านไปแค่แป๊บเดียวก็เอานิสัยเด็กมาใช้อีกแล้ว
“มีแต่ข้าวเปล่ากับไข่เจียว ส่วนอย่างอื่นยังไม่ได้ทำ จะกินก่อนหรือเปล่าล่ะย่ะแม่จอมตะกละ”
เมษาพยักหน้าน้อยๆ ทำตาปริบๆ ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ ให้กานพลูสงสารมากขึ้น
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นเลยหนูเมย์ ฉันรู้หรอกน่า อยากกินอะไรก็ตักเอาเองซิ ทำอย่างกับว่าแกไม่เคยมาบ้านฉันอย่างนั้นแหละ แกมาจนที่จะกลายเป็นบ้านของแกอีกหลังหนึ่งแล้วนะ”
“ขอบใจนะกานพลูเพื่อนรัก ฉันรักแกที่สุดในโลกเลย” เมษาโผเข้ากอดและหอมแก้มกานพลูเป็นการใหญ่ จนคนเป็นเพื่อนต้องรีบดันหน้าสวยๆ ออกให้ห่างก่อนที่น้ำลายจะติดตามแก้ม
เมษารีบเดินไปหยิบจานและช้อนที่คว่ำอยู่ในตะกร้าใกล้กับอ่างล้างจานมาตักข้าวจากหม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ กับตู้เย็น มองไข่เจียวสีเหลืองฟูบนโต๊ะอาหารดวงตาเป็นประกาย
“แหม...แกช่างรู้ใจฉันจริงๆ เลยกาน รู้ได้ไงว่าฉันจะมา แกถึงได้เจียวไข่ไว้รอ ว่าแต่...มีแค่นี้เองเหรอ ฉันจะกินอิ่มหรือเปล่านี่” เมษาบ่นราวกับว่าตัวเองกินมากจนอาหารที่กานพลูทำจะไม่พอ
“แกกินไปก่อนเถอะหนูเมย์ เดี๋ยวฉันค่อยทำเพิ่มก็ได้ ถ้าแกกินจุถึงขนาดกินไข่เจียวในจานนั้นจนหมด” กานพลูประชด
“ไม่ถามก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันกินละนะ” เมษารีบช้อนอาหารเข้าปากพร้อมกับทำเสียงขลุกขลักในลำคอที่กานพลูเห็นแล้วถึงกับส่ายศีรษะ
“กินแบบธรรมดาได้ไหมยายเมย์ ดูซิทำเสียงไม่เป็นกุลสตรีเลย”
“ก็แหม...อาหารฝีมือเพื่อนกานมันอร่อยสุดๆ นี่น่า ใครได้แกไปเป็นเมียนี่คงโชคดีสุดๆ เลยนะกาน งานบ้านงานเรือนก็เก่ง งานนอกบ้านก็เก่ง แล้วแกมีใครมาเมียงๆ มองๆ หรือว่าแกมองๆ ใครไว้บ้างยังจ้ะเพื่อนจ๋า...” เมษาลากเสียงหวาน แต่ก็ไม่ได้ละสายตาจากอาหารในจานเลย จึงไม่ได้เห็นใบหน้าของเพื่อนรักว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
กานพลูหน้าแดงราวกับผลเชอร์รี่สุก เธอจะบอกเมษาไปได้ยังไงว่าแอบสนใจคุณบอดี้การ์ดหน้าน้ำแข็งของเบนนิโต้อยู่ ทุกครั้งที่ได้เห็นรูปเบนนิโต้ที่เมษานำมาให้ดู จะต้องมีรูปของคาร์เมนติดตามมาด้วยทุกครั้ง หนุ่มหล่อหน้าตายไร้รอยยิ้ม แต่ดวงตามีเสน่ห์จนเธอหลงรักจนถอนตัวไม่ขึ้น
กานพลูจำได้ว่าตอนที่อายุ 14 ปีเมษาได้นำภาพคาร์เมนมาให้ดู เพียงแวบเดียวที่เห็นหน้าชายหนุ่ม หัวใจเธอเต้นแรงและเร็วจนแทบจะทะลุออกจากอก แล้วภาพหนุ่มลูกครึ่งไทย-อิตาเลี่ยนเข้ามาอยู่ในความฝันของเธอตลอดหลายปี ตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาวก็ว่าได้
“ใครจะมาสนใจผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ อย่างฉันกันเล่า แกก็พูดมาไปได้ รีบๆ กินข้าวให้หมดเถอะ”
กานพลูรีบทำเสียงเข้มกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง พร้อมกับสะบัดหน้าสลัดภาพคาร์เมนออกไปจากศีรษะ แต่ก็อดนึกน้อยใจในโชคชะตาตัวเองไม่ได้ ผู้หญิงอย่างเธอไม่ได้เก่งเลิศเลอ นอกจากจะไม่สวยแล้วยังจะปากจัดอีก แล้วผู้ชายหล่อๆ ดูดี มีเงินมีทองอย่างคาร์เมนนี่นะที่จะมองเห็นผู้หญิงบ้านๆ อย่างเธออยู่ในสายตา เพราะเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยหญิงสาวนับสิบล้วนที่ล้วนแล้วแต่เป็นลูกคุณหนูผู้ดีมีชาติตระกูลและหน้าตาสะสวยด้วย
“สวยแล้วกินได้ไหมล่ะ แกเก่งตั้งหลายอย่าง เชื่อเถอะจะต้องมีคนมองเห็นเนื้อในของแกแน่ๆ กาน แต่ฉันนี่ซิ จะฝ่าด่านอรหันต์ไปได้ยังไง ฉันยังคิดไม่ออกเลยแก”
เมษานึกถึงใบหน้าเรียบเฉยดวงตาคมดุเหมือนพญาเหยี่ยวของคาร์เมนที่ดูต้องการให้มีนาเป็นนายผู้หญิงเสียจนพร้อมจะแยกร่างเธอออกเป็นชิ้นๆ ทุกครั้งที่เจอหน้าเลย ฮึ! ชอบทำหน้าตายเหมือนใส่หน้ากากไว้ดีนัก เธอเลยทำให้เจ็บตัวทุกครั้งที่ได้เจอ ที่ตอบโต้หรือเอาคืนเธอด้วยการทำร้ายร่างกายไม่ได้ คาร์เมนเลยยิ่งแค้นเธอ
อืม...มีวิธีไหนจะเอาคืนคาร์เมนให้ต้องหลาบจำได้บ้างไหมนะ อ๋อ...ทำให้อีตานั่นเปิดทางให้เธอเข้าหาเบนนิโต้ง่ายๆ ด้วย อีกอย่างก็ทำให้อีตาหน้าเตารีดนั่นรู้ด้วย เธอไม่ใช่หญิงแบบที่เขาคิดและได้ยินมาจากพวกปากเสียๆ ที่ชอบเอาเรื่องไม่จริงไปเล่าให้ฟัง
“แกรู้เปล่ากาน อีตาคาร์เมนหน้าเตารีดคอยกีดกัดฉันจากพี่บีทุกทางเลย” เมษาพูดน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “แกช่วยฉันคิดหน่อยซิเพื่อนรัก จะทำยังไงถึงจะกำจัดอีตาบ้านี่ไปจากพี่บีสักพักใหญ่ๆ แบบว่าฉันจะได้มีโอกาสอยู่กับพี่บีสองต่อสอง เพื่อจะได้รำลึก...ทบทวนความทรงจำเก่าๆ เพื่อพี่บีจะเห็นฉันอยู่ในสายตาบ้างล่ะแก”
กานพลูอมยิ้มราวกับเป็นการกลั่นแกล้งกันของเมษานั่นแหละ ที่ทำให้ดวงใจของเธอหวั่นไหวกับคนที่ไม่เคยรู้จักเลยสักครั้ง แค่ได้ยินข่าวคราวของเขาจากปากเพื่อนสนิท ข่าวลือว่านามคาร์เมน มันซินี ฉายาเจ้าชายน้ำแข็งคนนี้อาจถึงขั้นเป็นเกย์ เพราะเขาไม่เคยมีทีท่าว่าจะสนใจผู้หญิงคนไหนเลยแม้จะมีผู้หญิงหลายคนให้ท่าก็ตาม
เฮ้อ..ผู้หญิงหน้าตาอย่างเธอเนี่ยนะ จะทำให้คาร์เมนสนใจ สงสัยคงต้องให้ปลาไปว่ายอยู่บนฟ้าและนกลงไปบินในน้ำเสียละมั้ง เธอถึงจะมีหวังได้เขาเป็นแฟน
กานพลูสะบัดศีรษะเรียกสติกลับคืนมา หันมามองเพื่อนรักที่ทำหน้าเหมือนจะโกรธแค้นคาร์เมนมาเป็นชาติ
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องพูดนะหนูเมย์ แกชอบทำให้ฉันไขว้เขวอยู่เรื่อยเลย ฉันรู้ว่าแกจะต้องมีเรื่องที่บ้าน ถึงได้ขนเสื้อผ้าหนีมานอนที่บ้านฉัน บอกมาตรงๆ เลย คราวนี้มันเรื่องอะไรอีก” กานพลูชี้มือใส่หน้าเมษา บังคับเพื่อนรักด้วยสายตาให้พูดความจริงออกมา
“ห้ามบอกว่าไม่มีอะไรนะ แค่เห็นหน้าแกฉันก็รู้แล้วย่ะ”
“นี่ฉันปิดแกไม่มิดสักครั้งเลยใช่ไหมกาน” เมษาถามน่าเศร้า แค่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น น้ำตาก็พานจะไหลออกมาอีกแล้ว
“ฮื่อ...” กานพลูพยักหน้าและนั่งลงใกล้เมษา เธอจับมือเพื่อนรักทั้งบีบและลูบเบาๆ อย่างปลอบประโลม “มีอะไรหรือหนูเมย์ ทำไมแกถึงได้ร้องไห้จนตาแดงก่ำแบบนี้ ใครทำอะไรแก พ่อหรือมีนา”
น้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวลอบอุ่นที่ดังจากปากเพื่อนรัก ทำเอาน้ำตาเมษาที่หยุดไหลไปแล้วไหลย้อนกลับมาอีกครั้ง เธอกลายเป็นคนบ่อน้ำตาแตกทุกครั้งที่คิดเรื่องพ่อ
“ก็เหมือนเดิมนั่นแหละกาน แต่วันนี้มันคงจะหนักสำหรับฉันล่ะมั้ง” เมษาวางช้อนบนจานเงยหน้ามองเพดานห้อง เอนตัวพิงกานพลูที่โอบกายบางของเธอไว้
“มีอะไรก็เล่าให้ฉันฟังซิ ถึงจะช่วยแกไม่ได้มาก แต่การที่แกได้ระบายความอัดอั้นตันใจมันออกมาเสียบ้าง มันก็ทำให้ดีขึ้นได้เหมือนกัน เพื่อนเขามีไว้คลายทุกข์นะจ๊ะ”