Chapter 2 สะใภ้คนโปรด (2)
ในขณะที่กำลังรองน้ำใส่หม้อนั้น เสียงหนึ่งก็ดังแทรก
"โอ้โหพี่คิน รักเมียมากถึงขนาดหาข้าวหาปลาให้กินเลยเหรอคะ"
อคิราห์หันไปมอง...น้องสาวต่างแม่วัยสิบแปดที่ชอบมายุ่ง
วุ่นวายกับเขา...ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วหันกลับมาทางเก่าโดยไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ ทำราวอณิมาเป็นอากาศธาตุที่ไร้ตัวตน
อณิมายอมไม่ได้ที่เขาทำเย็นชาใส่ หล่อนเดินเข้าไปยืนใกล้ร่างสูงเด่น แหงนหน้ามองเขา
"แผนอ้อนผัวแน่ ๆ เลยค่ะ แค่แพ้ท้องจะอะไรนักหนา ใน ขณะที่ทุกคนกินอาหารของแม่ครัวได้ แต่พี่สะใภ้ของแคนดี้กับกินไม่ได้ เรื่องมากจังเลยนะคะ เดือดร้อนพี่คินต้องมาคอยหาให้กิน"
"ถ้าไม่มีอะไรทำ ว่างนักก็ไปนั่งให้ปลาตอดไป จะไปไหนก็ไป รำคาญ!"
"พี่คิน! แคนดี้แค่หวังดี พี่คินกำลังถูกอำนาจเมียครอบงำจนเปลี่ยนไปรู้ตัวบ้างมั้ยคะ"
"พี่ไม่ต้องการความหวังดีจากเธอ...ยายลูกเมียน้อย!"
"พี่คิน ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้! แม่แคนดี้มาหลังจากแม่พี่ตายไปแล้ว ตายไปแล้วก็คือตาย คุณแม่ไม่ใช่เมียน้อยใครทั้งนั้น!"
เหมือนถูกจี้จุด ชายหนุ่มปิดก๊อกน้ำแล้วหันไปถลึงตามองอีกฝ่าย
"หยุด อย่าพูดถึงมัน อย่าพูดถึงคุณแม่ของพี่แบบนี้!"
"พี่คินตราหน้าแคนดี้ว่าลูกเมียน้อย แต่ก็ยังดีกว่ายายพรีมก็แล้วกัน มาทำงานไม่ทันไร ก็อ่อยบอสจนจับเขาทำผัวได้สำเร็จ ที่ร้ายคือพี่คินก็ดันเล่นด้วย พี่คินน่ะโง่แสนโง่ เจอผู้หญิงจับด้วยการปล่อยให้ท้อง มันใช้ลูกจับพี่คินเพื่อหวังสมบัติรู้ตัวบ้างมั้ยคะ...โอ๊ะ!"
"อยากโดนตบปากแตกรึไง!"
อณิมายกมือขึ้นลูบหน้า เมื่อน้ำในหม้อถูกสาดมาใส่หน้าเข้าเต็ม ๆ หล่อนก้มลงมองตัวเองที่เปียกปอนไปหมด เปียกไปถึงหัวราวกับไปเล่นสงกรานต์มา อารมณ์โกรธทำให้หล่อนกระทืบเท้าเต้นเร่า กรีดร้องออกมาลั่นห้องครัว
"อร๊าย! ไอ้พี่คิน เปียกหมดเลย...โอ๊ย!"
หล่อนร้องออกมาเมื่ออุ้งมือแกร่งคว้าหมับลงบนปลายคางแล้วออกแรงบีบ แววตาคู่สวยกลอกไปมาเมื่อเห็นแววตาเข้มเขม่นมองราวจะกินเลือดกินเนื้อ เขาบดกรามจนเป็นสันนูน เข่นเสียงรอดไรฟัน
“ถ้าไม่รู้อะไรก็อย่าเสือกปากดี เธอเป็นแค่น้องต่างแม่อย่าสะเออะมาสอนลูกชายคนโตของบ้านหลังนี้ จำเอาไว้ ถ้าใครหน้าไหนมันพูดถึงพรีมแบบนี้อีก ฉันจะฆ่ามัน!"
“ฮึก! พะ พี่คิน!"
อณิมาสะดุ้งเฮือก หล่อนถอยร่นหนีเมื่อเขาสะบัดมือออกจากคางของหล่อนจนหน้าหันไปตามแรง เขาดูโกรธมากจนหล่อนนึกกลัว แววตาของเขาที่จับจ้องมองมาดูน่าพรั่นพรึงราวกับยักษ์มาร
หล่อนขบกรามแน่น ยิ่งเกลียดชังพริมามากขึ้น กับการที่หล่อนแตะต้องอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย มันตอกย้ำความเชื่อของหล่อนว่าอคิราห์กำลังหลงเมียขนาดหนัก เขาไม่รู้ตัวว่าเปลี่ยนไปนับตั้งแต่พริมาตั้งท้องลูกแฝดให้กับเขา
"ออกไป!"
ชายหนุ่มตวาดไล่ อณิมาสะบัดหน้าหนีแล้วปาดน้ำตาวิ่งหนีออกไปนอกห้องครัว เขายืนสงบสติอารมณ์อยู่สักพักเมื่ออยู่เพียงลำพัง หลังจากนับหนึ่งถึงร้อยและนึกขึ้นมาได้ว่าพริมากำลังรอมื้อเช้าจากเขา เมื่อนั้นใจก็เย็นลง และเริ่มปรุงอาหารเช้าให้หล่อนด้วยความใส่ใจ เขาบอกตัวเอง ถ้าดูแลหล่อนดี ลูกของเขาก็จะสมบูรณ์แข็งแรงตามสุขภาพของแม่ไปด้วย
ตรงมุมพักผ่อนที่ค่อนข้างส่วนตัวและเงียบสงบ ริมรั้วสูงทึบมีต้นไผ่ปลูกเรียงเป็นแถวตลอดแนวยาว ช่วยสร้างความเขียวรื่นกลมกลืนอยู่กับสิ่งปลูกสร้างสไตล์ลอฟท์อย่างลงตัว...พริมาเดินมาพบอัทธ์ตามที่แม่บ้านไปตามให้หล่อนมาหาเขาที่นี่ อีกฝ่ายกำลังนั่งจิบน้ำชายามบ่ายอย่างสบายอารมณ์ การมาของหล่อนดึงแววตากร้านโลกให้หันมามอง
“อ้าว หนูพรีม มา ๆ นั่งก่อนสิ"
"คุณพ่อมีอะไรจะคุยกับพรีมเหรอคะ"
หล่อนเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ที่ยังว่าง ตามองคนที่นั่งไขว่ห้างละเลียดชาหอมกรุ่นเข้าปาก สีหน้าดื่มด่ำกับความสุขที่ฉายออกมาทางแววตา เขาเคยบอกหล่อน ตอนนี้ยังขาดเพียงแค่หลาน ๆ มาวิ่งเล่นรอบบ้าน หลานจะช่วยเติมเต็มความสุขในบั้นปลายชีวิตให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
จึงไม่แปลก การที่หล่อนตั้งครรภ์ลูกของอคิราห์ และเป็นลูกที่อคิราห์ยืดอกยอมรับ จึงทำให้อัทธ์ดีใจจนมองข้ามเรื่องที่คนอื่นในบ้านท้วงติง เรื่องที่หล่อนจงใจใช้ลูกมาจับลูกชายคนโตของบ้านนี้
แววตากร้านโลกทว่าแฝงไว้ด้วยความอบอุ่นมองมายังลูกสะใภ้ แววตาที่พริมาสัมผัสได้ว่าเขามีความรักให้กับหล่อน เหมือนเป็นลูกสาวอีกคนของบ้าน
"เห็นว่าหนูยังแพ้ท้องหนักเลยเหรอ"
"ค่ะ คุณพ่อ อาจเป็นเพราะท้องแฝด พรีมก็เลยแพ้หนักกว่าคนอื่น ๆ ทั่วไป"
"อืม...อดทนหน่อยนะ เมื่อตอนคุณแม่ของตาคินก็แบบนี้ แต่พอพ้นสี่ห้าเดือนก็ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ ถ้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกแม่ครัว ไม่ต้องเกรงใจ"
"ค่ะ คุณพ่อ"
พริมาคลี่ยิ้ม หล่อนมองเห็นความสุขในแววตาแสนอบอุ่นคู่นั้นยามได้เอ่ยถึงภรรยาที่จากไป
อัทธ์ขยับกายเปลี่ยนท่านั่ง เขายืดตัวขึ้นมา พริมามองตาม มือใหญ่หยิบกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา กล่องที่ตอนแรกพริมาไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าวางอยู่ จากนั้นจึงเปิดฝากล่องออก ก่อนจะกันมาให้หล่อนดู
"สวยมั้ย"
พริมาเอียงหน้ามอง เมื่อในนั้นคือเซ็ทเครื่องประดับ มีทั้งสร้อยคอ ต่างหู แหวน และสร้อยข้อมือ ในความรู้สึกหล่อนนั้นก็สวยดี มูลค่าคงมากโข แต่ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายนำมาให้ดูทำไม
"สวยค่ะ น่าจะมีราคาน่าดูเลยนะคะ"
"เป็นของคุณแม่ตาคินเขาน่ะ มันมีอายุพอ ๆ กับเขาเลย และพ่อคิดว่าตอนนี้ก็ได้คนที่รับช่วงดูแลต่อแล้ว จึงเอาออกมาจากตู้เซฟหลังจากเก็บซ่อนมานาน"
"....."
แล้วพริมาต้องตกใจ เมื่อจู่ ๆ อีกฝ่ายก็ยื่นเครื่องเพชรมาตรงหน้า หล่อนมือไม้เงอะงะ เพราะทำอะไรไม่ถูก
"พ่อยกให้หนู รับไว้สิ"
"มะ ไม่ได้นะคะ! คุณพ่อจะยกให้พรีมไม่ได้"
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะฮึ ในเมื่อหนูเป็นเมียตาคิน เป็นแม่ของหลานฉัน ตอนนี้หนูก็เป็นเหมือนลูกคนหนึ่ง ตาคินรักใครพ่อก็รักคนนั้นเหมือนลูกนั่นแหละ"
อัทธ์คะยั้นคะยอ จับมือของพริมาให้รับของมีค่าที่เขาเต็มใจยกให้ ด้านพริมาทำหน้ากระอักกระอ่วน หล่อนไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าอัทธ์รู้ความจริงขึ้นมา เขาคงเกลียดชังหล่อนอย่างแน่นอน
และถ้าอคิราห์รู้ เขาอาจโกรธมากที่สมบัติของมารดาถูกนำมายกให้หล่อนง่าย ๆ แบบนี้
"พรีมอยากให้คุณพ่อเก็บไว้ให้หลานมากกว่าค่ะ เขาสมควรได้รับเพราะว่ามีสายเลือดของคุณคินอย่างแท้จริง...พรีม...เอ่อ...จะว่าไปแล้ว พรีมเป็นแค่คนอื่นที่มาทีหลังนะคะ"
"หนูก็เก็บเอาไว้ แล้วจะเก็บไว้ให้ลูก ๆ นั่นก็เป็นสิทธิ์ของหนูแล้ว รับไว้เถอะ อย่าให้คนแก่ต้องเสียน้ำใจเลยนะ"
"เอ่อ...ก็ได้ค่ะ พรีมจะเก็บเอาไว้ให้พวกเขานะคะ"
พริมาจำใจต้องรับเอาไว้เพราะถูกยัดเยียดหนักขึ้น รู้สึกอึดอัดใจเหลือเกินที่ต้องแสดงละครต่อหน้าทุกคน และหล่อนก็กำลังรู้สึกผิดที่หลอกคนแก่หนึ่งคนจนเชื่อสนิทใจ เขายังรักและเอ็นดูหล่อนไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าหรือลับหลังอคิราห์
หล่อนตั้งใจจะนำไปส่งต่อให้อคิราห์ ให้เขาเก็บเอาไว้เพราะมันคือทรัพย์สินที่เขาควรจะได้ หล่อนได้มาเพราะการโกหก ฉะนั้นจึงไม่ควรที่จะเก็บของเหล่านี้ไว้เป็นของตน
พริมาเดินใจลอยหลังปลีกตัวมาจากอัทธ์ กำลังจะนำของขวัญจากเขาไปเก็บในห้อง และเพราะไม่ทันระวังตัว จู่ ๆ อณิมาก็โผล่พรวดออกมาจากมุมอับ ทั้งสองจึงชนกันเข้าเต็ม ๆ กล่องเครื่องเพชรในมือพริมาตกลงพื้นจนสิ่งที่อยู่ในนั้นกระจัดกระจายออกมาจากกล่อง อณิมาจึงได้เห็นว่ามันคือชุดเครื่องประดับที่ราคาคงไม่ธรรมดาแน่นอน
"นี่มัน...ชุดเครื่องเพชรนี่ เธอเอามาจากไหน!"
พริมาเม้มปากแน่นเพราะรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้เกลียดตนเข้าไส้ หล่อนไม่อยากบอกว่าใครให้มา ทำทีเป็นไม่สนใจอีกฝ่ายที่ยืนจ้องตาเขม็ง รีบย่อกายลงนั่งเก็บเครื่องประดับเหล่านั้นใส่กล่องตามเดิม
อณิมามองท่าทีลุกลี้ลุกลนอย่างขัดใจ หล่อนยิ่งหงุดหงิดเมื่อพริมาทำเหมือนไม่อยากเสวนาด้วย เมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นมา จึงหาเรื่องด้วยการยื้อแย่งกล่องสีแดงมาจากมือของเจ้าตัว หากแต่พริมาเองก็
ไม่ยอม ต่างฝ่ายต่างยื้อยุดกันไปมา
"ไม่ได้ยินรึไง เธอเอามาจากไหน หรือไปขโมยใครมากันแน่!"
'อดทนเอาไว้พริมา เราไม่ใช่สะใภ้ตัวจริงในบ้านหลังนี้'
พริมาเตือนตัวเอง นับหนึ่งถึงร้อยพลางสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อไม่ให้ฟิวส์ขาดทะเลาะกับลูกสาวคนเล็กของบ้านวรธาดา
แต่ก็ไม่รู้จะทนไหวไหม ใจเริ่มเต้นเร่าเมื่อสายตาดูถูกดูแคลนมองมาพร้อมรอยยิ้มหยัน จนต้องแก้ต่างให้ตัวเอง
"พี่ไม่ได้ขโมยใครมา คุณพ่อเป็นคนให้มากับมือ"
"อะไรนะ!"
"ไม่เชื่อก็ไปถามท่านดู"
"คุณพ่อ! คุณพ่อเนี่ยนะให้เครื่องเพชรเธอ!"
อณิมาบดกรามจนเป็นสันนูน หล่อนกำลังเกิดความอิจฉาเมื่อถูกพริมาแย่งความรัก แววตาที่ซ่อนความชิงชังเอาไว้ไม่มิดมองพริมาตั้งแต่หัวจรดเท้า กระตุกยิ้มหยันเพื่อกดอีกฝ่ายให้ต่ำลง
"หึ คงจะออดอ้อนคุณพ่อสุดฤทธิ์ล่ะสิท่า ถึงได้มาชุดใหญ่แบบนี้ เก่งนะ จับพี่คินทำผัวได้สำเร็จ ก็ยังออเซาะจนคุณพ่อหลงหัวปักหัวปำ!"
'ไม่เป็นไรพรีม เธอจะทนอีกไม่นาน งานจบก็แยกย้าย แล้วก็จะไม่ได้เจอยัยเด็กบ้านี่อีก เธอจะทำมันพังตอนนี้ไม่ได้'
ในขณะที่พริมาพยายามตั้งสติ หากแต่อณิมาก็ไม่หยุดยั้งอารมณ์ตัวเอง หล่อนยิ้มเหยียด ตามมาด้วยถ้อยคำแง่ลบ
"เธอน่ะมันพวก Gold digger น่ารังเกียจสิ้นดี!"
"แคนดี้!"
"ฉันพูดอะไรผิด ถ้าเธอไม่มีเป้าหมายที่จะจับผู้ชายรวย ๆ เธอก็คงไม่อ่อยพี่คินจนเขาพลาดหรอก ยัย Gold digger!"
พริมาขบกรามแน่น มันคือคำด่าที่สะเทือนไปถึงข้างใน เมื่ออีกฝ่ายกล่าวหาว่าหล่อนมีนิสัยชอบปอกลอกผู้ชาย คบใครก็หวังในเงินของเขา หล่อนรู้สึกโกรธจนหน้าชา อยากตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายเหลือเกิน โพล่งความจริงออกมาเพื่อที่หล่อนจะได้หลุดพ้นไปจากกลุ่มคนเหล่านี้เสียที
หากแต่ก็เหมือนคนเบื้องบนอยากให้หล่อนอยู่ในโลกหลอกลวงต่อไป จึงดลให้อชิระเดินผ่านมาทางนี้พอดี เสียงนั้นดังมาก่อนตัวด้วยซ้ำ
"แคนดี้ หยุดได้แล้ว!"
เสียงดุนั้นทำให้อณิมาถอนหายใจ หันไปตวัดตามองคนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ แผดเสียงใส่หน้าพี่ชาย
"พี่เคน! อีกแล้วนะคะ"
"จะไปทำอะไรก็ทำ ถ้าคุณพ่อเดินมาได้ยินจะทำยังไงฮึ!"
อชิระเอ่ยไล่เพื่อห้ามทัพ อณิมาที่กำลังโกรธจัดหันมาถลึงตาใส่พริมา ยิ่งรู้สึกคับแค้นใจขึ้นไปอีก เมื่อใคร ๆ ต่างก็ออกโรงปกป้องพี่สะใภ้ที่หล่อนไม่เต็มใจยอมรับเอาเสียเลย
ได้เข้ามาเป็นสะใภ้เพราะว่าท้อง หล่อนจะไม่ยอมรับผู้หญิงนักขุดทองมาเป็นสมาชิกในบ้านโดยเด็ดขาด
"แคนดี้! แยกย้ายไปได้แล้ว ไปสิ"
"โง่กว่ายายพรีม โง่ยิ่งกว่าควาย ก็พี่ชายแคนดี้เนี่ยแหละ!"
เมื่อมีคนมาปกป้องพริมา อณิมาก็เดินกระทืบเท้าหนีไปอย่างไม่สบอารมณ์ จนตรงกลางทางเดินเหลือเพียงอชิระกับพริมา ต่างฝ่ายต่างคลี่ยิ้มปร่าแปร่ง
และในขณะที่พริมากำลังจะเดินปลีกตัวไปนั้น อชิระก็คว้าข้อมือของหล่อนเอาไว้ พริมามองตรงจุดที่มือใหญ่สัมผัส เขาเหมือนจะรู้ตัวจึงยอมคลายแรงออก
"อย่าคิดมากนะพรีม แคนดี้ไม่เคยชอบใครสักคนที่เข้ามาในชีวิตพี่คิน พรีมไม่ใช่คนแรกที่เจอฤทธิ์ของเธอ"
"ค่ะ พรีมเข้าใจ"
พริมาแค่นยิ้ม หล่อนไม่อยากพูดอะไรมากเพราะเป็นแค่คนนอก และหล่อนก็กำลังอึดอัดกับสายตาและท่าทีของอชิระ เขาชอบมองหล่อนแปลก ๆ คล้ายกับซ่อนบางอย่างเอาไว้ภายใน
หล่อนเหมือนวัวสันหลังหวะ คิดไปเองว่าอชิระอาจจะรู้ความลับที่หล่อนกับอคิราห์ร่วมกันทำ และการคุยกับเขาให้น้อยที่สุดจึงเป็นการเซฟตัวเองในระดับหนึ่ง
"พรีมขอตัวก่อนนะคะ"
ยังไม่ทันจะก้าวขาไปจากตรงนี้ เสียงเข้มก็ดังมาก่อนตัว
"พรีม ผมก็ตามหาคุณแทบแย่ ที่แท้ก็อยู่ตรงนี้"
อคิราห์เดินเข้ามาใกล้ แววตาเข้มมองหน้าน้องชายสลับกับพริมา มันสื่อถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
"พรีมไปหาคุณพ่อมาค่ะ กำลังจะเอาของไปเก็บ ก็มาเจอ...เอ่อ...เจอพี่เคนพอดี"
"อยู่บ้านเดียวกัน ไม่เคยคุยกันเลยรึไง ถึงต้องมาดักคุยกลางทางแบบนี้"
อชิระรู้ว่านั่นคือคำที่พาดพิงมาถึงเขา จับได้ถึงความหึงหวงที่ซ่อนอยู่ในแววตาและสีหน้าของคนพูด ซึ่งเดิมทีพี่ชายต่างมารดาก็ไม่ค่อยจะสุงสิงกับเขาสักเท่าไหร่ จึงไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะดึงพริมาออกไปไม่ให้สนิทกับเขามากเกิน
"ผมเห็นคุณหายมานาน ก็เลยมาตามคุณ ยิ่งกำลังแพ้ท้องอยู่ด้วย คราวหน้าผมจะไม่ให้คุณคลาดสายตาอีกแล้ว"
อคิราห์คิดว่าเขากำลังแสดงละครตบตาน้องชายต่างมารดา การที่เขาแสดงถึงความรักที่มีให้กับพริมา ก็จะยิ่งทำให้ทุกคนเชื่อว่ามันไม่ใช่การจัดฉากอะไรทั้งนั้น
เขาต้องระวังการสนิทสนมของพริมากับอชิระ เพราะเขาอาจกำลังถูกล้วงความลับ ตอนนี้เขาไม่ไว้ใจใครนอกจากตัวเอง และบิดาจะรู้เรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้
"นายมีอะไรอีกมั้ย ฉันจะพาเมียฉันไปพักผ่อน"
ว่าแล้วก็คว้าข้อมือพริมาแล้วออกแรงกระตุกเบา ๆ สบตาให้หล่อนรู้ว่าถ้าไม่ตามเขาไปมีเรื่องแน่นอน
"เชิญครับ ตามสบาย"
ร่างของพริมาคล้ายกับถูกลากออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว อคิราห์พาหล่อนกลับขึ้นมาที่ห้องนอน เสียงปิดประตูดัง
ตามหลัง แล้วเขาก็ยอมปล่อยมือพริมา
"ไอ้เคนมันคุยอะไรกับคุณ"
"เปล่าค่ะ"
แววตาเข้มหรี่มองคล้ายไม่เชื่อ ตอนนี้เขาเริ่มหวาดระแวงไปหมด
"เชื่อพรีมสิคะ ถ้าพรีมไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น"
พริมาคลี่ยิ้ม กล่องถูกส่งต่อให้อคิราห์ เขาทำหน้างงเล็กน้อย
"มันคืออะไร"
"มันคือเครื่องเพชรของคุณแม่คุณ และคุณพ่อก็เพิ่งให้พรีมมา พรีมคิดว่า...มันควรอยู่กับคุณ"
"ว่าไงนะ! นี่คุณพ่อเรียกคุณไปหา ก็เพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ"
อคิราห์รู้สึกโกรธมาก จริงอยู่ที่บิดาเชื่อเรื่องโกหกที่เขาสร้างขึ้น และท่านก็รักพริมาจริง ๆ แต่ท่านก็ควรบอกเขาบ้าง ก่อนจะยกสมบัติของมารดาให้คนอื่นไปง่าย ๆ เช่นนี้
แววตาของอคิราห์ ทำให้พริมารู้ว่าเขาไม่พอใจ และหล่อนไม่อยากให้พ่อลูกเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกัน
"อย่าโกรธท่านเลยนะคะ ท่านคงยกให้หลานแหละค่ะ แต่ให้ผ่านทางพรีม"
"จะไม่โกรธได้ไงพรีม คุณเป็นคนอื่น เป็นแค่ลูกจ้างผม คุณไม่มีสิทธิ์ได้อะไรทั้งนั้น!"
อคิราห์กระชากกล่องเครื่องประดับไปอย่างแรง แขนของ พริมาห้อยตกอยู่ข้างลำตัว อีกแล้วที่คมน้ำคำบาดลึกห้วงอารมณ์
หล่อนรู้สึกหน้าชาที่เขาพูดมันออกมาตรง ๆ
"พรีมรู้ค่ะ ถึงได้เอามาให้คุณเก็บไว้ไงคะ"
หล่อนหันหลังหนี เดินไปคว้าหนังสือมาสองสามเล่ม คิดว่าจะปลีกตัวเองไปนอนอ่านหนังสือในที่เงียบ ๆ ตอนนี้หล่อนอยากจัดการกับความรู้สึกที่แย่ ๆ ของตัวเองให้ได้เสียก่อน
"จะไปไหนพรีม"
พริมาที่กำลังอ่อนแอไม่ตอบ เพราะเขาก็เห็นว่าหล่อนถือหนังสืออยู่
อคิราห์วางกล่องเครื่องเพชรเอาไว้ก่อน เขาตามไปดึงแขนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายออกไปจากห้อง
"คุณจะลงไปหาไอ้เคนอีกเหรอ อย่าลืมนะพรีม ถึงแม้ความจริงคุณจะโสด แต่ตอนนี้คุณกำลังสวมบทบาทเป็นเมียผม ฉะนั้นผมขอใช้สิทธิ์ออกคำสั่ง ห้ามทำตัวสนิทสนมกับหมอนั่นมากเกินไป"
พริมาบดกรามเข้าหากัน กับการที่เขาทำเหมือนหึงหวงประหนึ่งหล่อนเป็นเมียตัวจริง มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ทีเขานั้นมีคนอื่นได้ แต่กลับห้ามหล่อนติดต่อกับผู้ชาย ไม่ว่าหน้าไหนก็ตาม
หล่อนต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ บ้าจนกล้าโพล่งความคิดใส่หน้าเขา
"แล้วทำไมคุณไม่แสดงบทบาทสามีที่ดีบ้างคะ ทำได้ไหมกับการเลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น...หึ จริงอยู่ที่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่คุณคินคะ สังคมรู้ว่าเราแต่งงานกัน และกำลังมีลูกด้วยกัน นั่นแสดงว่าผู้หญิงที่คบกับคุณอยู่นั้นเต็มใจที่จะเป็นเมียน้อย และเธอ
จะไม่หยุด ช่วยไปบอกเธอที ว่าเลิกโทร.มาเยาะเย้ยพรีมได้แล้ว!"
ประโยคท้ายทำให้อคิราห์ค่อนข้างตกใจ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพริมาต้องเจอกับอะไรบ้าง เขามองแววตาจริงจังคู่นั้น สัมผัสได้ว่านี่ไม่ใช่คำแต่งขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายใคร
"อย่าให้พรีมทนไม่ไหวนะคะ พรีมอยู่ของพรีมดี ๆ แต่คนรอบข้างคุณก็ไม่หยุดที่จะหาเรื่องกันเลย"
"คุณจะหอบลูกของผมหนีไปไม่ได้ อย่า...แม้แต่จะคิด!"
"พรีมไม่รับปาก...โอ๊ย!"
"ถ้าอย่างนั้นผมจะฆ่าคุณทิ้ง!"
เขาออกแรงบีบที่ปลายคางเรียว เมื่อหล่อนทำหน้าเบ้เขาจึงยอมปล่อยมือ ก่อนจะแย่งหนังสือมาจากมือที่กำลังสั่นเพราะอารมณ์ที่ไม่คงที่ เขาจะขังหล่อนไว้ที่นี่ไม่ให้ไปเจอหน้าอชิระ พยายามบอกตัวเองว่าเพราะกลัวถูกล้วงความลับ หาใช่ความหึงหวงแต่อย่างใด