Friend With Benefits 3/1

1227 คำ
โปรเจกต์ตัวร้ายกับควายตัวหนึ่ง.. ฉันนั่งมองหน้าจอแล็ปท็อปแล้วอยากจะร้องไห้ ชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัยปีสี่ที่ใกล้จะสำเร็จการศึกษาเต็มที แต่ก็แค่ใกล้ เพราะยังเหลือด่านสุดท้ายที่ต้องเจอนั่นคือโปรเจกต์ เป็นโปรเจกต์เดี่ยวซะด้วย เรียกได้ว่าหัวเดียวกระเทียมลีบสุดๆ ที่สำคัญคือฉันหัวทึบยิ่งกว่าไส้ดินสอสองบี “เป็นอะไรของมึง” เป็นไอ้เหนือที่ถามฉัน ถามแบบส่งๆ แล้วนั่งลงพร้อมแกะซองขนมแล้วยัดเข้าปาก แน่นอนว่ามันคงไม่ได้สนใจสารทุกข์สุกดิบอะไรฉันนักหรอก เพราะปกติมันก็ไม่เคยสนใจใครอยู่แล้ว นอกจากสาวๆ ในสต๊อก ฉันมองหนุ่มสุดฮอตประจำคณะวิศวะทั้งสี่แล้วเบะปาก ส่วนพวกมันก็มองมาที่ฉันเป็นจุดเดียวแล้วหัวเราะคิกคักเหมือนฉันเป็นตัวตลก “กูเครียดอยู่นะเว้ย” ใช่สิ! พวกมันทำโปรเจกต์เสร็จกันหมดแล้วนี่ ถึงได้มายืนทำหน้าระรื่น หัวเราะคุกคิก คิกคักอยู่อย่างนี้ ไอ้พวกหน้าหล่อ ไอ้พวกลูกรักพระเจ้า นอกจากหน้าตาดี สมองยังดีไม่แพ้หน้าตา “มึงจะเครียดอะไรนักหนา กับอีแค่โปรเจกต์จบเนี่ย” “ก็มึงทำเสร็จแล้วนี่ แต่กูยังไหมวะ” “ให้กูช่วยเอาไหมล่ะ” ไอ้วินด์ยื่นข้อเสนอ ซึ่งฉันก็ได้แต่หัวเราะฮึๆ เมื่อเห็นหน้าหล่อฉายแววร้ายกาจที่ปิดไม่มิดของมัน “ช่วยฟรี?” แน่นอนว่าไม่! “มึงก็กล้าถาม มึงคิดว่าคนอย่างกูจะช่วยมึงฟรีๆ” “ไม่ กูไม่เคยคิด” ไอ้คุณวินด์หัวเราะฮ่าๆ แถมยังทำหน้าทำตาเจ้าเล่ห์ แค่นั้นก็ชัดแล้วว่าฉันคิดถูก ไอ้เพื่อนเวรนี่ไม่ได้จะช่วยฉันทำโปรเจกต์ฟรีๆ แน่ “อะไร มึงจะให้กูทำอะไร” “เป็นแฟนกับกูไง” ไอ้เหนือที่กำลังกินขนมถึงกับสำลัก ยังดีที่ว่าขนมที่กินไม่แบ่งใครไม่ติดคอจนทำให้มันตาย ส่วนคีน และ.. ธาม ฉันไม่รู้หรอกว่าพวกมันทำหน้ายังไง เพราะฉันไม่ได้มอง และไม่กล้ามองด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากลัวอะไร กลัวว่าธามไม่พอใจ หรือ.. กลัวว่าจะเห็นแววตาเฉยชา ไม่รู้สึกรู้สาอะไรของมันกันแน่ “มะ.. มึงพูดบ้าอะไรของมึงวะวินด์ เราเพื่อนกันนะเว้ย” “เป็นแฟนกับกู หมายถึงแฟนหลอกๆ น่ะ” ฉันไม่ได้หลบตาวินด์เหมือนอย่างที่นางเอกซีรีย์หลบตาพระเอกตอนถูกขอเป็นแฟน จึงไม่พลาดที่จะเห็นแววตาผิดหวังของเพื่อนที่คบกันมานานถึงสี่ปี รู้.. รู้ดีมาตลอดว่าวินด์มันคิดยังไง แต่ใจเราไม่ตรงกัน ฉันพูดได้เต็มปากว่ารักธาม ไม่ใช่วินด์ ตลอดมาฉันถึงได้พยายามชัดเจนมาตลอดว่ามองวินด์แค่เพื่อน และจะไม่รู้สึกพิเศษมากไปกว่าสถานะนี้ ไม่ว่าจะกับวินด์หรือผู้ชายคนไหน ตราบใดที่ฉันยังรู้สึกกับ ธามอยู่เต็มหัวใจ แต่หากเมื่อไหร่ที่ฉันดึงความรู้สึกตัวเองกลับมาจากธามได้แล้ว เมื่อนั้นฉันจะเปิดใจแน่นอน “คืองี้ พ่อแม่กูอยากให้กูลองคุยกับลูกสาวเพื่อน แต่กูบอกว่ากูมีแฟนแล้ว พ่อกับแม่กูเลยอยากเจอแฟน มึงช่วยไปแกล้งเป็นแฟนกูหน่อยนะเฟย์ แค่ไปกินข้าวที่บ้านกูกับกู ในฐานะ.. แฟน ปลอมๆ” “สมัยนี้ยังมีคลุมถุงชนอยู่อีกเหรอวะ” พอรู้ว่าวินด์ขอให้ฉันไปเป็นแฟนเฉพาะกิจ ไม่ใช่ขอเป็นแฟนจริงๆ เหนือก็อ้าปากพูดแล้วกินขนมในมือต่อ “กูล่ะหนึ่งที่โดน” “แล้วมึงเคยเจอน้องคนนั้นยัง” “ยัง แม่กูบอกว่าน้องกำลังเตรียมตัวสอบเข้ามอสี่ อยากให้กูไปติวหนังสือให้หน่อย” “ฮะ! ฮะ! ฮะ!” เหนือ คีนและฉันที่ได้รู้ว่าผู้หญิงที่พ่อแม่ไอ้วินด์จะจับลูกชายใส่พานถวายให้กำลังเตรียมตัวสอบเข้ามอสี่ถึงกับอุทานออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ส่วนธาม.. นั่งเงียบ ไม่ได้แสดงทีท่าตกใจหรือพูดอะไรสักคำ “เตรียมตัวสอบเข้ามอสี่ นี่พ่อแม่มึงอยากซื้อข้าวผัดกับโอเลี้ยงไปเยี่ยมมึงที่คุกเหรอวะ นั่นยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะเว้ย” ฉันเห็นด้วยกับคำพูดคีน มอสี่ อายุพึ่งสิบห้าสิบหก แม้จะเป็นการคลุมถุงชน ได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ฝ่ายหญิง แต่เด็กคนนั้นอายุยังไม่ครบสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ตามที่กฎหมายกำหนดว่าให้ทำการหมั้นหมายได้ด้วยซ้ำ “อย่าว่าอย่างนั้นอย่างงี้เลยนะ ทำไมพ่อแม่น้องคนนั้นดูรีบจัง ไม่รอให้ลูกเขาเรียนจบก่อนอ้ะ” หรืออย่างน้อยก็ควรรอให้บรรลุนิติภาวะก่อนก็ยังดี นี่พึ่งเตรียมตัวสอบเข้ามอสี่ก็จะใส่พานถวายให้ไอ้วินด์ซะแล้ว ยังดีที่วินด์ไม่เอาด้วย ถ้ามันเห็นดีเห็นงาม เด็กคนนั้นไม่รอดแน่ “ธุรกิจครอบครัวร่อแร่ ต้องการหาเงินไปหมุน พ่อเขามายืมเงินพ่อกู ไม่มีอะไรมาค้ำประกัน เลยเอาลูกสาวมาค้ำ” “หา? เอาลูกสาวมาค้ำ” เป็นพ่อแม่ประเภทไหนกัน ฉันฟังแล้วนึกสงสารเด็กผู้หญิงคนนั้นชะมัด “อย่างกับละคร พ่อแม่ก็คิดได้เนอะ กูสงสารน้องคนนั้นจังเลยว่ะ” เสือผู้หญิงอย่างไอ้เหนือยังคิดเหมือนฉัน เด็กผู้หญิงวัยสิบห้าสิบหกควรเป็นช่วงเวลาที่สดใส เรียนเต็มที่ เล่นเต็มที่ ไม่ใช่ถูกพ่อแม่เอาความสาว ความบริสุทธิ์เหมือนดอกไม้แรกแย้มมาแลกกับเงิน “กูก็สงสาร เลยไม่อยากยุ่งกับน้องมัน กูเลยบอกพ่อแม่ไปว่ากูมีแฟนแล้ว” “แล้วทำไมมึงไม่บอกพ่อแม่ไปตรงๆ” ฉันคิดว่าวิธีนี้ดีกว่าการที่วินด์จะพาฉันไปเป็นไม้กันหมา เพราะไม้อย่างฉันคงกันหมาให้มันได้ไม่นาน สักวันทุกคนก็ต้องรู้ความจริงว่าวินด์กับฉันเป็นแค่เพื่อนกัน “กูพูดแล้ว แต่พ่อแม่ยืนยันท่าเดียวเลยว่าให้กูลองคุยกับเด็กนั่นดูก่อน แต่กูไม่อยากยุ่ง ถ้าเกิดสมมติเด็กมันชอบกูขึ้นมา กูก็แย่ดิวะ” ฉันทำท่าแหวะเพราะหมั่นไส้ความมั่นหน้าของวินด์ ก็ยอมรับอยู่หรอกว่าเพื่อนหล่อ เพื่อนรวย เพื่อนเพอร์เฟกต์ แต่ช่วยถ่อมตัวหน่อยเถอะพ่อคุณ “เฟย์ มึงไปกินข้าวกับพ่อแม่กูนะ” วินด์เขย่าแขนฉันเบาๆ มันทำหน้าออดอ้อนอย่างกับลูกหมา ฉันเห็นแล้วอดขำไม่ได้ ทั้งตลกเพื่อนทั้งหมั่นไส้ “เออ ก็ได้วะ แต่แค่ครั้งเดียวนะมึง กูไม่อยากโกหก มันบาป กูมันเฟย์คนดี” ช่วยเพื่อนสักครั้งจะเป็นอะไรไป แถมนอกจากช่วยเพื่อนแล้วยังช่วยให้ยายเด็กค้ำประกันนั่นรอดพ้นจากเงื้อมมือไอ้วินด์ด้วย ได้บุญสองต่อไปเลยเฟย์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม