“ฮึก...ฉัน...ฉัน...”
เสียงขาดๆหายๆพยายามคิดว่าควรบอกเขายังไงดี ก่อนที่เธอจะเงยหน้าที่อาบเต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองเขา
“ผมจะไม่ว่าอะไร แค่พูดความจริงออกมา”
“ฮึก...คุณ...คุณเป็น ฮึก เป็นพี่ชาย ฮึก พะ...พี่ชายของพิมพ์...” และเธอก็พูดออกมา
“หือ? รู้จักยัยพิมพ์ด้วยเหรอ” ทำเอาพอลรภีถึงกับแปลกใจ
หงึก หงึก
ปั้นหยาพยักหน้าให้เขา
“แล้วยังไง” เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“ฉัน...ฮึก ฉันกับพิมพ์ เราเกลียดกัน” และปั้นหยาก็บอกออกมา
“ห๊ะ! ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าบอกนะว่าที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์เพราะเรื่องนั้น ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ตลกอะไร...ก็ใครบอกให้ลุงเป็นพี่ชายยัยปีศาจนั่นล่ะ” ปั้นหยาถึงกับชักสีหน้าเมื่ออยู่ดีๆพอลรภีก็หัวเราะออกมาเหมือนมันเป็นเรื่องตลกทั้งๆที่เธอเครียดแทบตาย
“ไหนว่า 18 แล้ว เรื่องแค่นี้ควรแยกแยะได้สิ ผัวกับน้องผัว มันคนละเรื่องกันเลยนะ”
“ผัวบ้าบออะไรล่ะ! แค่แฟน...”
“แฟนก็เหมือนผัวนั่นแหละ...เรื่องยัยพิมพ์ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่มีผลอะไรกับผม แล้วที่ไปเที่ยวกับผู้ชายอื่น...ทำแบบนั้นทำไม...ประชดผมเหรอ หรือคิดจะหาผัวใหม่”
“เอ๊ะ! ไม่ใช่ผัวๆๆ แค่แฟน...แล้วฉันก็ไม่ได้ไปกับใครด้วย แค่บังเอิญเจอ พี่ของเพื่อน”
“แล้วชุดนี่ล่ะ ทีแรกสีแดงนี่”
“ก็มันเลอะ เขาเลยไปซื้อชุดมาให้เปลี่ยน...”
“แน่ใจนะว่าแค่เปลี่ยน แล้วรอยนั่นล่ะ”
พรึ่บ!!!
“นี่ก็มี นี่ด้วย นี่อีก อันนี้ก็ด้วย ทั้งหมดนี่เป็นรอยที่ฉันเดินชนโต๊ะ เตียง ขอบประตู ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมคนบ้า!”
ปั้นหยาไม่พูดเปล่า เธอโชว์ทุกรอยบนร่างกายให้เขาดู ซึ่งพอมองดีๆรอยช้ำมันเต็มไปหมดเมื่อแค่เดินเฉียดสิ่งของพวกนั้นรอยก็เกิดขึ้นแล้ว
“อ้อ” ส่วนพอลรภีได้แต่พยักหน้าอย่างเริ่มเข้าใจ ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกผิดเสียแล้วที่ทำรุนแรงกับเธอก่อนหน้านั้น
“แล้วคุณล่ะ ไปทำอะไรที่ผับ” พอเรื่องของเธอจบแล้ว หญิงสาวก็หันมาเล่นงานเขาแทน
“ห๊ะ...ก็ เพื่อนผมน่ะ มันพึ่งเลิกกับแฟนเลยชวนไปดื่ม...ผมโทรบอกแล้วนะ คุณไม่รับโทรศัพท์เอง” เขารีบหาทางออกเมื่อเห็นสายตาคาดโทษของเธอ
“แล้วคุณล่ะ มีปัญหาก็น่าจะบอกกันไม่ใช่โทรศัพท์ก็ไม่รับ แถมออกไปเที่ยวอีก ถ้าเกิดเมาขึ้นมาแล้วมีคนลากไปจะทำยังไง”
“พอเลย ครั้งนี้คุณผิด ดูสิว่าทำอะไรไป ชุดขาดหมดเลย คนบ้า!”
“ทิ้งไป เดี๋ยวผมซื้อใหม่ให้ แต่อันที่จริงไม่ต้องใส่ก็ได้...” ไม่พูดเปล่าแต่เขายังก้มลงมองร่างกายอันเซ็กซี่ที่มีเพียงชั้นในปกปิดอยู่
“ว่าแต่ คุณเป็นเพื่อนของยัยพิมพ์จริงๆเหรอ ทำไมผมถึงไม่เคยเจอเลยล่ะ” พอลรภีอดที่จะถามขึ้นไม่ได้
“จะเจอได้ไง ก็ฉันกับน้องสาวลุงเป็นคู่อริกัน” และปั้นหยาก็บอกออกมาตามตรง
“ทำไมล่ะ” ชายหนุ่มก็ยังไม่เข้าใจ
“ก็น้องสาวลุงน่ะนิสัยไม่ดี” ปั้นหยาไม่ได้สนใจเลยว่ากำลังว่าน้องสาวของเขาต่อหน้าเขาอยู่
“หืม? พิมพ์เนี่ยนะ...” แต่พอลรภีก็แทบไม่อยากเชื่อ เขารู้ว่าน้องสาวเขาค่อนข้างแสบแต่ไม่ได้คิดว่าจะแสบจนต้องมีคนเกลียด
ส่วนปั้นหยาพอรู้สึกว่าเขาไม่อยากเชื่อว่าพิมพ์รวีนิสัยไม่ดี เธอเลยตัดสินใจเล่าความแสบของพิมพ์รวีให้ปั้นหยาฟัง และพอพอลรภีได้ฟังก็อดหัวเราะเสียงดังออกมาไม่ได้ เพราะเท่าที่ฟังมา ไม่ใช่แค่น้องสาวของเขาหรอกที่แสบ แต่ทั้งปั้นหยาและพิมพ์รวีแสบพอๆกัน ทั้งสองเหมือนกับเด็กๆทะเลาะกันมากกว่า
“หัวเราะทำไม ไม่เห็นตลกสักหน่อย” ปั้นหยาอดที่จะพูดขึ้นอย่างน้อยไม่ได้
“ก็แค่...ไม่นึกว่าพวกเด็กๆสมัยนี้ทะเลาะกันแค่เพียงไม่ชอบหน้ากัน แล้วเท่าที่ผมฟังน้องสาวผมก็แค่อยากให้คุณตั้งใจเรียน ไม่เกเร...”
“อ๊าย! หยุดเข้าข้างยัยปีศาจพิมพ์เลยนะ! งั้นก็เลิกกันไปเลย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เลิกได้ไง ได้กันแล้วเลิกไม่ได้หรอก”
ไม่พูดเปล่าเขายังอุ้มร่างบางที่ดิ้นพยศเพราะถูกขัดใจขึ้นแล้วพาเดินไปที่ห้องนอนใหญ่ของเขา เพราะเรื่องความบาดหมางระหว่างสองสาวมันไม่ได้เกี่ยวกับเขาสักหน่อย สิ่งที่เขาสนใจคือเธอต่างหาก แถมตอนนี้เธอก็กำลังดิ้นรนเสียดสีกายสาวไปกับกายของเขา ที่ตื่นตัวขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
“แล้วทำไมฉันต้องมาดูแลด้วยเนี่ย! ฮึ่ย...” ทางด้านพิมพ์รวี ตอนนี้กำลังยืนมองร่างเมามายไร้สติของคฑาด้วยหน้าตาบึ้งตึง
“ริน...ทำไม...ทำไมทำแบบนี้...” เสียงเมามายเหมือนกำลังละเมอดังขึ้น ทำเอาพิมพ์รวีถึงกับสะดุ้งตกใจ นึกว่าเขาตื่นขึ้นมา ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเขาแค่ละเมอ
“แค่ทะเลาะกับเมียถึงกับต้องเมาขนาดนี้เลยเหรอ หึ! สงสัยจะรักมาก”
พิมพ์รวีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหน แต่แววตากลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เมื่อมันฉายชัดด้วยความเศร้าและเสียใจที่ยังคงอยู่ ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วกลับออกมาพร้อมผ้าเปียก จากนั้นค่อยๆนั่งลงเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับคฑาเหมือนกับที่เคยทำให้กับพอลรภี
“ก็เห็นมีความสุขดีนี่...หรือทะเลาะกัน...” เธอทั้งเช็ดทั้งเริ่มตั้งคำถาม ก่อนจะหยุดลงเพื่อมองจ้องหน้าคมและนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มองเขาอย่างใกล้ชิดแบบนี้
3 ปีก่อน...
‘ฮือๆๆๆ ทำไม ทำไมพี่คฑาต้องแต่งงานด้วย ฮือๆๆๆ พิมพ์รักพี่คฑา ฮือๆๆๆ พิมพ์ไม่ยอม ฮือๆๆๆ พิมพ์รักพี่คฑา ฮือๆๆๆ’ เสียงพิมพ์รวีร้องไห้ปานจะขาดใจ
‘พิมพ์พึ่งจะอายุสิบห้า แล้วไอ้คฑามันสามสิบกว่าแล้ว หยุดร้องไห้ได้แล้ว งานแต่งก็จบไปแล้วด้วย’ พอลรภีที่ยืนมองน้องสาวร้องห่มร้องไห้เหมือนกับเขื่อนแตกเพียงเพราะเพื่อนของเขาแต่งงานอย่างเหนื่อยใจ
‘ฮือๆๆๆ ไม่! พิมพ์จะฆ่าตัวตาย’ พิมพ์รวีที่ร้องไห้มาอย่างยาวนาน หน้าตาบวมเป่งจนดูไม่ได้บอกขึ้น เมื่อตอนนั้นเธอคิดว่าถ้าไม่มีคฑาเธอก็อยู่ไม่ได้
‘ยัยพิมพ์!!!’ ทำเอาคนที่ทั้งรักทั้งหวงน้องสาวถึงกับตะคอกออกมาเสียงดังอย่างไม่เคยทำมาก่อน
‘พะ...พี่พอลตะคอกพิมพ์...ฮือๆๆๆๆ ฮือๆๆๆๆๆ พี่พอลตะคอกพิมพ์ทำไม ฮือๆๆๆๆๆๆๆ’
และจากที่เสียใจเพราะคนที่แอบรักแต่งงาน พิมพ์รวีก็ต้องมาเสียใจกับการที่ถูกพี่ชายสุดที่รักตะคอกและทำหน้าตาขึงขังใส่ เธอรู้สึกเสียใจที่พี่ชายเสียงดังใส่มากกว่าที่คฑาแต่งงานเสียอีก
ส่วนพอลรภีก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เมื่อเขาเองก็ตกใจกับสิ่งที่น้องสาวพูดเลยเผลอตะคอกออกไปแบบนั้น ก่อนจะนั่งลงโอบกอดร่างเล็กอย่างปลอบประโลม เมื่อคิดแค่ว่าพิมพ์รวียังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจคำว่ารักจริงๆ
“เฮ้อ ทำไมต้องกลับมาด้วย อยู่ที่โน่นไปก็ดีแล้ว”
พิมพ์รวีพูดขึ้นหลังจากเผลอนึกไปถึงความหลังตอนที่เธอเคยร้องไห้ฟูมฟายเพราะคฑาแต่งงาน เธอยอมรับว่าตอนนั้นเธอหลงรักเขาหัวปักหัวปำจนทำเรื่องน่าอายต่างๆนานาขึ้นมา ดีที่มีเพียงพอลรภีคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่อง
หมับ!
ขณะที่นั่งรำลึกความหลังอยู่ คฑาที่เมามายดันควานมือมาจับเอาแขนของพิมพ์รวีเอาไว้
“เฮ้ย! พี่คฑา!” หญิงสาวถึงกับลุกยืนอย่างตกใจพร้อมกับสะบัดแขนหนีเขา
“อือ...ร้อน...” เสียงแผ่วเบาของคฑาดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งร่างใหญ่เริ่มดิ้นไปมา
“เฮ้ยๆๆๆ เดี๋ยวก่อนๆๆๆ” พิมพ์รวีรีบบอกขึ้นเมื่อเขากำลังถอดชุดที่ใส่อยู่ออก
“พิมพ์...”
กึก!...
ขาที่กำลังจะก้าวออกจากห้องนอนพี่ชายถึงกับหยุดชะงัก เมื่อได้ยินชื่อของเธอออกจากปากคนเมา
“อย่าไป...พิมพ์...”
เธอค่อยๆหันกลับไปมอง ปรากฏว่าคนที่เธอนึกว่าเมาจนขาดสติกำลังปรือตาขึ้นมองมาที่เธออยู่ พิมพ์รวีถึงกับตัวแข็งทื่อ
“อยู่กับพี่...ได้ไหม...” คฑาที่สติค่อยๆกลับมาเอ่ยขึ้น ทีแรกเขานึกว่าเขาฝัน แต่พอฝืนที่จะลืมตาขึ้นมองกลับพบว่าเป็นพิมพ์รวีจริงๆ
ส่วนพิมพ์รวีได้แต่มองเขาอย่างสับสน ตกลงว่าเขาเมาจริงๆ หรือเขากำลังละเมอ หรือว่าเขาหมายความแบบนั้นจริงๆ
“อย่าพึ่งไปได้ไหม...อยู่กับพี่ก่อน...”
คฑายังพูดออกมาแบบเดิม ทำเอาพิมพ์รวีที่คิดว่าเธอควรเดินออกไปจากห้องนี้ แต่ขาเจ้ากรรมดันเดินกลับมายืนอยู่ข้างเตียงของเขาแทนซะอย่างนั้น
หมับ!
“ว๊าย!...พะ...พี่คฑา...” พิมพ์รวีถึงกับร้องเสียงหลงเพราะถูกเขาจับแขนกระชากลงไปนอนกอดเอาเสียดื้อๆ
“อย่าดิ้น...แค่กอด...” คฑากระซิบบอกพร้อมกับกอดเธอแน่นขึ้น
“แต่เราไม่ควร...”พิมพ์รวีพยายามจะบอก แต่ดูเหมือนเขาไม่สนใจเพราะยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นไปอีก หัวใจดวงน้อยๆที่เคยสงบสุขกลับเต้นโครมครามอีกครั้ง
“พี่คฑาแต่งงานแล้ว เราไม่...”
“พี่เลิกแล้ว...”
คฑาบอกขึ้นก่อนที่เธอจะพูดจบเสียอีก ทำเอาพิมพ์รวีได้แต่นิ่งอึ้งกับสิ่งที่พึ่งได้รู้ หรือว่านี่เป็นสาเหตุให้เขาดื่มหนักในวันนี้
“เกิดอะไรขึ้นคะ” เธอยังคงอยากรู้ เมื่อในใจลึกๆกำลังเต้นรัว หัวใจที่เคยหมดหวังดันกลับมามีความหวังอีกครั้ง
“ก็แค่เลิก...อย่าถามมากเลย ตอนนี้พี่โสดแล้ว...”
“...............” และก็เหมือนคำว่าโสดของเขากำลังกึกก้องอยู่ในหัวของพิมพ์รวี จากที่นอนแข็งขัดขืนกลับเริ่มโอนอ่อน
“มาบอกทำไม...ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย...” เสียงแผ่วเบาบอกขึ้น
“แน่ใจเหรอว่าไม่อยากรู้...ผิดหวังจัง” และคฑาก็เหมือนกับน้อยใจในสิ่งที่พึ่งได้ยิน
ยิ่งเขาพูด พิมพ์รวีก็ยิ่งแปลกใจ ตกลงว่าเขาหายเมาแล้วใช่ไหมถึงพูดรู้เรื่องขนาดนี้
“ถ้าหายเมาแล้วก็กลับบ้านไปสิคะ พิมพ์จะไปนอน” พิมพ์รวีบอกพร้อมกับพยายามลุกออกจากเขา
“อยากนอนด้วย” คฑาบอกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับกอดกระชับร่างเล็กแน่นขึ้น
“พี่คฑา! นี่ปล่อยพิมพ์เลยนะคะ” คนตัวเล็กตกใจรีบดิ้นหนีทันที
“ไม่...ปล่อยไม่ได้อีกแล้ว” แต่คฑากลับกระซิบบอกเสียงแผ่วแล้วกอดเธอแน่นขึ้น
“ไม่ได้นะ ปล่อยพิมพ์” พิมพ์รวียังคงไม่ยอม
“ไม่ปล่อย รู้ไหมพี่ต้องอดทนขนาดไหน ตอนนี้พี่จะไม่ทนอีกแล้ว”
หมับ! พรึ่บ!
“พี่คฑา! อึ! อื้อ...!?”
พิมพ์รวีบอกขึ้นอย่างตกใจกับท่าทีของเขา แต่คฑากลับไม่สนใจที่จะหักห้ามใจอีกต่อไป เขาพลิกตัวขึ้นคร่อมแล้วกดจูบปิดปากเล็กอย่างรวดเร็ว
ความเมาบวกกับความต้องการที่เคยปกปิดเอาไว้ทำให้คฑาไม่สามารถหักห้ามใจได้อีก ปากร้อนจาบจ้วงพยายามขอเข้าไปเชยชิมในปากเล็กที่พยายามสะบัดขัดขืน ถึงแม้ว่าจะเคยแอบชอบเขาขนาดไหน แต่พิมพ์รวีก็ไม่เคยคิดที่จะถวายตัวถวายใจให้กับเขาอีกแล้ว เมื่อยังไงเธอกับเขาก็อายุห่างกันมากมายขนาดนี้ แถมเขายังผ่านการแต่งงานมาแล้ว ร่างเล็กพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่ด้วยความต้องการที่มากขึ้นเรื่อยๆ คฑาเลยไม่คิดที่จะหยุด