“หยาๆๆๆ ทางนี้ๆๆๆๆ”
หลังจากที่นอนคิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพอลรภีอยู่ทั้งวันสุดท้ายปั้นหยาก็ยอมออกมาเจอเพื่อนเมื่อถูกคะคั้นคะยอเพราะทุกคนอยากรู้ว่าเธอจะตัดสินใจยังไงกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น
“เป็นไงบ้าง ตกลงแกจะเลิกกับแฟนแกรึเปล่า”
พอเดินมานั่งก็ถูกเพื่อนๆยิงคำถามใส่ทันที
“นั่นพี่ชายยัยแว่นปีศาจเลยนะหยา คิดดูสิถ้าเกิดยัยนั่นรู้แล้วตามมารังควานแก อึ๋ย ไม่อยากจะคิด”
“เออ แกก็รู้ว่ายัยปีศาจนั่นน่ากลัวขนาดไหน”
“ใช่ๆๆๆ ถ้าเป็นฉันยอมยกธงขาวดีกว่า”
และทุกประโยคก็ทำเอาปั้นหยาถอนหายใจออกมา อันที่จริงเธอก็ไม่ได้กลัวพิมพ์รวีอะไรขนาดนั้น แต่แค่ไม่ชอบหน้าและไม่อยากคบค้าด้วยก็เท่านั้นเอง
“เลิกพูดเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง รินเหล้าเข้มๆมาหน่อย” ปั้นหยาตัดสินใจตัดปัญหาออกไป เพราะแค่ที่บ้านเธอก็คิดจนหัวแทบระเบิดอยู่แล้ว จะต้องมานั่งคิดอยู่ที่นี่อีก มีหวังได้ระเบิดจริงๆแน่
ส่วนพวกเพื่อนๆก็ได้แต่มองอย่างเห็นอกเห็นใจ เพราะต่างก็รู้ว่าพอลรภีคือแฟนคนแรกของปั้นหยา พึ่งเปิดตัวไปอาทิตย์กว่าๆก็ดันเจอทางที่อาจจะตันเสียแล้ว
“เออ แกจำพี่ฟงได้ไหม ลูกพี่ลูกน้องของฉันน่ะ ที่มาจากฮ่องกง วันนั้นเขาเห็นแกแล้วเขาสนใจ ถ้าเกิดแก...เอ่อ จะเลิกกับแฟน ลองคบกับพี่ชายฉันดูไหมล่ะ เขาเห็นแกในรูปเขาบอกตกหลุมรักแกเลยนะ”
หนึ่งในเพื่อนของปั้นหยาที่เดินมานั่งข้างเธอกระซิบบอกขึ้น เมื่อ ลุ่ยฟง ลูกพี่ลูกน้องเชื้อสายฮ่องกงของเธอเคยบอกว่าสนใจปั้นหยา บางทีเธออาจช่วยให้ปั้นหยาตัดใจจากพอลรภีได้ง่ายขึ้นเลยลองคุยดู
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบต่างชาติ” ปั้นหยาตอบอย่างไม่ต้องคิด
“แกก็อย่าพึ่งปฏิเสธสิ ฉันอุตส่าโทรเรียกแล้ว นะหยา ลองดูก่อน ชอบไม่ชอบค่อยว่ากัน ไม่แน่แกเห็นพี่ฟงแล้วอาจลืมพี่ของยัยปีศาจพิมพ์ไปเลยก็ได้”
เพื่อนของปั้นหยายังคงไม่ยอมแพ้เพราะดันส่งข้อความไปบอกให้ลุ่ยฟงมาเจอปั้นหยาที่นี่แล้วนั่นเอง
ส่วนปั้นหยา เมื่อปฏิเสธไปแล้วเธอก็ได้แต่นั่งดื่มพร้อมกับคิดเรื่องของพอลรภี ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งดื่มหนักเข้าอย่างลืมตัว จนกระทั่งมีผู้ชายผมยาวรูปร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาร่วมวงของพวกเธอ เสียงกรี๊ดของสาวๆก็ดังขึ้นจนปั้นหยาอดที่จะหันไปมองด้วยไม่ได้
“พี่ฟง! มาแล้วเหรอคะ มานั่งนี่เลยๆ...ทุกคน นี่พี่ฟง ลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง” เสียงเจื้อยแจ้วแนะนำออกมาอย่างภูมิใจ เพราะลุ่ยฟงหล่อเรียกได้ว่าขาวตี๋ ผมยาว หน้าคมกริบจนสาวๆต้องเหลียวมองเลยก็ว่าได้
“หยา นี่พี่ฟง ที่ฉันเล่าให้ฟังไง”
“หือ? เอ่อ สวัสดีค่ะ...” ปั้นหยาเองก็มองลุ่ยฟงอย่างตกตะลึงไม่แพ้คนอื่นๆถึงกับไปไม่เป็น เมื่อความหล่อของเขาทะลุทะลวงซะขนาดนี้ ใครกันจะไม่สนใจมอง
“เป็นไง สนใจแล้วใช่ไหม” เพื่อนของเธอรีบนั่งลงกระซิบถามเมื่อเห็นว่าเธอจ้องมองลุ่ยฟง
“ห๊ะ! เอ่อ ปละ...เปล่า...” เสียงปฏิเสธที่ดูติดๆขัดๆทำเอาเพื่อนของเธอยิ้มกว้างเพราะคิดว่าปั้นหยาต้องสนใจลุ่ยฟงเข้าให้แล้ว
“สวัสดีครับ พี่ชื่อฟง...ยินดีที่ได้รู้จัก...ปั้นหยา...”
ส่วนลุ่ยฟงไม่รอให้ใครมาแนะนำตัว เขาเดินมานั่งลงอีกฝั่งข้างเธอพร้อมกับแนะนำตัวเองออกมาจนสาวๆพากันเอ่ยแซวไม่หยุด เพราะแค่นี้ก็รู้แล้วว่าลุ่ยฟงสนใจเพื่อนของพวกเธอ
“ค่ะ...” ปั้นหยาที่ไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่ตอบรับก่อนจะหันกลับมาสนใจแก้วเหล้าตรงหน้า เมื่อพวกเพื่อนๆก็ดูเป็นใจให้เธอได้อยู่กับเขาเพราะพากันไปหลบดื่มอยู่อีกมุมปล่อยให้เธอและลุ่ยฟงนั่งดื่มกันอยู่สองคน
“หลินเล่าให้พี่ฟังบ่อยๆว่าหยา เอ่อ พี่ขอเรียกว่าหยาเฉยๆนะ...ยังโสดใช่ไหม” ลุ่ยฟงเปิดเกมรุกทันที
“เอ่อ ก็...ไม่เชิงค่ะ” ปั้นหยาบอกอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก เพราะไม่รู้ว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้กับพอลรภี
“แสดงว่ากำลังคุยกับใครอยู่...อืม จะเป็นไรไหม ถ้าพี่อยากจะขอโอกาสเป็นหนึ่งในตัวเลือกของเราบ้าง...แค่ตัวเลือกก็ได้”
ลุ่ยฟงบอกขึ้นซึ่งเขาเองค่อนข้างมั่นใจในตัวเองว่าถ้าเกิดเธอเปิดใจให้เขาจริงๆรับรองเธอได้ติดใจเขาจนโงหัวไม่ขึ้นอย่างแน่นอน
“พอดีตอนนี้หยายังไม่พร้อม ขอโทษนะคะ” ปั้นหยาตัดสินใจปฏิเสธ เพราะยังไงหัวใจของเธอก็อยู่กับอีกคนไปแล้ว
“ขอแค่โอกาส พี่จะไม่เข้าไปก้าวก่าย แค่โอกาสให้ได้พิสูจน์ ว่าพี่ไม่แพ้ผู้ชายคนอื่นแน่นอน...นะครับ”
เขายังเปิดเกมรุกไม่หยุด เมื่อเขาไม่เคยยอมเป็นตัวเลือกให้ใครมาก่อน แต่กับปั้นหยา เข้าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เธอมา
“แต่หยา...”
“นะครับ อุ๊ย! เอ่อ พี่ขอโทษ พอดีพี่ไม่ทันระวัง” พอเห็นเธอท่าจะไม่เล่นด้วย ลุ่ยฟงเลยใช้แผนที่เขาคิดว่ารวบรัดที่สุดแทน โดยการแกล้งทำเหล้าที่ถืออยู่หกใส่ปั้นหยาจนเธอเปียกโชก
“ว๊าย! เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ” ปั้นหยาที่ตกใจรีบลุกขึ้นสะบัดเหล้าออกจากตัว แต่ก็ช้าเกินไปเมื่อเปียกไปถึงซับในเรียบร้อยแล้ว
“พี่ว่าไปห้องน้ำดีกว่านะ...เปียกขนาดนี้...” ลุ่ยฟงรีบเสนอออกมา
“ค่ะ งั้นเดี๋ยวหยา...”
“เดี๋ยวพี่พาไป” ลุ่ยฟงรีบบอกออกมา
“ไม่...” ปากที่กำลังจะอ้าปฏิเสธหุบลงทันทีเพราะลุ่ยฟงไม่พูดเปล่าเขายังเอื้อมมาจับมือเธอแล้วพาเดินออกไปทันทีจนพวกในห้องต้องแอบยิ้มตามๆกัน
“ทำไมต้องดื่มหนักหนาดนี้วะ...มันแย่มากเลยเหรอ” ทางด้านพอลรภี ตอนนี้ก็อยู่ที่ผับเดียวกันกับปั้นหยา เมื่อคฑาอยากมาดื่ม ซึ่งพอมาถึงเพื่อนของเขาก็ดื่มเหล้าเหมือนกับว่ามันเป็นน้ำเปล่าจนเมามายไม่ได้สติ
“อืม...เธอมีชู้...มีทั้งๆที่ยังมีฉันอยู่...” และสิ่งที่พึ่งรู้ก็ทำเอาพอลรภีถึงกับอึ้งไปเพราะคฑาแทบไม่เคยพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเลยสักนิด
“แล้วแก...”
“ฉันโอเคแล้ว แค่เสียคนที่ไม่เคยรักฉันไป ก็เท่านั้นเอง...”
น้ำเสียงที่ดูเศร้าสร้อยพร้อมกับอาการดื่มอย่างบ้าคลั่งทำเอาพอลรภีอดห่วงไม่ได้ ก่อนจะหันไปเจอปั้นหยาที่เดินจูงมือกับชายอื่นอยู่ทำเอาเขาถึงกับลุกขึ้นยืน
“จะไปไหน” คฑาที่เงยหน้าปรือตามองถามขึ้น
“แกนั่งอยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา” พอลรภีบอกออกมาก่อนจะเดินออกไป
เขาเดินตามหาปั้นหยาไปทั่ว ทั้งในห้องน้ำหญิง ทั้งลานจอดรถแต่ก็ไม่เจอ ทำเอาเขาเริ่มร้อนใจเมื่อกลัวว่าเธอจะไปต่อกับคนอื่นก่อนจะรีบเดินกลับมาที่โต๊ะเพื่อเอาโทรศัพท์
“มีอะไรรึเปล่า...” คฑาที่ถามออกมา
“พอดีเหมือนเห็นคนรู้จักน่ะ”
พอลรภีบอกขึ้นพร้อมกับกดโทรศัพท์โทรออกไปหาปั้นหยาทันที แต่ก็ไม่มีคนรับ เขาเงยหน้าขึ้นไปมองบนโซนวีไอพีที่ปั้นหยาเคยพาเขาขึ้นไป ก่อนจะหันไปมองคฑาเพราะเพื่อนของเขาเองก็เริ่มเมาแล้ว
“เดี๋ยวฉันมา”
เขาบอกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเดินตรงไปที่โซนวีไอพีทันที และก็เป็นอย่างที่เขาคิดเมื่อพวกเพื่อนๆของหญิงสาวกำลังดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน
“เฮ้ย! นะ...นั่นแฟนหยานี่”
“ใช่จริงด้วย...”
“มาได้ไงวะเนี่ย...”
“ทำไงดี...”
ทุกคนที่เห็นพอลรภีปรากฏตัวขึ้นถึงกับตกตะลึง เพราะคิดจะจับคู่ปั้นหยากับลุ่ยฟงนั่นเอง
“หยาล่ะ หยาไปไหน” พอลรภีถามออกมาอย่างร้อนใจ
“เอ่อ...ไป...ไปเข้าห้องน้ำ...ค่ะ...” หนึ่งในนั้นตอบออกมา
พอลรภีที่เห็นสีหน้าและท่าทางเลิกลักของพวกเพื่อนๆของปั้นหยาก็เริ่มเข้าใจ เขามองไปยังกระเป๋าของเธอซึ่งมันยังวางอยู่ในห้อง แสดงว่าเธอยังไม่ได้ออกจากผับ
“ถ้าหยากลับมา รบกวนให้โทรกลับหาพี่ด้วยนะ” เขาบอกขึ้นก่อนจะเดินกลับออกไปทันที
และพอเดินมาถึงโต๊ะเขาก็เห็นคฑาเมาฟุบบนโต๊ะไปเรียบร้อยแล้ว พอลรภีถึงกับต้องคิดหนักเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไง ใจหนึ่งก็อยากตามหาปั้นหยาให้เจอแต่ตอนนี้คฑาก็ดันเมามากจนไม่มีสติไปเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายพอลรภีก็ต้องพาคฑากลับออกมาซึ่งเขาต้องพาไปบ้านของเขาแทนเพราะมันใกล้กว่าคอนโดของเขา
“พี่พอล อึ๊ย กลิ่นเหล้าหึ่งเลยนะคะ...แล้วนั่น...พี่คฑา...ทำไมถึง...”
พิมพ์รวีที่กำลังจะเดินกลับขึ้นห้องหลังจากลงมาหาน้ำดื่มในกลางดึกถึงกับเอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ ก่อนจะมองไปเห็นคฑา เธอถึงกับสตั๊นไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น
“อ่าวพิมพ์ ยังไม่นอนเหรอ...พอดีคฑามันเมาน่ะพี่เลยพามาบ้าน อ้อ เราตามพี่มาหน่อยได้ไหม พอดีพี่ต้องไปทำธุระ ช่วยดูแลคฑามันหน่อยได้ไหม” พอลรภีที่เอาแต่คิดถึงปั้นหยารีบบอกออกมาพร้อมกับพาคฑาขึ้นห้องไปโดยมีพิมพ์รวีเดินตามไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“ช่วยพี่หน่อยนะ พอดีพี่ต้องไปทำธุระต่อ” พูดจบพอลรภีก็เดินออกจากห้องไปทันที
“อ่าว พี่พอล! พี่พอลคะ” พิมพ์รวีที่กำลังสับสนได้แต่มองตามร่างของพี่ชายอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะหันกลับมามองคฑา
“ตีสอง...เฮ้อ...” พิมพ์รวีเงยหน้าไปมองนาฬิกาขนาดใหญ่ในห้องนอนของพี่ชายก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อนี่มันดึกมากแล้วแท้ๆ เธอไม่น่าหิวน้ำตอนดึกเลยจริงๆ
“หยา...เกิดอะไรขึ้น ทำไมแกถึง...”
ทางด้านปั้นหยาที่พึ่งเดินกลับเข้ามาในห้องหลังจากหายไปร่วมชั่วโมงทำเอาเพื่อนของเธอที่หันมามองพากันอึ้งกับสิ่งที่เห็น
“ก็...” ปั้นหยากำลังจะพูด
“อ่าว มีอะไรรึเปล่า...” แต่ลุ่ยฟงเดินเข้ามาก่อน ก่อนเขาจะมองทุกคนอย่างมีคำถามเพราะตอนนี้ทุกคนต่างก็มองปั้นหยาอย่างมีคำถามเหมือนกัน
“ทำไมชุด...” เพื่อนของปั้นหยาจ้องมองที่ชุดใหม่ของเธอ เพราะจำได้ว่าก่อนหน้านั้นปั้นหยาใส่ชุดสีแดงเพลิง แต่ตอนนี้มันกลับเปลี่ยนเป็นสีชมพูหวาน
“อ้อ นี่น่ะเหรอ พอดีพี่ทำชุดของหยาเปื้อนน่ะ เลยไปซื้อชุดใหม่มาให้เปลี่ยน...พี่ขอโทษอีกครั้งนะครับ”
“ค่ะ ไม่เป็นไร” ปั้นหยาพูดอย่างไม่นึกเอาผิดอะไรก่อนจะเดินกลับมานั่งที่พร้อมกับเริ่มดื่มอีกครั้งโดยลืมสังเกตสีหน้าและท่าทางแปลกๆของพวกเพื่อนๆ
จากนั้นทุกคนก็กลับไปสนุกสนานกันต่อโดยที่ลุ่ยฟงคอยดูแลปั้นหยาอยู่ไม่ห่าง เขาต้องชนะใจเธอด้วยการแสดงตัวเป็นลูกผู้ชายให้เธอได้เห็น เพราะหลินหลินเล่าให้เขาฟังว่าปั้นหยาไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆเหมือนภายนอกของเธอเขาถึงต้องพยายามอย่างที่สุดเพื่อจะให้เธอตกหลุมรักความเป็นสุภาพบุรุษของเขา
ส่วนปั้นหยา พอดื่มไปสักพักเธอก็อดที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูไม่ได้เพราะคิดว่าบางทีพอลรภีอาจติดต่อเธอมา และก็เป็นอย่างที่เธอคิดเมื่อเขาโทรเข้ามาเป็นสิบๆสาย
“ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแปปนะคะ” เธอรีบลุกขึ้นแล้วเอ่ยขอตัว
“ให้พี่ไป...” ลุ่ยฟงกำลังจะลุกขึ้นแต่ปั้นหยากลับไม่ได้สนใจ พูดจบเธอก็เดินออกไปทันที ทำเอาลุ่ยฟงได้แต่นั่งลงที่เดิม
‘หมายเลขที่...’
พอกดโทรออกไปหาเขา เธอกลับพบว่าโทรศัพท์เขาปิดเครื่องอยู่ ปั้นหยาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัดใจ เมื่ออุตส่าคิดว่าออกมาดื่มกับเพื่อนๆเหมือนปกติอาจทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้ แต่มันกลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ลงไปอีกเพราะในใจเอาแต่คิดถึงพอลรภี
“ไปไหนมา...”
ขณะที่ยืนครุ่นคิดอยู่ เสียงอันเยือกเย็นก็ดังอยู่ด้านหลังของเธอ
“ลุง...” ปั้นหยารีบหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นคนที่เธอกำลังคิดถึง แต่เธอกลับต้องหุบยิ้มเมื่อตอนนี้พอลรภีกำลังจ้องมองเธอด้วยสีหน้าอันน่ากลัว
“ผมถามว่าคุณไปที่ไหนมา!” เขาตะคอกถามด้วยสีหน้านิ่งเรียบแต่กลับเหมือนมีเปลวไฟในดวงตาคู่นั้น เมื่อชุดที่เธอใส่อยู่นั้นมันเปลี่ยนไป
“ฉัน...ฉันก็...อยู่ที่นี่...” ปั้นหยาบอกขึ้นอย่างไม่เข้าใจ เขารู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่ผับ หรือเขาโทรถามเพื่อนของเธอ
หมับ!
“แล้ว...อ๊าย! ลุง! ทำอะไร ฉันเจ็บนะ ปล่อย! ฉันบอกว่าเจ็บ!”
ตุ๊บ! ปึ้ง!
ยังไม่ทันที่จะได้พูดหรืออธิบายอะไร ปั้นหยาก็ถูกลากเดินตรงไปที่รถ เขายัดเธอเข้าไปอย่างไม่เบามือนัก ก่อนพอลรภีจะเดินไปขึ้นรถอีกฝั่งแล้วพาเธอขับออกไปอย่างไม่ยอมพูดหรืออธิบายอะไรออกมา
ส่วนปั้นหยาได้แต่มึนงงสับสนพลางคิดว่าเขาอาจโกรธที่เธอไม่ยอมรับโทรศัพท์ ก่อนจะอดมองเขาอย่างเสียดาย เมื่อคิดว่าเขาไม่น่าเป็นพี่ชายของพิมพ์รวีเลย
ปึก!
เสียงปิดประตูรถดังสนั่น เมื่อเขาพาเธอมาจอดอยู่หน้าคอนโดสูงเสียดฟ้า ก่อนพอลรภีจะเดินมาหยุดอยู่ประตูข้างที่ปั้นหยานั่งอยู่
“ลงมา” เขาบอกขึ้น
ปึก...
ปั้นหยาเปิดประตูลงมาอย่างเริ่มไม่ไว้ใจเขา
“อ๊าย! นี่ลุง บอกว่าเจ็บไง ฉันเดินเองได้ ลุง! นี่ลุง!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้งเมื่อถูกเขาลากให้เดินตามเข้าไปด้านใน
ส่วนพอลรภีเขาลากเธอเข้ามาในคอนโดของเขาอย่างไม่สนใจแรงดิ้น เขาพาเธอขึ้นมาจนถึงห้องสูทสุดหรูที่แทบไม่เคยพาใครขึ้นมา
ปัง!!
“ถอดมันออก” เขาสั่งขึ้นทันทีที่เข้ามาในห้อง
“เป็นบ้าอะไรของลุง! ฉันจะกลับ ถอยไปนะ” ปั้นหยาที่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของเขาเริ่มรู้สึกกลัว พยายามบอกให้เขาหลีก
“บอกให้ถอดมันออก”
“ไม่! ฉันจะกลับ”
ทั้งสองยังยืนจ้องกันอยู่ที่หน้าประตูห้อง เมื่ออีกคนก็เอาแต่สั่งให้เธอถอดชุดที่ใส่อยู่ออก ส่วนอีกคนก็เอาแต่จะออกจากห้องไป
แคว๊ก!!
“ว๊าย! ไอ้ลุงบ้า! ทำอะไร อ๊ายยยยย!” ปั้นหยาถึงกับตกใจร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ดีๆพอลรภีก็เดินมาดึงชุดที่เธอใส่อยู่จนมันฉีกขาด
แคว๊ก! แคว๊ก! แคว๊ก! แคว๊ก!
ชายหนุ่มดึงมันทิ้งอย่างไม่คิดสนใจจนกระทั่งร่างสาวเหลือเพียงชั้นในติดกาย รอยแดงช้ำที่เห็นตรงต้นขาขาวเนียนทำเอาหัวใจหนุ่มเต้นแรงขึ้นอย่างโกรธเคือง
“รอยอะไร” เขาถามออกมา
“ทำอะไรห๊ะ! นี่เป็นบ้าไปแล้วรึไง! ฮือๆๆๆ คนบ้า เป็นบ้าอะไร ฮือๆๆ” ปั้นหยาที่ทั้งสับสน มึนงงและโกรธเคืองถึงกับปล่อยเสียงร้องไห้ออกมา เขาเป็นอะไรกันแน่ทำไมถึงโกรธเธอขนาดนี้
“ผมเจอคุณที่ผับกับผู้ชายอื่น นี่ใช่ไหมเหตุผลที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ผมทั้งวัน...แล้วรอยนี้ก็ได้จากมันใช่ไหมห๊ะ!” เขาตะคอกถามออกมา
“ฮือๆๆๆ คนบ้า ฮือๆๆๆ ไม่ใช่สักหน่อย ฮือๆ คุณมันบ้า ฮือๆๆๆ”
หญิงสาวร้องไห้ออกมาไม่หยุด มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าอย่างหมดท่า ปกติแล้วเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอหรือว่าร้องไห้ง่ายแบบนี้ แต่ครั้งนี้เธอไม่ไหวแล้วจริงๆทั้งคิดเรื่องความสัมพันธ์ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้มันตีกันยุ่งไปหมด
“ร้องไห้ทำไม คุณเป็นคนเริ่มทุกอย่างเอง ทั้งไม่รับสายผมทั้งไปเที่ยวกับผู้ชายอื่น ทำไมกัน บอกผมว่าสิว่าทำไมถึงทำแบบนั้น” พอลรภีที่มองคนตรงหน้าอย่างเริ่มใจเย็นลงถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ส่วนปั้นหยาก็ยังคงร้องไห้ เธอไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นบอกเขายังไงทั้งเรื่องความสัมพันธ์และเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนนี้ทุกอย่างมันดูแย่ไปหมดแล้ว
“เงียบแล้วบอกมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เป็นพอลรภีที่เดินเข้าไปใกล้แล้วโอบกอดเธอเอาไว้เมื่อนึกถึงเรื่องที่เธอไม่ได้ถูกใส่ใจดูแลจากครอบครัวของเธอก็เลยเริ่มรู้สึกสงสารและใจอ่อน