ร้านของเคชื่อว่าร้านบาร์ลับ เพราะมันตั้งหลบมุมอยู่ในมุมลับของตลาด ส่วนใหญ่เน้นขายเหล้า เบียร์แต่อีกอย่างที่อร่อยและขึ้นชื่อของร้านคือ ก๋วยเตี๋ยว
น้อยคนที่จะรู้จักร้านนี้ ส่วนใหญ่ที่รู้จักก็ไม่ใช่พวกคนดีสักเท่าไหร่นัก อย่างเก้าและเพื่อนของเขา เป็นต้น
“จะกินไรก็สั่ง”
กวากวารับเมนูจากเก้ามาเปิดดูพลางขมวดคิ้ว อาหารเพียงอย่างเดียวที่ร้านนี้ขายคือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ถูกเติมแต่งด้วยเครื่องต่าง ๆ ตามที่ลูกค้าสั่ง และนั่นคือปัญหาของกวากวา เธอไม่เคยกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
“พี่เค ผมเอามาม่าต้มยำทะเล ไม่งอก เผ็ดระดับห้าเพิ่มไข่ต้มมาด้วย”
เก้าหันไปสั่งอาหารกับเคที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่
“เอาเบียร์เหมือนเดิมนะ”
“เอาโค้กแล้วกันพี่ วันนี้ขับรถ”
เคเงยหน้าขึ้นมองเก้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“มึงไม่แดกสุรา เป็นไปได้เหรอวะ”
“จะเซ้าซี้เพื่อ?”
“เออ ๆ แค่นี้ทำหงุดหงิด แล้วน้องตุ๊กตาเอาอะไรดีครับ”
กวากวาเงยหน้าจากเมนู ส่งยิ้มแหย ๆ ให้เค เธออยากหันไปขอความช่วยเหลือจากเก้าแต่ไม่รู้เขาลุกออกไปไหนแล้ว
“ว่าไงจ๊ะ”
“เอาเหมือนเฮียเก้าก็ได้ค่ะ”
“ได้เลย รับน้ำอะไรดี”
“เอ่อ มีนมหมีปั่นมั้ยคะ”
เคยิ้มเอ็นดู หากเป็นคนอื่นเขาคงด่าไปแล้ว ร้านเขาขายเหล้าแต่ดันมาสั่งนมปั่น แต่สำหรับแม่สาวตุ๊กตาคนนี้ถือว่าให้อภัย
“ร้านพี่คงไม่มี แต่เดี๋ยวให้เด็กไปซื้อให้แล้วกันนะ”
“ขอบคุณมากนะคะ”
เคยกมือรับไหว้กวากวาแทบไม่ทัน ปกติผู้หญิงรอบตัวเขาไม่มีใครมารยาทดีขนาดนี้ ยังนึกสงสัยเลยว่าเก้าไปหาแบบนี้มาจากไหน
“มาแล้วมาม่ารสเด็ด แล้วนี่นมสดปั่นของน้องตุ๊กตาครับ”
“ไม่ยักรู้ว่าร้านพี่ขายนมด้วย”
“สำหรับคนน่ารัก ร้านกูมีหมดแหละ”
“ขอบคุณค่ะ”
กวากวายิ้มกว้าง รับนมสดปั่นมาดูดพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนเด็ก
“น้อยหน่อย แค่กินนมสดปั่น ไม่ต้องยิ้มขนาดนั้น”
รอยยิ้มสดใสหุบแทบทันที เธอแอบค้อนเล็กน้อยก่อนหันไปหยิบช้อนส้อมมาเพื่อเตรียมจะลงมือทานมาม่าแทน
“น่าทานมากเลยค่ะพี่เค”
“เจ้าของก็น่าทานนะครับ”
“อะแฮ่ม”
เก้ากระแอมเบา ๆ หยิบตะเกียบมากระแทกลงบนชาม
“พี่ไม่กวนแล้วดีกว่า ทานให้อร่อยกันนะ”
เคเห็นท่าไม่ดีเลยรีบขอตัวออกไปก่อน เห็นหน้ารุ่นน้องตัวเองแล้วหนาว ๆ ร้อน ๆ ยังไงไม่รู้
“อยู่ทานด้วยกันก็ได้นะคะ”
แม่ตุ๊กตาคนดียังอุตส่าห์ชวนเขาอีก ไม่ได้มองหน้าบุคคลด้านข้างเลยหรือยังไงกัน
“ถ้ายังไม่กิน ฉันจะเอามาม่านี่ราดหัวเธอซะกวากวา”
“พี่ไปดูแลลูกค้าดีกว่าจ้ะน้องกวากวา พี่ยังอยากมีชีวิตรอดอยู่”
กวากวามองอาหารในถ้วยด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง ยิ่งสีน้ำซุปที่ออกแดง ๆ ส้ม ๆ นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกหนักใจ เธอไม่เคยได้รับอนุญาตให้ทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบนี้ด้วยเหตุผลที่ว่ามันมีผงชูรสเยอะ แต่เมื่อหันไปเห็นเก้ากินด้วยสีหน้าเอร็ดอร่อย เธอเลยลองตักเข้าปากบ้าง
“อ๊ะ”
เพียงคำแรกที่ตักเข้าปาก ใบหน้าขาวเนียนก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง มือเล็กรีบหยิบนมสดปั่นขึ้นมาดูด
“เป็นอะไรของเธอ”
“ผะ...เผ็ด มันเผ็ด”
ว่าพลางดูดน้ำไปด้วย น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างน่าสงสาร
เก้าเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะใช้ช้อนตักน้ำซุปในถ้วยของเธอชิม
“ยัยตุ๊กตา ใครให้เธอสั่งเผ็ดขนาดนี้”
กวากวาไม่ได้สนใจเสียงดุของคนตรงข้าม รีบหันซ้าย หันขวาหาน้ำมาเติม น้ำหูน้ำตาไหลพรากด้วยความเผ็ด
“เฮีย เฮียช่วยกวาหน่อย”
“ขอร้องก่อนสิ”
ตอนแรกก็คิดจะช่วย แต่พอเห็นท่าทางและหน้าตาน่ารัก น่าแกล้งของเธอ เก้าเลยถือโอกาสแกล้งเธอเสียหน่อย
“เฮียเก้าขา ช่วยกวาหน่อย ฮึก กวาไม่ไหวแล้ว”
สันกรามคมขบเข้าหากันแน่น สายตาออดอ้อน มีน้ำตาคลอ บวกกับปากอิ่มแดง ๆ นั่นแทบทำให้เก้าคุมตัวเองไม่อยู่ ความรู้สึกดีในคืนนั้นที่เขาไม่มีวันลืมย้อนกลับมาแทบทันที
“เฮียขา ชะ...”
“ไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวไปหาอะไรมาแก้เผ็ดให้”
เก้ารีบลุกขึ้นก่อนที่อย่างอื่นในตัวเขาจะลุกแทน เดินก้าวฉับ ๆ ไปหลังบาร์ กลับมาพร้อมแก้วใสบรรจุน้ำสีเหลืองสวย
“อะไรคะ”
“เบียร์สด มันช่วยได้”
กวากวามองด้วยสายตาไม่ค่อยไว้วางใจ แต่ก็ยอมรับแก้วนั้นมายกขึ้นดื่ม
“อี๋ ขม”
ใบหน้าน่ารักเหยเก หลังจากกินเข้าไปเกือบครึ่งแก้ว
“แล้วใครใช้ให้กระดกเข้าไปแบบนั้น”
“ก็ตอนนั้นมันเผ็ดนี่นา”
กวากวาว่าพลางย่นจมูกใส่ เหลือบมองถ้วยก๋วยเตี๋ยวด้วยใบหน้าเข็ดขยาด
“แล้วดีขึ้นมั้ย”
“อ่า ก็ดีขึ้นนะคะ”
“เหอะ นึกยังไงถึงสั่งมาเหมือนฉัน”
“บอกแล้วเฮียห้ามหัวเราะนะคะ”
กวากวากระซิบกระซาบเสียงเบา
“เออ บอกมา”
“กวาไม่เคยกินนี่นา เลยสั่งไม่เป็น”
ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อได้ยินในตอนแรกแต่ไม่ได้ว่าอะไร หันไปเรียกพนักงานที่กำลังเดินอยู่แถวนั้น
“ไอ้ต้นมานี่ดิ”
“ครับเฮียเก้า”
“เอามาม่าหมูสับมาถ้วยหนึ่ง”
“ได้เลยครับ รอสักครู่นะครับ”
ต้นแอบเหลือบมองกวากวาเล็กน้อยก่อนจะรีบหลบสายตา เพราะก่อนหน้านี้เคเจ้าของร้านเตือนมาว่าห้ามไปมองผู้หญิงที่มากับเก้าเด็ดขาด ถ้าไม่อยากชะตาขาด
หลังจากต้นเดินออกไป กวากวาก็นั่งก้มหน้าเตรียมรับคำด่าจากเก้าเต็มที่ เขาต้องว่าเธอไม่ได้เรื่องแน่เลย
“นี่ยัยตุ๊กตา”
“คะ?”
“คราวหน้าคราวหลังสั่งไม่เป็นก็บอก ไม่ใช่สั่งอะไรที่ตัวเองกินไม่ได้แบบนี้”
กวากวาเงยหน้าขึ้น เบิกตากว้าง มองหน้าเก้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“มองอะไร!?”
“เฮีย ไม่ด่ากวาเหรอคะ”
“ทำไม อยากให้ด่าหรือไง”
“เปล่าค่ะ ไม่ด่าแบบนี้ดีแล้วค่ะ เฮียน่ารักมาก”
กวากวาส่ายหน้ารัวเร็ว รีบบอกด้วยเสียงสดใส ฉีกยิ้มกว้างส่งไปให้ แต่โดนตะเกียบเคาะหน้าผากกลับมาแทน
“เหอะ”
เก้าก้มลงคีบเส้นมาม่าเข้าปากเพราะรู้สึกเหมือนปากเจ้ากรรมมันกำลังจะยิ้มออกมา เขาไม่มีทางยิ้มเพราะรอยยิ้มของยัยคุณหนูตุ๊กตานี่หรอก
อีกฝั่งทางด้านเคาน์เตอร์ พนักงานประจำร้านสองคนอย่างต้นและเลย์กำลังชะเง้อมองไปยังโต๊ะของเก้าพลางชื่นชมผู้หญิงที่มากับเก้าอย่างเพ้อฝัน
“คนอะไรไม่รู้ น่ารักอย่างกับตุ๊กตาเลย”
“เออ เมื่อกี้ตอนกูไปรับออเดอร์โต๊ะเฮียเก้า ถ้าเธอไม่กะพริบตา กูคิดว่าตุ๊กตาจริง ๆ นะ”
โป๊ก โป๊ก
เสียงถาดกระทบหัวทั้งคู่คนละที
“จะนั่งส่องกันอีกนานมั้ย เดี๋ยวกูไล่ออกทั้งคู่เลย”
“ขอโทษครับพี่เค”
เคส่ายหน้าเอือมระอาลูกน้องตัวเองทั้งสองคน ต้นและเลย์เป็นนักศึกษาปีสามมหาวิทยาลัยเก่าเขานั่นแหละ แต่คนละคณะกัน เห็นพวกมันนิสัยดี ขยัน เคเลยชวนมาทำงานที่ร้านหลังเลิกเรียน
“ว่าแต่พี่เคครับ น้องตุ๊กตาคนนั้นเด็กเฮียเก้าจริงเหรอครับ”
ต้นกระซิบกระซาบถามเจ้านายด้วยความอยากรู้เพราะไม่เคยเห็นเก้าพาใครมาที่นี่
“อยากรู้ก็ไปถามมันสิ”
“อู้ว ใครจะกล้าครับ”
“ใช่ ผมยังไม่อยากโดนกระทืบตายก่อนวัยอันควรหรอกนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกเสือกแล้วไปทำงาน”