หลังจากผละหลังมือออกห่าง เขาก็จุมพิตริมฝีปากของเธออย่างดูดดื่ม สอดแทรกลิ้นสากร้อนเข้ามาพัวพันในโพรงปากนุ่มละมุนของเธอ
รสจูบกำซาบซ่านมาพร้อมกับความรู้สึกที่เธอเองก็อยากยินยอมพร้อมใจกับเขาไปด้วย
เขาซุกไซ้เข้าที่ซอกคอหอมกรุ่นของเธอ ขบเม้มจนได้ยินเสียงครวญครางที่เปล่งออกมาด้วยความกระสันซ่าน ร่างกายของเธอสั่นระริกยามที่เขากอบกุมทรวงอกอวบอิ่มเอาไว้ แล้วจับป้อนเข้าปากดูดรวบอย่างหนักหน่วง
เมขลาร้องครางและหัวหมุน เขาสัมผัสไปตรงไหนเธอก็สะท้านหวั่นไหวเสียทุกครั้ง ร่างกายของเธอมีแต่ความปรารถนาที่ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน
มือหนาของเขาลูบไล้สะโพกผายของเธอ เขาเกลี่ยนิ้วไปกับกลีบกายสาว ชุดซีทรูของเธอถูกแหวกอย่างเบามือ มันไม่ได้ถูกถอดทึ้งหรือปลดออกจากเนื้อตัวของเธอเลยแม้แต่น้อย
เขาจุ่มจ้วงนิ้วเข้าหากลีบกายสาวของเธอ สัมผัสกับความคับแคบที่ไม่เคยมีชายใดล่วงล้ำมาก่อน เขาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเดินหน้าต่อ บดบี้ปุ่มกระสันกลางกายของเธอ พร้อมด้วยฝากฝังนิ้วเรียวยาวเข้าไปในร่องสวาทของเธอเป็นจังหวะ
หญิงสาวร้องคราง มองหน้าเขาแล้วหน้าแดงก่ำ อยากจะหนีบขาเข้าหากัน แต่เขาจับขาของเธอแหวกออกจากกันเสียก่อน และยังไม่ทันให้เธอได้ประท้วงอะไรได้ เธอก็เห็นว่าเขาหยิบเครื่องป้องกันที่หัวเตียงมาสวมใส่ และเริ่มสอดแทรกเข้ามาในเรือนกายสาว
เมขลารู้สึกได้ถึงความเป็นชายที่ฝากฝังเข้ามาในเรือนกายของเธอ กำลังเชื่อมประสานเข้าหาแบบที่ไม่ยอมล่าถอย เธอกัดปากเล็กน้อยยามที่เขายังกดแทรกจนรู้สึกได้ถึงความอึดอัดคับแน่น
องศาก้มลงบดจูบริมฝีปากของเธอเบาๆ ทำให้เธอต้องเผยอริมฝีปากรับจุมพิตของเขาแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอได้ยินเสียงกระซิบอ่อนโยนของเขาที่ดังอยู่ตรงริมหู
“อย่ากัดปากแบบนั้นสิ ปากห่อเลือดแล้วเห็นไหม” ประโยคของเขานุ่มนวลชวนให้เธอเคลิบเคลิ้ม และคิดไปว่านั่นคือความห่วงใย เขาทำให้เธอหวั่นไหวหนักขึ้นไปอีก
เมขลาบอกตัวเองว่าหักห้ามใจไม่ได้เสียจริงๆ กับความอ่อนโยนของเขา ใช่... เขามีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่ในเวลานี้เธอเป็นของเขา หญิงสาวคิดอย่างเพ้อฝันตามประสาคนแอบรัก ที่ทำได้แค่แอบรักและคงไม่มีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้มากกว่านี้
เธอครางประท้วงเมื่อเขาโจนจ้วงเข้ามาเกินกว่าครึ่ง มือน้อยเผลอดันหน้าท้องแกร่งของเขาเอาไว้ ในขณะที่ร่างกายของเธอถูกตรึงเอาไว้ใต้ร่างของเขา
การร่วมรักที่ไม่ได้เต็มไปด้วยความดุดันเร่าร้อนแต่เต็มไปด้วยการยินยอมพร้อมใจค่อยๆ ดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน เขารู้จังหวะที่จะหยุดและรอให้เธอได้ปรับตัว ในขณะที่เขาโหย่งกายออกห่างให้เธอผ่อนคลายและกลับเข้ามาใหม่
เธอครางออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าแทบไม่เป็นภาษา มือน้อยจิกไปกับผ้าปูเตียงแน่นยามที่เขาโยกคลอนหนักๆ และทวีความเร่าร้อนรัวเร็วมากยิ่งขึ้น
ในที่สุดบทรักที่แสนวาบหวามของเขาก็จบลงอย่างสวยงาม เธอรู้สึกว่ารอบกายช่างพลิกคว่ำพลิกหงายไปหมด มันแตกพล่าและเธอก็เสร็จสมอารมณ์หมายเป็นครั้งแรกในชีวิตสาว
เขาพลิกกายลงจากร่างของเธอ ไม่มีอ้อมแขนที่จะกอดรัดหรือจุมพิตหวานๆ เธอได้ยินเพียงแค่ลมหายใจหอบกระเส่าของเขาก่อนจะกลับมาสู่สภาพเดิม
“อาบน้ำก่อนไหม” เขาเอ่ยถาม เธอที่รวบผ้าห่มมาปิดป้องร่างกายเอาไว้พยักหน้า เมขลาเตรียมชุดมาเปลี่ยนเพื่อใส่กลับบ้าน ใช่แล้วหมดเวลางานเธอก็ควรจะจากไปให้เร็ว ไม่ให้ลูกค้าอย่างเขาต้องรำคาญใจอีก
“คะ” เธออุทานเบาๆ เมื่อทำท่าจะลงจากเตียงเขาก็ดึงข้อศอกของเธอเอาไว้
“ฉันให้พิเศษ” เขาหยิบเงินยื่นให้เธอ เมขลามองอย่างอึ้งๆ เธอเป็นได้แค่ผู้หญิงขายบริการ เขาชอบเลยให้ทิป นั่นคือความจริง
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เอยได้ค่าจ้างล่วงหน้าไปแล้วค่ะ” เธอพูดอย่างขมคอ เหมือนมีดกรีดใจจนย่อยยับ รู้สึกไร้ค่าเหลือเกินในเวลานี้
“เอาไปเถอะ คืนนี้ก็พักผ่อนซะไม่ต้องรับงานอีก”
“เอยไม่ได้” เธอกัดปากตัวเอง นี่เขาคิดว่าเธอจะรับงานไปนอนกับผู้ชายคนอื่นอีกเหรอนี่ หัวใจของเธอเจ็บร้าวเหมือนโดนเข็มทิ่มตำจนเจ็บแปลบไปหมดทั้งอก
“ทำอาชีพนี้ต้องดูแลตัวเองอยู่เสมอ เธออาจต้องการใช้เงิน” เขาพูดออกมา น้ำเสียงของเขาก็เหมือนองศาคนเดิมที่ไม่ได้หยาบคายอะไร
ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาไม่เคยพูดจาก้าวร้าวหรือพูดจากระโชกโฮกฮาก แต่น้ำเสียงเนิบๆ นาบๆ เฉยชาของเขาก็ทำให้เธอเจ็บลึกไปถึงทรวงใน
เธอไม่รับเงินของเขาแต่รวบผ้าห่มมาห่อตัวเองเอาไว้และรีบเดินหนีเข้าห้องน้ำไป เมขลารู้สึกอับอายและห่อเหี่ยวในหัวใจยิ่งนัก
เธอร้องออกมาเบาๆ มองตัวเองในกระจกก็เห็นเพียงแค่ดวงตาแดงก่ำและใบหน้าที่ไร้ความสุข
เธอรีบอาบน้ำอาบท่าและต้องกัดปากตัวเองเพราะลืมหยิบเสื้อผ้าที่เตรียมเอาไว้เข้ามาในห้องน้ำด้วย
หญิงสาวนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวและชะโงกหน้าออกมาจากห้องน้ำ ไม่เห็นว่าองศาอยู่บนเตียงเหมือนตอนที่เธอลุกมา เธอจึงรีบก้าวออกมาจากเตียง เพื่อจะไปหยิบเสื้อผ้าและเดินกลับเข้าไปสวมใส่ในห้องน้ำเหมือนเดิม
“เธอกลับยังไง” ประโยคของเขาทำให้เธอหันขวับไปมอง องศาอยู่ในชุดเสื้อคลุม กำลังมองเธอด้วยสายตานิ่งๆ เหมือนที่เขาแสดงออกมาดังเช่นทุกครั้ง
“เอย... อาจจะกลับแท็กซี่ค่ะ” เธอตอบเขา ก่อนรีบผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำและแต่งเนื้อแต่งตัวด้วยมืออันสั่นเทา
“บ้านหลังนี้อยู่ชานเมือง ไม่ค่อยมีรถแท็กซี่ขับผ่านนะ” เธอชะงักเมื่อออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินประโยคนั้นของเขา
“งั้นเอยจะลองเดินออกไปเรียกรถดูค่ะ” เธอตอบรับเสียงเบา รีบเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองแต่เขาคว้าแขนเอาไว้
“ปกติเธอดื้อแบบนี้เสมอเหรอ” ประโยคของเขาทำให้เธอต้องหันไปมอง
“ดื้ออะไรกันคะ”
“ฉันบอกว่าที่นี่เรียกรถแท็กซี่ยากและนี่ก็ดึกมากแล้ว ยังอยากจะเดินออกไปเรียกรถอยู่อีกเหรอ เดี๋ยวก็โดนเหมือนวันนั้นอีกหรอก” เขาทำเสียงดุใส่
“เรื่องของเอย” เธอดึงข้อศอกหนี ทำเป็นเก่งใส่เขาทั้งๆ ที่ในใจนั้นสั่นกลัวเหลือเกิน กลัวการเดินออกไปจากบ้านของเขาค่ำๆ มืดๆ พอๆ กับไม่อยากอยู่ให้เขาดูถูกในบ้านของเขาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเช้า
“มันก็เรื่องของฉันด้วย ถ้าเธอเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เป็นคดีความใหญ่โต เช่นโดนฆ่าข่มขืนหรืออะไร ตำรวจก็ต้องมาสอบปากคำฉันเพราะอยู่กับเธอเป็นคนสุดท้าย เธออยากให้ฉันเดือดร้อนหรือยังไงกัน” เขาเอ่ยถาม หรี่ตามองเธออย่างประเมิน ประโยคของเขาทำให้เธอถึงกับถอนใจพรืดใหญ่ เขาไม่ได้เป็นห่วงกลัวเธอจะเป็นอะไร แค่ไม่อยากเป็นข่าวว่าซื้อผู้หญิงกินให้คู่หมั้นคนสวยต้องรับรู้ก็แค่นั้นเอง เธอรับรู้และเจ็บแปลบอีกแล้วในหัวใจ
“แล้วคุณจะให้เอยทำยังไงคะ” เธอเอ่ยถามออกไป และอยากรู้ว่าเขาจะให้เธอทำเช่นไร
“ก็อยู่จนถึงเช้าค่อยกลับ”
“คุณจะให้เอยอยู่กับคุณต่ออีกเหรอคะ” เธอหน้าแดง
“อยู่ต่อ แต่ให้นอนพักเฉยๆ ไม่ได้ให้ทำอะไรอย่างที่เธอคิดหรอก”
“เอยเปล่าคิด” เธอรีบปฏิเสธและกัดปากตัวเองด้วยความอาย
“ทำงานนี้นานแล้วเหรอ” เขาจะถามทำไมนะ เธอกัดปากส่ายหน้าไปมา แต่ไม่ได้บอกไปว่าทำครั้งแรกกับเขา
“ควรกลับไปเรียนหนังสือและหยุดทำงานแบบนี้นะ มีงานอื่นให้ทำมากมาย”
“คือว่าเอย...” เธอเงยหน้ามองเขา
“ขอโทษที่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเธอ แค่ไม่คิดว่าจะมาทำงานแบบนี้” เขายอมรับว่าเสียดายอยู่มากที่เห็นว่าเธอทำงานแบบนี้ ตอนแรกที่เขาเจอเธอและได้ช่วยเหลือกัน คิดว่าเธอเป็นเด็กสาวใสซื่อที่นิสัยดี ไม่คิดว่าจะชอบงานประเภทขายบริการให้ผู้ชายหรืออยากจับผู้ชายรวยๆ แม้กระทั่งเจ้าของบ้านตัวเองก็ไม่เว้น คนเรามองกันแค่ภายนอกไม่ได้เลยจริงๆ